วันอาทิตย์, พฤษภาคม 02, 2564

ความในใจของพ่อค้า เหนื่อยท้ออย่างสุดๆ กับรัฐบาลเฮงซวย




Bhanuwat Jittivuthikarn is at Folks & Flour Homemade French Bakery.
19h · Pattaya, Thailand ·

ตอนแรกสัญญากับตัวเองว่า โดน คำสั่ง “ห้ามนั่ง” รอบนี้ จะไม่บ่น ไม่ท้อ ไม่แสดงความอ่อนแอ ให้ใครเห็น
เพราะ ทุกๆคำสั่ง เพื่อระงับการระบาดรอบนี้ ผมน้อบรับอย่างจริงใจ
แต่เช้าวันนี้ มีลูกค้า ต่างชาติที่เคยมากินอาหารเช้าที่ร้านทุกวัน แล้วผมขอให้ พวกเขาสั่งกลับบ้านเท่านั้น ครอบครัวนี้มีลูกเล็กสองคน เด็กๆ ไม่เข้าใจ ว่าทำไมนั่งกินในร้านไม่ได้ เจ้าตัวเล็กคนหนึ่ง พูดออกมาว่า “I don’t understand room is empty, why cant we eat here?” โดยคนเป็นแม่ก็ขอร้องอ้อนวอนให้เราทำอาหารให้เด็กๆกินเถอะ ใครเป็นพ่อเป็นแม่เลี้ยงเดียวแล้วมีลูกสองคนติดๆกันจะเข้าใจว่าการเอาของกลับไปให้เด็กกินที่บ้านมันไม่ได้สะดวกสบายเลย เธอขอร้องให้ผมอย่าเพิ่งปิดร้าน ลูกๆเธอเป็นเด็กกินยาก ถ้าร้านปิดเธอลำบากแน่
หลังจากที่ลูกค้าเดินออกไปผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เสียใจที่เรามอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการไม่ได้
เพราะ ทั้งๆที่เราเพิ่งเปิดร้านมาได้แค่หกเดือน แต่ร้านเรามีลูกค้าประจำเยอะมาก ร้านนี้ จึงเป็นมากกว่า แค่ ธุรกิจ มันเป็น ครอบครัว เป็นชุมชนเล็กๆที่ผมมี มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม แล้วอยู่ๆวันนี้ บางส่วนของชีวิตผมมันหายไป
เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่ร้าน King Seafood ต้องปิดตัวเพราะโควิท ผมกับแฟน เราตั้งใจปั้นร้านใหม่ขึ้นมา โดยมีการวางแนวทางที่แตกต่างจากร้าน เดิม ในช่วงสถานการแบบนี้การเริ่มต้นทำอะไรใหม่ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย เราคิดและทำการบ้านหนักมาก เค้นเอาทุกๆประสพการณ์ที่เรามีออกมาใช้ เราสัญญากับตัวเองทำร้านรอบนี้ต้องแตกต่างจากร้านเก่า เราไม่อยากเดินบนความสำเร็จเดิมๆ นี้ถือเป็นการปั้นโมเดลธุรกิจตัวใหม่ขึ้น และในช่วงตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเราก็ทำสำเร็จในระดับหนึ่ง เรามีลูกค้าประจำ เรามีลูกค้าจาก กทม ทุกๆครั้งที่มีปัญหา ผมบอกกับลูกน้องที่เป็นลูกน้องเก่าจากร้านเก่าว่า เราไม่เหลืออะไรแล้วนะ เหลือร้านนี้ร้านสุดท้าย ถ้าร้านนี้ต้องปิดอีกก็ไม่มีแรงใจไปทำอะไรแล้ว ทุกคนต้องช่วยกัน
ระบาดระลอกแรกผมผ่านมันไปได้ด้วยการขาย ซอส xo
ระบาดระลอกสอง ผมก็ผ่านมันมาได้ ด้วยการทุ่มพลังมาที่ ร้าน Folks and Flour
ระบาดรอบนี้ ผมก็ไม่เหลืออะไรแล้ว หมดมุข คิดไม่ออกว่าจะแก้เกมส์ยังไง มันเหนื่อยมันท้อไปหมด
ทุกๆวิกฤตผมคิดว่ามันจะทำให้ผมจะเข้มแข็งขึ้น มีภูมิต้านทานมากขึ้นแต่จริงๆไม่เลย จะอีกกี่รอบ ผมก็ทำใจเห็นธุรกิจที่ทำมากับมือพังพินาศไปต่อหน้าต่อตา ไม่ได้
อยากถามถึง ภาครัฐ ว่า ที่ร้านอาหารทุกร้านทำอยู่นี้ ยังไม่ดีพอใช่มั่ย ตลอดปีที่ผ่านมาเรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามมาตรการของรัฐมากมาก
ภาษีทุกแบบรัฐก็ยังเก็บ แต่เมื่อใดที่รับแก้ปัญหาไม่ได้ก็มาลงที่ร้านอาหาร มันผิดที่พวกผมอีกแล้วใช่มั่ย เหมือนที่ผ่านมาพวกเราร้านอาหารยังสู้ไม่พอใช่มั่ย ผมแค่ขายครัวซองต์ ไม่ได้เปิดผับ ไม่ได้เปิดบ่อน ไม่ได้เปิดสนามมวย ไม่ได้นำเข้าแรงงานเถื่อน
และขอทีเถอะ ใครต่อใครอย่ามาอวดดีมาสอนผมว่า ธุรกิจร้านอาหาร ต้องปรับตัว หันไปส่ง Delivery สิ หันไปทำทำของส่งเข้า กทม ไปทำ Could kitchen ที่ กทม สิ หากใครมาอวดดีสอนผม เรื่อง Delivery ผมจะบอกให้ ว่าผมทำไม่ได้ เพราะร้านผมและตัวตนของผมไม่ได้ขายแค่อาหารอย่างเดียว
ผมขาย กลิ่นกาแฟบดใหม่ๆยามเช้า กลิ่นครัวซองต์อบใหม่จากเตา ผมขายบรรยากาศที่ลูกค้ามีความสุข ผมขายความอบอุ่น จากอาหารเช้าที่เหมือนกินอยู่ที่ยุโรป ผมขาย ความสัมพันธ์ ให้ผู้คน ใครอยากกินเมนูพิเศษ อะไร ถ้าเราทำได้เราจะทำ ผมขายขนมตามเทศกาลของยุโรป อาหารที่ลูกค้าต่างชาติกินแล้วหายคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา เพราะผมเองก็เคยจากเมืองไทย เราเข้าใจตวามรู้สึกของผู้ตนที่อยู่ต่างบ้านต่างเมือง นี้คือสิ่งที่ผมมอบให้ลูกค้า นี้คือคำตอบว่าทำไมลูกค้าถึงมานั่งกินไข่ดาวที่ร้านผมทั้งๆที่พวกเขาทำกินเองที่บ้านก็ได้ และนี้คือเหคุผลที่ทำไม ส่ง อาหาร delivery มันถึงไม่ตอบโจทย์ ร้านผม
และบอกตรงๆ ทุกวันนี้ ก็ยังทำใจกับค่า GP ของ delivery เจ้าใหญ่ๆ ไม่ได้ ร้านผมถึง ไม่มี ทั้ง Grab ทั้ง Lineman และ Food Panda
ลูกค้าอยากกินผมขับรถไปส่งเอง ขับไปส่งถึง กทม ก็เคยขับไปส่งมาแล้ว ขออย่างเดียวลูกค้าเห็นค่าในสิ่งที่เราทำให้
หนึ่งปีที่ผ่านมา ร้านอาหารสูญเสียมามากพอแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาผมคิดว่า คนทำร้านอาหารเสียสละมามากพอแล้ว อย่าให้ผมต้องปิดร้านนี้ไปอีกร้านเพราะโควิทเลย
ผมไม่เหลืออะไรให้ทำแล้ว