ตำบลกระสุนตกไม่ใช่กระทรวงเกษตรฯ
ของนายพลสาริกัลยะซะแล้ว ตอนนี้ไปตกโน่น พี่ป็อกมหาดไทย
เรื่อง ‘อยากพัก’ พล.อ.ฉัตรชัย แก้ตัวพัลวันว่าไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย นักข่าวเอาไปเขียนกันเอง
แค่ตอบนักข่าวว่าถ้านายกฯ อยากให้ออกก็เอา
แล้วเรื่องราคายางนี่ก็สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว
ราคาผวนตามตลาดการซื้อขายล่วงหน้า เป็นเรื่องปกติ สำหรับวิธีแก้ของรัฐบาลคือการผลักดันให้เน้นซื้อขายไว้ใช้กันในประเทศ
ตั้งเป้าไว้ที่ ๓๐% ได้มาเกือบครึ่งแล้ว ๑๓-๑๔% นับว่าดีกว่าสองปีที่แล้ว นอกเหนือจากนั้นก็ดันเรื่องเปลี่ยนพื้นที่ปลูกยางไปเป็นพืชอื่นที่รายได้ดี
ไอ้ที่กลุ่มแกนนำชาวสวนยางเรียกร้องให้แก้ด้วยการปลดประธานบอร์ดการยาง
นั้นอย่าเพิ่ง ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน กำลังหาโอกาสคุยกับกลุ่มผู้นำชาวสวนยาง
แก้ต่างได้อย่างนี้ก็น่าจะรอดละมั้ง พูดเข้าทางอย่างเดียวกับหัวหน้าเด๊ะ
จะเข้าท่าไม่เข้าท่าก็เอาหน้ารอดได้ละ วันนี้ (๗ พ.ย.) ยังจูงมือหัวหน้าไปทาครีมรักษาหน้า
ในงาน ‘ตลาดเกษตรพรีเมี่ยม’ ที่หน้าทำเนียบชื่นมื่นครื้นเครง
แถม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ยังช่วยเหน็บสื่อให้อีกด้วย “ถ้ามาบอกว่าราคามันตกแล้วไม่ทำอะไรเลย
แต่จะให้แก้ ผมถามว่ารัฐบาลไหนจะแก้ บอกมาเลย เสนอมาเลย รัฐบาลหน้าหรือนักการเมือง”
“อยากให้สื่อและสังคมเข้าใจตรงนี้ด้วย...อย่าให้เป็นประเด็นไปบิดเบือนกันเลยว่าทำไมไม่แก้โน่นแก้นี่
บอกแต่ว่าไอ้โน้นมันแย่ไอ้นี่มันแย่ แต่เขาไม่เคยบอกเราว่าต้องแก้ยังไง”
ส่วนพี่ป็อก มท.๑
โดนทั้งขึ้นทั้งล่องเรื่องผู้ว่าเมืองชลถูกชาวเมืองชุมนุมไล่ หาว่าจัดถวายดอกไม่จันทน์ในหลวง
ร.๙ ล้มเหลว เห็นแก่ข้าราชการมากกว่าชาวบ้าน ปล่อยรอคิวจนดึกดื่น
มหาดไทยเลยจัดการย้ายสลับขา
เอาผู้ว่าฯ เมืองชลไปลงปากน้ำ ย้ายผู้ว่าฯ ปากน้ำมาแทน แถมด้วยย้ายเปลี่ยนที่กันระหว่างผู้ว่านนทบุรีกับนครสวรรค์
อ้างว่าจัดงานพระราชพิธีไม่สมพระเกียรติเหมือนกัน
เรื่องนี้เห็นมีแต่คนด่า
ฝ่ายหนึ่งว่า มท.เห็นแก่ม็อบ พวกตลาดสดที่ไม่พอใจมาก่อน
โดนผู้ว่าฯ จัดระเบียบตามนโยบายของ คสช. เลยใช้โอกาสงานพระราชพิธีฝังหุ่นเสียจนเสร็จสมใจหมาย
ผู้ว่าฯ เด้งทันใด
อีกฝ่ายก็ไม่พอใจเหมือนกัน อ้างถูก มท.
ตบตา แค่ย้ายสลับขาจากชายทะเลไปปากน้ำ ไม่ได้เด้งจริง
ถึงกระนั้น รมว. พี่กลาง
คสช. ไม่สะท้าน หากแต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กลับมาตายตื้นเรื่องชู้สาว ถูก ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์
ประจานเสียจนต้องรีบออกมาแก้ตัวเสียงหลง
“ตนไม่ได้ยุ่งกับสุภาพสตรีคนดังกล่าว
ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไร เรื่องนี้ต้องชี้แจงถ้าไม่ชี้แจงตนก็เสีย ผู้หญิงก็เสีย”
ข้อสำคัญ “ตนทำหมันมาแล้ว ๒๐ ปี...ดังนั้นการมีลูก
๓-๔ ขวบไม่น่าจะเป็นไปได้ ตนคงมีไม่ได้”
เบื้องหลังเรื่องนี้คร่าวๆ
เกิดจากที่ อจ.ปวินเดี๋ยวนี้หันมาเล่นเรื่องใต้เตียงพวกบิ๊ก คสช. รายก่อนหน้านี้คือปู่มีชัย
ฤชุพันธ์ เปิดโปงรูปพรรณเมีย ‘เด็ก’ คนที่สองซึ่งมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน
อจ.ปวินอ้างว่าเอาเรื่องอย่างนี้มาเปิดเพื่อชี้ให้เห็นว่าการจ้างลูกตัวเองเป็นเลขาฯ
ไม่ใช่ข้ออ้างฟังขึ้นว่าช่วยเก็บความลับได้
ส่วนรายบิ๊กป็อกนี่เห็นว่าเข้าทางเดียวกัน
พวกบิ๊ก คสช. ชอบเอานักข่าวหญิงเป็นเมียน้อย แถมพวกอีหนูเหล่านี้ก็มักมีอาชีพใหม่เป็นนักจัดอีเว้นต์เหมือนกันเสียอีก
‘phoenix88’ คอมเม้นต์ไว้เมื่อ NOV 6, 2017, 5:16:39 AM “สังเกตุไหมว่า
เมียน้อยนายทหารมักจะชอบเปิดบริษัทอีเว้นท์ เพราะมันเป็นการคอร์รัปชั่นแบบหาหลักฐานไม่ได้
ตราบใดที่หน่วยงานที่จ้างบอกว่าพอใจผลงาน เรื่องก็จบไม่สามารถทำอะไรได้
ไม่ต้องยืี่นทีโออาร์ ไม่ต้องทำอีเอชไอเอ ไม่ต้องสต๊อกสินค้า”
สำหรับกรณีนักข่าวสาวที่ปูดขึ้นมานี้
น่าจะเพราะว่า “มีหลายคนที่เคยรู้จักพบเห็นนางกับอนุพงษ์ในงานต่างๆ
นางสะบัดบ๊อบใส่ ทำเป็นจำคนที่เคยรู้จักไม่ได้” ก็เลยมีการหมั่นไส้ เม้าท์กันไปลามทุ่ง
ขณะที่รายปู่มีชัยนี่หนังเหนียวสมคำร่ำลือ
ทั้งที่ช่วงนี้มีข้อมูลปรากฏทางสื่อสังคมมากมายว่าลูกเขย (สกุลโลจายะ) ทำธุรกิจอิทธิพลหลายอย่าง
เช่นสัมปทานโรงไฟฟ้าขยะของ กทม. มูลค่า ๑,๘๗๐ ล้าน
หรือก่อสร้างคอนโดรุกล้ำที่สาธารณะเข้าไปในผืนน้ำเจ้าพระยา
ในกรณีหลังนี่
โพสต์ของ VoteNoจ้า @iamasiam14 เมื่อสองวันก่อนแฉ “ปี ๕๙ คอนโดฯ ของ บมจ.ลูกเขยมีชัยถูกร้องสร้างรุกลำน้ำเจ้าพระยา
จริงเท็จไม่รู้ แต่ผล>ผอ.เจ้าท่าโดนย้าย/อิศราหยุดทำข่าว”
ลิ่วล้อล่อกันเพลินอย่างนี้ “นายกฯ เหนื่อยจะตายโหง” แค่ไหน
คงหาคนเห็นใจได้ไม่มากนักหรอก เพราะมันเข้าไคล้ ขยันแต่ไม่มีน้ำยา ก็ได้แต่เหนื่อยเปล่า
ไร้ประโยชน์