วันเสาร์, ตุลาคม 11, 2557

ซึ้ง!! ~ ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด แต่ผู้หญิงคนนี้ชื่อ.."ละมูล"


หลายคนคงเคยอ่านนิยายขายดีเรื่อง "ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด"ของ"โบตั๋น" หรืออาจเคยชมผ่านสายตาทางละครโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์ เมื่อหลายสิบปีก่อน เรื่องราวของหญิงไทยผิวดำ ลูกบ้านนอกชาวนาถูกหยามเหยียดสารพัด แต่โชคชะตาชีวิตพลิกผันให้เธอได้สามีชาวฝรั่ง กลับร่างเป็นคุณนาย ดังเทพนิยาย"ซินเดอเรลล่า" เพียงชั่วข้ามคืน..!!

วันนี้ สังคมไทยได้รู้จัก "อะแมนด้า คาร์" ราชินีบีเอ็มเอ็กซ์ เจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์จากอินชอน ด้วยความเก่งกาจและน่าทึ่งจนต้องประทับใจ ยิ่งเมื่อเธอสื่อภาษาแบบใสซื่อ ด้วยสำเนียง "อีสาน" ขนานแท้ แบบสไตล์ฝรั่งลูกครึ่งอุดร-อเมริกัน

แต่จะมีใครรู้บ้างว่า กว่าจะมี "ไอ้หย็อง" อะแมนด้า คาร์ สาวสวยคนเก่งวันนี้ขึ้นมาได้ เรื่องราวชีวิตของ นาง "ละมูล คาร์" มารดาของเธอ กับบิดา นาย "เดโรล คาร์" นั้นมีความเป็นมาเช่นไร..!?!?

ย้อนไปในอดีตช่วงสงครามเวียดนาม สงครามลาว อเมริกันส่งกองทัพเข้ามาตั้งฐานบินประจำการอยู่ในประเทศไทย นั่นรวมหมายถึงจังหวัดอุดรธานี ราวปี พ.ศ.2520 วันหนึ่ง "ละมูล" สาวพื้นบ้านชาวอุดรจากบ้านหนองเม็ก เข้ามาทำงานร้านอาหาร นุ่งผ้าถุงสีส้มสวมเสื้อขาวเดินไปซื้อ "ส้มตำ" ใกล้ๆ ที่พักทหารอเมริกันเข้า แล้วโดนแซวจากหนุ่มจีไอ.วัย 19 ปี ทหารอเมริกันซึ่งมาประจำการที่นั่น

"จ่าอากาศโท เดโรล คาร์" ช่างเครื่องทหารอากาศยานนาวิกโยธินสหรัฐ ตะโกนทักทายลงมา ด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ "สวัสดี น่ารัก..!!"

ละมูล สาวน้อยปากไวเท่าใจคิด เงยหน้าตะโกนสวนตอบในทันที ..."สวัสดี รูปหล่อ"

เรื่องของบุพเพฯ-พรหมลิขิต บ่อยครั้งเป็นตัวกำหนดชีวิตคน เพียงเสี้ยววินาทีที่ทั้งคู่สบตาประสานกัน หนุ่มสาวต่างชาติต่างภาษาคู่นั้น จึงตระหนักแก่ใจว่าเขาได้เจอคนที่ใช่แล้วนั่นเอง เรื่องนี้สาวละมูลสรุปสั้นๆ "ก็เลยปิ๊งกัน ไม่ต้องพูดกันมาก..!!" แต่หลังจากนั้นเวลาจะสนทนากันที เดโรลก็ต้องหยิบดิกชันนารีขึ้นมาเปิดอ่านทีละคำๆ ค่อยๆ เรียนรู้กันไป (เธอว่ายังงั้น !!)

แต่อนิจจา เส้นทางชีวิตหาได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลังทั้งคู่รู้จักดูใจกันได้เพียง 6 เดือน จ่าอากาศโท เดโรล คาร์ จำต้องถูกย้ายไปประจำการในเยอรมนี ที่นั่น นอกจากรับราชการในช่วงกลางวันแล้ว ทหารหนุ่มอเมริกันหันไปรับจ๊อบเป็นบาร์เทนเดอร์ในช่วงกลางคืนอีกด้วย แม้ได้พบเจอผู้หญิงกลางคืนมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ก็หาใช่ความสุขใจที่แท้จริง เพราะในใจนั้นยังเฝ้าคิดถึงแต่หญิงหนึ่งแดนไกลจากประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

สองปีต่อมาหลังปลดประจำการเดโรลเดินทางกลับบ้านที่สหรัฐ จนวันหนึ่งพ่อของเขาจึงเอ่ยถามลูกชาย เมื่อเห็นเจ้าตัวนั้น มีอาการคล้ายเป็นโรคซึมเศร้า ไม่สดใสเหมือนคนเดิม เดโรล จึงบอกพ่อว่า "ผมคิดถึงมูล" ว่าแล้วก็หยิบอัลบั้มเก่าของหวงรื้อฟื้นอดีตขึ้นมาให้พ่อดู บิดาทราบความเป็นมาแต่ปูมหลัง จึงถามลูกชายขึ้นว่า "อ้าว แล้วทำไมจึงไม่ติดต่อเขา..??"

เดโรล ตอบว่า "ช่วงสองปีที่ผ่านมา ผมไม่ได้ติดต่อกับละมูลอีกเลย ไม่อยากรับรู้ ความเป็นอยู่ของเธอว่าเป็นหรือตาย หรืออาจจะมีสามีใหม่ คงทำได้แต่เพียงทำใจเพราะความคิดถึงเท่านั้น" บิดาจึงปลอบทั้งเตือนสติลูกชายว่า "ถ้าลูกคิดอย่างนั้น ลูกก็จะไม่มีความสุขไปทั้งชีวิต" ด้วยเหตุนี้ เดโรล จึงเขียนจดหมายไปหาละมูลที่เมืองไทย 1 ฉบับ พร้อมข้อความสำคัญ "..หากคุณเดินทางมาหาผมที่อเมริกา ผมจะขอแต่งงานกับคุณ" ไม่เพียงเท่านั้น เดโรลยังส่งตั๋วเครื่องบิน พร้อมค่าเดินทางมาให้กับอดีตคนรักเก่าที่ขาดการติดต่อกันไปนานถึง 2 ปีด้วย

นางละมูล ทบทวนความหลังครั้งนั้นให้ฟังว่า ทันทีที่ได้รับจดหมาย เธอดีใจเป็นอย่างยิ่ง ต้องไปจ้างคนอื่น 20 บาท ซึ่งสมัยนั้นเป็นมูลค่านับว่าแพงไม่น้อย ช่วยแปลอังกฤษเป็นไทยให้ ด้วยเหตุเธอจบการศึกษาเพียงแค่ชั้น ป. 4 เท่านั้น

เมื่อทราบใจความด้วยความมุ่งมั่นเธอจึงกล้าตัดสินใจ จะเดินทางไปอเมริกาตามหาคนรักให้จงได้ แม้พ่อจะอนุญาต แต่ก็ทำเอาแม่บังเกิดเกล้าถึงกับร่ำไห้น้ำตานอง ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว

อุปสรรคมากมายตั้งแต่เริ่มต้น วันเดินทางสาวบ้านนอกจากอุดรธานี วัยย่าง 24 ปี ตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศตามลำพัง ด้วยตั๋วบินวันเวย์ ขาไปเพียงไฟลท์เดียว ข้ามน้ำข้ามทวีปหวังไปเสี่ยงตายเอาดาบหน้า ฝากชีวิตเหมือนเส้นด้ายไว้กับความรักที่มีต่อทหารหนุ่มอเมริกัน

ระหว่างทางบนเครื่องโดนสารออกจากท่าอากาศยานดอนเมืองมีหนุ่มไทยสองคนพยายามเกลี้ยกล่อมชักชวนเธอ ให้ลงเที่ยวที่โตเกียว เมื่อเครื่องต้องไปแวะเปลี่ยนไฟลท์บินที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เธอปฏิเสธยืนกรานมุ่งมั่นจะเดินทางไปยังจุดหมายที่ตั้งใจไว้แต่เดิม

6 ชม.ระหว่างนั่งรอที่ท่าอากาศยานคาเนดะ ชายฝรั่งวัยกลางคนเห็นสภาพงกๆ เงิ่นๆ ของหญิงสาว จึงเข้ามาสอบถามเมื่อทราบความ จึงช่วยโทรทางไกลระหว่างประเทศไปหาเดโรล ซึ่งเขียนที่อยู่พร้อมเบอร์ติดต่อให้ไว้ในจดหมายแต่แรก เดโรลรับโทรศัพท์ทางไกลทันทีที่ทราบข่าวเขาดีใจมาก เมื่อชายใจดีผู้นั้นโทรไปบอกว่า คู่หมั้นของคุณ กำลังจะเดินทางไปหาที่อเมริกาแล้วนะ และเมื่อละมูลขึ้นเครื่องไปลงที่ซานฟรานซิสโก คนรักของเธอพร้อมมารดา ก็รีบเดินทางโดยรถยนต์จากรัฐฟลอริด้ามารอรับทันที

37 ปีที่ผ่านมา แม้กาลเวลาล่วงเลย จนถึงวันนี้ "นางละมูล"หญิงบ้านนอกจากอุดรธานีวัย 63 ปี หลับตานึกถึงภาพที่เธอยังจดจำได้อย่างขึ้นใจ ก่อนทบทวนคำพูดจากปากชายคนรัก ที่เอ่ยกับเธอเป็นประโยคแรกหลังลงจากเครื่องที่สนามบินว่า

"ขอบคุณพระเจ้า ที่ได้ส่งหัวใจดวงนี้ มาให้ผม"

...นั่นจึงเป็นที่มาแห่งจุดกำเนิดของ "ไอ้หย็อง" อะแมนด้า คาร์ ในวันนี้

ที่มา FW Line

Credit