อีกที ไม่รู้กี่หนแล้วนะ เรื่องแห้งๆ ดิ่งๆ น่ะ
แห้ง ก็น้ำไง มันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อฝนตกห่าใหญ่ตอนผู้ว่าฯ ไม่อยู่ ถนนในกรุงเทพฯ เป็นคลองนั่นแหละ
จากนั้นก็ได้แต่บ่นกัน เขื่อนนั้นเขื่อนนี้น้ำลด น้ำน้อยกว่าที่มโนไว้
สดๆ ซิงๆ จากไทยรัฐพาดหัว “อัดกรมชลฯ ยับ” เรื่องน้ำในเขื่อนน้อยhttps://www.thairath.co.th/content/509887
“สถานการณ์ภัยแล้งปีนี้จากข้อมูลปริมาณน้ำเดือน พ.ค. ปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ พบว่ามีระดับน้ำในเขื่อนหลัก ทั้งเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ เหลืออยู่ร้อยละ ๓๐ ของปริมาณเขื่อน เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยในช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา และมีการใช้น้ำในข้าวนาปรังมากเกินเกณฑ์”
ทั้งนี้เนื่องจาก “กรมชลฯ คาดการณ์ว่าฝนจะตกจึงปล่อยน้ำให้ทำนาไปประมาณ ๑ พันล้าน ลบ.ม.ตามเกณฑ์ปกติ แต่ปีนี้ฝนล่าช้าจนถึงเดือน มิ.ย. เป็นความเสี่ยงสะสมจนกลายเป็นวิกฤต”
แต่นักวิจัยจากจุฬาฯ ได้เสนอทางแก้ไว้ “ที่สำคัญเกษตรกรต้องเลือกปลูกพืชให้เหมาะสมกับการตลาด ใช้ข้อมูลและความรู้จัดการตัวเองมากขึ้น”
หูย นี่อีหรอบเดียวกะทั่นผู้ณรรมและทั่นผู้ว่าฯ เล้ย ปลาแพงต้องขยันทำงานให้รวยแล้วค่อยกิน รำคาญน้ำเจิ่งถนนในกรุงให้ไปอยู่บนดอย อะไรเงี้ย
พวกผู้ปกครอง ผู้บริหารรัฐกิจยุค “ผมเข้ามาเพราะไม่มีใครทำได้” เนี่ย พอเจอปัญหาสาธารณะชอบผลักภาระไปให้ส่วนบุคคลกันจัง ทีปัจเจกชนใช้สิทธิส่วนบุคคลบ้าง กีดกัน กลั่นแกล้ง ข่มขู่ ไม่ยอมให้
ทั่นรองฯ กูรูเศรษฐกิจก็ใช่ย่อย ออกมาฝอยอีกแระ “ผมไม่ได้โม้นะ ผมทำงานตลอด” ตอนนี้กางแล้วละ ‘แผนฟื้นเศรษฐกิจเร่งด่วน’
(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1436053873)
นัยว่าถ้วนทั่ว ครบวงจรเลยเชียว เรื่องข้าว “เอาเงินให้ชาวนา ไร่ละ ๑ พันบาท” เรื่องยาง ให้เงินกู้ไม่เกินครอบครัวละ ๑ แสนบาท “เพื่อไปปรับเปลี่ยนยางเก่าเป็นพืชชนิดใหม่” โน โน้ นี่ไม่ใช่ประชานิยม
ครั้นเรื่องส่งออก “พูดไม่ออก” เพราะ “เผอิญส่งออกลงทั้งโลก” แต่ไม่เป็นไร “ภาคเอกชนเขาสู้เต็มที่” อยู่แล้วนี่
สำหรับเรื่องฝนแล้งทั่นบอกว่า “เป็นผีซ้ำด้ำพลอย มาโดนภัยแล้ง ไม่นึกว่าจะมีฝนแล้ง ๒ เดือน อันนี้หนัก”
แต่ช้าก่อน “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาฝนหลวงไปให้แล้ว ต้องหวัง” ทั่นรองฯ พูดทำนองยังไม่หมดหวังว่าจะมีพายุดีเพรสชั่นสักสองสามลูกมาลงให้ “ถ้าฝนลงมาวันนี้ก็ยังไม่ตาย”
แน่ะเห็นไหม เป็นคนไทยชาวไร่ชาวนาต้องคิด positive ยังไงก็ไม่ตาย บักโกรกบักอาน คนละเรื่อง
ไอ้ที่พวกสื่อรายงานกันว่าเศรษฐกิจยิ่งดิ่งหนักลงไปอีกน่ะ ทั่นรองฯ บอกว่า “ผมไม่ได้เป็นคนคาดการณ์เศรษฐกิจ ไม่เครซี่เรื่องตัวเลขคาดการณ์จีดีพี ผมพูดตัวเลขจริง”
มิไย ตัวเลขจริงส่งออกเดือนพฤษภาคม “ติดลบหนัก ๕.๐๑ %” น่ะ และตลอดห้าเดือนแรกของปี ๒๕๕๘ นี่ติดลบน้อยกว่าหน่อย แค่ ๔.๒ %
(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1436154318)
ก็เลยผิดหวังกันไปตามๆ ที่เคยวาดฝันไว้ว่า “แนวโน้มการส่งออกตั้งแต่เดือนพฤษภาคมน่าจะดีดกลับมาเป็นบวก เพราะผ่านจุดติดลบต่ำสุดแล้ว” ไม่เป็นดังหวัง
จึงจำต้องปรับลดตัวเลขทางเศรษฐกิจกันใหม่หมด ไม่สดใสสวยหรูอย่างที่ทั่นรองฯ และทั่นผู้ณรรมคุยไว้คำโต
ที่ว่าจีดีพีจะเกิน ๓ เปอร์เซ็นต์ เห็นจะต้องปรับใหม่เป็นต่ำกว่า ๓ ส่งออกนั้นปรับแล้วติดลบแน่ๆ ๒ เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่แน่มีแต่จะลงไปอีกถึง ๓.๕
“ทางออก ที่ต้องเร่งทำ คือ ผลักดันการท่องเที่ยว ที่ดีอยู่ให้ดีขึ้น อีกเป็นเท่าตัว รัฐต้องเร่งลงทุนให้ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ควบคู่กับการเร่งการใช้จ่ายภาคเอกชน ผ่านความช่วยเหลือด้านการเงินการคลัง แต่ก็ไม่อยากให้ทำแบบใช้เงินงบประมาณแบบสุรุ่ยสุร่าย เหมือนที่ผ่านมา”
อ่า นอกจากการผลักดันท่องเที่ยวที่ว่าจะเปิดบริสุทธิ์ภาคตะวันตก นั่นผู้ประกอบการท้วงแล้วนะว่าไม่พร้อม ขาดทั้งสาธารณูปโภค ขาดทั้งทักษะ
และที่ผ่านมาในรอบหนึ่งปีก็มีการอนุมัติงบประมาณเป็นว่าเล่น ยิ่งกว่ามือเติบ ยังกะรียโกย งบฯกลาโหมแสนล้านนั่นก็ใช้ไปเยอะแล้วเหมือนกัน ยังจะต้องซื้อเรือดำน้ำอีกสามลำ ๓ หมื่น ๖ พันล้าน แล้วก็เรือบินทัพอากาศกำลังตามมา...แม้ว่า
แม้ว่านะ แม้ว่า ทั่นนาโย้กแพลมๆ บอกอย่าเพิ่งโวยวาย ‘เรือดำน้ำ’ ยังไม่ได้ซื้อ ‘๓๐ บาทรักษาทุกโรค’ ยังไม่ได้ยุบ ‘หมื่นล้านไปสิงคโปร์’ ยังไม่ได้โอน
แถมมีวาทกรรมอ้อน “ยกโทษให้ผมเถอะ ถ้าไม่ใช่ผม ใครจะทำมั้ย มันเสี่ยงนะ” และ “ยัน อยู่อีกไม่นาน รัฐธรรมนูญออกก็ต้องมีเลือกตั้ง ผมจะทำอะไรได้”
หรือแม้กระทั่งข่าวที่ว่า “ศาลทหารให้ปล่อยตัว ๑๔ นักศึกษา ยกคำร้องฝากขัง เพราะไม่มีเหตุคุมตัวต่อ ให้ได้รับอิสรภาพ แต่ยังคงถูกดำเนินคดี รอนัดฟังคำสั่งฟ้อง” ก็ตาม
(Ad per ‘Deep Blue Sea @WassanaNanuam’ )
เพราะเรื่อง ๑๔ นักศึกษามันไม่ใช่แค่ดันไปจับถึงบ้านด้วยวิธีการ ‘อีแอบ ตลบหลัง’ เที่ยงคืน ตีสอง แล้วยังให้ศาล (ทหาร) เปิดรอส่งฟ้อง เพื่อจะได้ฝากขัง ๑๒ วัน นี่ก็ขอฝากขังต่ออีกรอบสอง แล้วกดดันให้เขาขอประกันผูกพันคำสั่งห้ามกระดิก พวกเขาก็ไม่ยอม ดิ
ก็อย่างที่ ไผ่ ดาวดินว่าละ “เรายืนยัน เราต้องพูด” เพื่อประชาธิปไตย ไม่เอารัฐประหาร
ตอนนี้แล้วไง เรื่องมันไปทั่วโลก แมดิสัน (วิสคอนซิน) ชิคาโก แอล.เอ. โตเกียว ฮ่องกง นิวยอร์ค อัมสเตอดัม ปารีส ลอนดอน แคนาดา ออกมาเรียกร้องกันไม่ขาดสาย ให้ปล่อย ๑๔ นักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ ไม่เอา ม.๔๔ ให้มีเลือกตั้งทันใด ให้ประยุทธ์ออกไป ไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญใหม่ ถึงอย่างไรในร่าง รธน. ใหม่ก็ไม่มีบทว่าด้วยการสิ้นสุดอายุความหัวหน้าคณะรัฐประหาร อยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ออกมาเรียกร้องอยู่นอกกะลานั้น ใช่จะมีแต่ไทยพูดฝรั่ง ฝรั่งพูดไทยก็เยอะไป แล้วไอ้ที่พี่สีเขียวไปสั่งสถานทูตไว้ ให้ลงมือ Crack down นักกิจกรรมตามเมืองต่างๆ น่ะ ระวังเถอะ
บ้านเขาเมืองเขาไม่ได้มัวเมากับเผด็จการ ‘คนดี’ เหมื่อนพี่ๆ สีลายพราง กับน้องๆ ซ่าหริ่มหรอกนะ จะได้ทำไม่รู้ไม่ชี้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่อย่างศาลไทย เมื่อมีคนไปฟ้อง