วันศุกร์, กรกฎาคม 27, 2561

ปชป. แตกแถวสดุดีทักษิณ มัชฌิมาแทงกั๊ก การเมืองระบอบ คสช. ยุบหนอพองหนอ


๒๖ ก.ค. ทักษิณ ชินวัตร ฉลองวันเกิดอายุครบ ๖๙ ปีของเขาอย่างเอิกเกริกในกรุงลอนดอน เป็นวันเกิดที่เขาบอกว่ามีความสุขที่สุด และยังต้องการ กลับบ้าน

แม้นว่าตุลาการระบอบรัฐประหารได้เพิ่มหมายจับเขาเป็นฉบับที่ ๕ ในฐานที่ไม่ไปศาลโดยไม่แจ้งเหตุในคดีหวยบนดิน และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพิ่งมีคำสั่งฟ้อง พานทองแท้ ลูกชายในข้อหาฟอกเงิน จากการแลกเช็ค ๑๐ ล้านเกี่ยวเนื่องกับคดีสหกรณ์คลองจั่น

แต่การรุกของเครือข่ายระบอบรัฐประหาร นอกจากไม่ระคายเคืองต่ออดีตนายกรัฐมนตรีผู้เร่ร่อนอยู่ต่างประเทศอย่างอูฟู และขยายขอบข่ายธุรกิจมั่งคั่งยิ่งขึ้นไปอีก แล้วยังดูเหมือนว่าเขาจะกำลังเป็นต่อ ถ้าหากเปรียบมวยกับกลุ่มการเมืองฝ่ายรัฐประหาร

ในเมื่อนักการเมืองคนหนึ่งที่บินไปร่วมฉลองวันเกิดทักษิณที่ลอนดอน ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย หรืออดีตพรรคพลังประชาชน หรือไทยรักไทย หากแต่เป็นอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ คู่กัดไม้เบื่อไม้เมาของทักษิณและพรรคเพื่อไทย ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์

ยิ่งไปกว่านั้น อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีกคนที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมงาน แต่โพสต์ข้อความอวยพรแก่ทักษิณอย่างยาวเหยียด ไล่เรียงเหตุการณ์ที่ทำให้ทักษิณต้องระเห็ดไปรวยอยู่เมืองนอก นี่ก็ ๑๑ ปีเข้าไปแล้ว
 
เนื้อความในข้อเขียนของ นคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ล้วนเป็นข้อเท็จจริงที่หากไม่บอกชื่อว่าใครเขียน คงต้องคิดว่าเป็นผู้รักประชาธิปไตยไฟแรงคนหนึ่ง ซึ่งมีศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อผลงานการบริหารประเทศของทักษิณ

เขาเริ่มต้นจดหมายถึงนายก ทักษิณ ชินวัตร ด้วยการท้าวความว่าเคย “อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับท่าน” แต่ก็ “ต้องยอมรับความจริงว่า ท่านบริหารชาติบ้านเมืองได้ดี...ต้องยอมให้ในการบริหารงานของท่านว่าเก่งมาก”

ขนาด “ผมอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็มองอย่างแปลกใจว่าเป็นไปได้อย่างไร ทำไมท่านจึงชนะใจประชาชน และเหตุใดพวกเราจึงพ่ายแพ้ต่อท่านอย่างยับเยิน ทั้งที่พวกเราและแนวร่วมฝ่ายอนุรักษ์นิยม...ได้ใช้สรรพกำลังทุกองคาพยพอย่างเต็มที่แล้ว”

สรรพกำลังเหล่านั้นมีทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายทหาร และข้าราชการประจำ “ที่สำคัญที่สุดและแนบเนียนที่สุดคือ ฝ่ายตุลาการระดับสูงบางคนที่เชื่อมั่นและศรัทธาฝ่ายเผด็จการอนุรักษ์นิยม ในนามตุลาการภิวัฒน์ ร่วมกันขย้ำท่าน”

นครเล่าความต่อไปอีกว่า แม้การยึดอำนาจ ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ทางการเมือง รวมทั้งการยึดอำนาจซ้ำ “เพื่อตอกฝาโลง...ท่านกับน้องสาวจะต้องไม่อยู่ในประเทศ เพราะถ้าท่านอยู่พวกเราคงจะไม่ได้มีโอกาสชนะและกลับมาครองอำนาจเป็นแน่”

ไม่ว่าเขาจะถูกก่นด่าจากสมาชิกพรรคเดียวกันว่าเช่นไร ข้อความที่เขียนไว้สะท้อนให้เห็นวิชามารทางการเมืองของพวกอนุรักษ์นิยมแจ้งชัดว่า “กระบวนการทำลายประชาธิปไตยทำลายอำนาจของประชาชนจึงมีอยู่จริง ไม่ใช่เป็นแค่เพียงทฤษฎี แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะนี่มันคือสงคราม”

กระนั้นเขาก็ขอร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ประกาศตัวมายืนอยู่ข้าง ประชาชนและประชาธิปไตย ทำสงครามกับฝ่าย เผด็จการและแนวร่วมฝ่ายเผด็จการ

“ขอร่วมสู้กับท่านและเหล่าวีรชนฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อนำพาประเทศไทยของเราให้ข้ามพ้นจากความขัดแย้ง ข้ามพ้นจากยุคมืดของเผด็จการ ที่กดขี่ข่มเหงพวกเรา”


แน่ละ มันเป็นนัยยะหลังจากที่ทักษิณให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยก่อนหน้านี้ ว่าเขาพยายามรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อคืนสู่สังเวียนเช่นเดียวกับมหาเธร์ของมาเลเซีย แม้นว่าเขาถอยหลังไปหน่อยหนึ่งเมื่อพูดถึงประเด็นนี้ในงานวันเกิดว่า ล้อเล่น

ทว่าหลังจากเสียงเพลงแฮ้ปปี้เบิ๊ร์ธเดย์จบลง เขาขอเข้าสู่โหมดการเมืองด้วยการกล่าวกับบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทย อย่าได้กังวลเรื่องดูด ใครจะไปก็ อวยชัยให้เขาไปดีประมาณนั้น ส่วนประเด็นอื่นนอกเหนือจากนี้ยังไม่เปิดต่อสาธารณะ

กระนั้นดูเหมือน พลังดูด ชักจะเริ่มสั่นคลอน หากไม่เช่นนั้นก็เป็นชั้นเชิงการเมืองแบบ ลับ ลวง พรางของ คสช. เมื่อ สมศักดิ์ เทพสุทิน หนึ่งใน สามมิตร ที่ออกเดินสายคุยอดีต ส.ส. หลายพื้นที่ จนหลายรายทิ้งพรรคเดิมประกาศตัวร่วมก๊วนด้วย พยายามแทงกั๊กว่า

เป็นการไปแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นกับเกษตรกรทั่วไป ของนายภิรมย์ พลวิเศษ เลขากลุ่มสามมิตร ใครถนัดทางไหนก็ว่ากันไปตามนั้น” ครั้นถูกถามว่า “เปลี่ยนไปเป็นสีเขียวกันใช่ไหมล่ะ” สมศักดิ์ตอบว่า

“ถ้าเรามองไม่ถึงแก่นของข้อเท็จจริงก็อาจจะพูดอย่างนั้น ก็มีสิทธิพูด แต่ถ้าเรามองแล้วว่าเขาทำให้เกิดความสงบสุขได้ มันก็ต้องพิจารณาดูให้ดี เราไม่ใช่ถือปืนทะเลาะกัน เราอยากให้เกิดแนวทางมัชฌิมา...

ส่วนจะอยู่พรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้นถึงเวลาก็จะทราบเอง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่สะเด็ดน้ำพูดไปก็จะเกิดความวุ่นวาย”


ถามว่า ที่บอกว่าหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นจะหนุนในแนวทางใด จะเชิญมาเป็นที่ปรึกษาพรรคหรือนำมาใส่ในบัญชีรายชื่อเพื่อเป็นนายกฯรอบสอง นายสมศักดิ์กล่าวว่ายังไม่ถึงตอนนั้น เอาไว้ก่อน”

พริ้วทีเดียว สมกับที่มีคนเอ่ยถึงว่า เป็นนักการเมืองที่เอาตัวรอดได้จากสถานการณ์รัฐประหารหลายต่อหลายครั้ง ยึดทางสายกลาง มัชฌิมา เสียอย่าง อยู่ตรงกลาง ใครมาก็มาด้วย