ยังไม่ทันเห็นใบเสร็จ ปฏิเสธเสียยกใหญ่
ทั่นพันธุ์ม่วง สนช. อดีต ผบ.ตร. เปิดอกแถลงเรื่องเอี่ยวเสี่ยอ่าง (ดาวรุ่งดวงใหม่ไม่ใช่ชูวิทย์)
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง (ที่กำลังอ่วมกับคำติฉินนินทาเรื่องรับส่วยกิจการอ่างอาบนาบ
ของนายกำพล วีระเทพสุภรณ์ หุ้นใหญ่วิคตอเรียซีเคร็ท ที่โดนดีเอสไอและฝ่ายปกครองบุกตรวจค้นและจับกุมผู้จัดการกับป๋าเรียกแขก
ตั้งข้อหาค้ามนุษย์เพราะเจอเด็กสาวตู้กระจกอายุรุ่นผู้เยาว์ แถมเป็นต่างด้าวนอกบัญชีบานเบอะ)
ยืดอกรับว่าเป็นเพื่อนกับนายกำพล “แน่นอน
มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ตนเคยเดือดร้อนก็เคยไปขอความช่วยเหลือจากนายกำพลหลายครั้ง” เรื่องการเงินน่ะ ๓-๔
ครั้ง รวมกัน ๓๐๐ กว่าล้านบาทดังที่เป็นข่าว
ทั่น ‘บิ๊ก’ อีกคนใน คสช. อ้างว่าการช่วยเหลือของเสี่ยกำพลแก่ตนนั้นมีการทำธุรกรรมโอนเงินอย่างถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย
“ถ้าผมมีเจตนาทุจริตหรือปิดบังซ่อนเร้น...ผมให้นายกำพลหอบเงินสดมาให้ไม่ดีกว่าหรือ”
ข้อสำคัญบิ๊กพันธุ์ม่วงแจ้งว่า การทำธุรกรรมโอนเงินกันนี้
“ได้รายงานให้ ปปช. ทราบเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว”
คงหมายถึงทั้งตอนที่นายกำพลโอนมาให้ (เพื่อช่วยเหลือ) และตนโอนกลับไปเมื่อนายกำพลขอคืน
ภายในปีเดียวกันด้วย
ส่วนที่อดีต ผบ.ตร. ชื่นชมนายกำพลเป็นคนใจบุญสุนทาน
ร่วมบริจาคโน่นบริจาคนี่กับตนหลายสิบล้านนั้น ดูคลิปข่าวของมติชนได้ที่นี่ https://www.matichon.co.th/news/829867
ไม่รู้ว่า ‘ใบเสร็จ’ ที่ พล.ต.อ.สมยศเอ่ยถึงการทำธุรกรรมการเงินกับเสี่ยกำพล
จะเป็นใบเดียวกับที่สำนักข่าวอิศราเอามาเปิดเผยหรือเปล่า
อิศราระบุว่านายกำพลทำธุรกรรมการเงินในปี
๒๕๕๘ วงเงินไม่ต่ำกว่า ๘๕๐ ล้าน นอกจากกิจการสปา อาบอบนวด และโรงน้ำชา ๑๙ บริษัทแล้ว
เขายังมีกิจการอสังหาริมทรัพย์อีก ๑๓-๑๔ แห่ง ที่เหลือนอกจากนั้นก็มีกิจการ “ให้เช่าเครื่องถ่ายเอกสารและงานพิมพ์
สวนสนุกเครื่องเล่น และโรงเรียนกวดวิชา”
หนึ่งในธุรกรรมตอนนั้นไม่ได้มากมายมหาศาล
แต่ทำให้นายกำพลเป็นเสี่ยดังโด่งในขณะนี้ คือการซื้อหุ้นบริษัทเอคิว (AQ)
หรือชื่อเดิมกฤษดามหานคร จำนวน ๕๐๐ ล้านหุ้น มูลค่า ๒๕๐ ล้านบาท จาก
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เมื่อวันที่ ๒๓ พ.ย. ๒๕๕๘
ดูตัวเลขไม่ตรงกับเรื่องเงินยืมกันมาคืนกันไปเท่าไรนัก
คงจะไม่ใช่กรณีเดียวกับที่พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึง แสดงว่า ๓๐๐ ที่ทั่นถูกนินทานั้นยังไม่มีใบเสร็จ
ขณะที่การซื้อขายหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์กัน
๒๕๐ ล้านนั่นดูตามใบเสร็จก็เป็นการทำธุรกิจหลักทรัพย์ธรรมดา จะมีข้อสงสัยก็แต่ว่าตอนนั้นผู้ขายมีตำแหน่งใหญ่โต
(บิ๊ก) อยู่ในทีมรัฐบาล คสช. แล้วยังทำธุรกิจอสังหาฯ ไซ้ด์ไลน์ อีกน่ะ
เรื่องหัวการค้า เอาทุกท่าไม่ว่ากันละ
แต่เห็นทั่นหัวหน้า คสช.ชอบคุยว่าอุตส่าห์เสียสละเข้ามายึดอำนาจเพื่อจัดระเบียบบ้านเมืองให้เข้าร่องเข้ารอย
รถไฟไทย-จีนงี้ อีอีซีงั้น ประชารัฐเจ้าสัวอีก รถถัง เรือดำน้ำไม่ต้องพูดถึง
ทั่นว่าโปร่งใส ใจสะอาด สัตย์ซื่อเสียไม่มี
ฤๅว่าตอนนี้น้ำระบายหมดแล้วตอผุด
ไหนจะนาฬิกา-คาเวียร์ แล้วนี่อสังหาฯ-ค้ามนุษย์โผล่อีก