วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 08, 2558

ไฟแนนเชียลไทมส์ชี้ผู้บริโภคไทยหมดอาลัยเศรษฐกิจและการเมือง




ไฟแนนเชียลไทมส์ชี้ผู้บริโภคไทยหมดอาลัยเศรษฐกิจและการเมือง ด้านนายกรัฐมนตรียืนยันแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้นเพราะโครงการประชารัฐ

นสพ.ไฟแนนเชียลไทมส์ (เอฟที) ตีพิมพ์บทความระบุถึงสภาพเศรษฐกิจไทยว่ายังคงเป็นประเทศที่มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีอัตราเติบโตต่ำว่าทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์อยู่ราวครึ่งหนึ่ง ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะโต 2.7%

เอฟทีรายงานอีกว่าการส่งออกของไทยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่เก้า ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนย่ำแย่ท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง ชาวบ้านในชนบทกำลังเผชิญกับภาวะรายได้หดหายเพราะราคาสินค้าภาคเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะข้าวและยางพารา

เอฟทีระบุว่า FT Confidential Research (FTCR) หน่วยวิจัยของเอฟที สำรวจพบว่าผู้บริโภคไทยเริ่มหมดอาลัยกับสภาพเศรษฐกิจและการเมืองมากขึ้น โดยจากการสำรวจของ FTCR เมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่าผู้เข้าร่วมในการสำรวจ 48% เห็นว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ 17% เห็นว่าแย่มาก ขณะที่ 8% เห็นว่าดี และ 2% เห็นว่าเศรษฐกิจดีมาก ซึ่งผลสำรวจที่ได้ถือว่าออกมาในเชิงลบมากกว่าผลสำรวจในช่วงไตรมาสที่สองที่ผ่านมาเล็กน้อย แต่แย่กว่าไตรมาสแรกของปีนี้อยู่มาก

ส่วนความเห็นเกี่ยวกับสภาพการเมืองนั้น 34% เห็นว่าแย่/แย่มาก 35% เห็นเป็นกลาง ๆ 31% เห็นว่าดี/ดีมาก

ผลสำรวจของ FTCR ยังพบด้วยว่าคนไทยส่วนใหญ่ (58%) เชื่อว่าไทยจะมีการเลือกตั้งได้ในปี 2561 หรือหลังจากนั้น เทียบกับ 28% ที่คิดว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2560 และ 18% ที่คิดว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในปีหน้า

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเมื่อวานนี้ (6 พ.ย.) โดยกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการที่มีโครงการประชารัฐลงไป ทำให้ในชุมชน ในพื้นที่มีเงินออกมาหมุนเวียนในการใช้จ่ายบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีระบุว่าไทยยังมีผู้มีรายได้น้อยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่มีอยู่ 40 ล้านคน

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่าขณะนี้เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น แต่การส่งออกยังชะลอตัว เนื่องจากไทยกำลังสร้างนวัตกรรม พัฒนาปรับปรุงโรงงานต่าง ๆ ให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ได้มีมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อจะเร่งรัดให้เกิดขึ้นให้ได้เร็วที่สุดในปีนี้และปีหน้า ในส่วนการส่งออกนั้นนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไทยมีตัวเลขติดลบน้อยกว่าประเทศอื่น แต่ในระหว่างนี้จำเป็นต้องอดทน และร่วมมือกันหาทางเพิ่มมูลค่าการผลิต

ที่มา 
บีบีซีไทย - BBC Thai