วันอังคาร, มิถุนายน 24, 2568

ฟังเสียงแห่งความกลัว, ความโกรธ และความหวังจากชาวอิหร่าน หลังสหรัฐฯ ถล่มฐานนิวเคลียร์ชั่วข้ามคืน



เดวิด กริทเทน
บีบีซีนิวส์
เมื่อ 9 ชั่วโมงที่แล้ว
บีบีซีไทย

"กลางวันกับกลางคืนของฉันไม่ต่างกันเลย ฉันรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาต ฉันทำได้แค่นอนจ้องเพดานไปอย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน"

"ฉันได้แต่สงสัยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และมีแต่สิ่งที่ทำให้พวกเรารู้สึกประหลาดใจอยู่ตลอดเวลา"

ชาห์ลา (นามสมมติที่เราใช้เพื่อปกป้องเธอเพื่อความปลอดภัย) คือหนึ่งในชาวอิหร่านที่ติดต่อมายังบีบีซี แผนกภาษาเปอร์เซียที่เพื่อแสดงถึงความหวาดกลัวและความโกรธเกรี้ยวหลังจากสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดใส่โรงงานนิวเคลียร์หลัก 3 แห่งในประเทศของพวกเขาในชั่วข้ามคืน

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุว่า โรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่ง ได้แก่ ที่เมืองอิสฟาฮาน, นาตันซ์ และฟอร์โดว์ ถูกทำลายอย่างสิ้นซาก และบอกกับเหล่าผู้นำอิหร่านว่า ตอนนี้พวกเขาเหลือทางเลือกแค่ "สันติภาพหรือไม่ก็โศกนาฏกรรม"

แต่ อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ระบุว่าสหรัฐฯ ได้ข้าม "เส้นแดงเส้นใหญ่" และเตือนว่า สหรัฐฯ จะได้รับ "ผลพวงอันชั่วนิรันดร์" จากการกระทำนี้

การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงกว่าหนึ่งสัปดาห์หลังจากอิสราเอลโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ต่ออิหร่าน โดยระบุว่า ต้องการขจัดสิ่งที่เรียกว่า ภัยคุกคามที่ดำรงอยู่ จากโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของอิหร่าน

ด้านรัฐมนตรีสาธารณสุขของอิหร่านระบุว่า มีประชาชนอย่างน้อย 430 คนเสียชีวิต แม้ว่าองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนแห่งหนึ่งจะออกมาบอกว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะสูงกว่านั้นถึงสองเท่า

อิหร่านได้ตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีเมืองต่าง ๆ ของอิสราเอล เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 24 คน บาดเจ็บ 1,270 คน ตามการเปิดเผยของทางการอิสราเอล



"ฉันโกรธเอามาก ๆ และเสียใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันไม่คิดว่าฉันจะรู้สึกเศร้าใจและโกรธเกรี้ยวในระดับนี้กับเรื่องใดมาก่อนในชีวิต" เมห์รี (นามสมมติ) บอกกับบีบีซี แผนกภาษาเปอร์เซียผ่านทางคลิปเสียง หลังจากสหรัฐฯ โจมตี

"แต่ในทางหนึ่ง มันก็ทำให้ฉันรู้สึกถึงความชัดเจนแบบแปลกประหลาด มันเตือนให้ฉันรู้ว่า ฉันยังเชื่อมโยงกับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวฉันเอง"

"สงครามนี้ สงครามของอิหร่าน จริง ๆ แล้วมันเป็นความขัดแย้งของบุคคลสามคน ผู้นำสามคน จากสามประเทศ ที่ขับเคลื่อนจากอุดมการณ์ของพวกเขา" เธอกล่าวเสริม โดยนั่นแสดงอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังกล่าวถึงทรัมป์, นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล และ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน

"ฉันเดือดมากที่ฉันได้ยินพวกเขากล่าวถึงชื่ออย่าง อิสฟาฮาน หรือประกาศแบบทันทีทันใดว่า 'เราได้ควบคุมน่านฟ้าของอิหร่านแล้ว' สำหรับฉันแล้วคำเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น แต่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์"

โฮมายูน ชายชาวอิหร่านจากเมืองมาคูทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อคำเตือนของทรัมป์ที่ว่าอิหร่านจะเผชิญกับการโจมตีอีก หากไม่ยอมตกลงเรื่องสันติภาพ

"ใช่ เราจะเดินหน้าผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น แต่จะอยู่เคียงข้างประเทศของเราจนถึงจุดสุดท้าย และถ้าจำเป็น เราจะสละชีวิตเพื่อแผ่นดิน เพื่อเกียรติของเรา" เขากล่าว และบอกว่า "พวกเราจะไม่ยอมให้อเมริกาและพวกข้ารับใช้กระทำการอย่างไม่ถูกต้องในประเทศของเรา"

ทรัมป์เตือนอิหร่านเมื่อวันเสาร์ (21 มิ.ย.) ว่า การตอบโต้ใด ๆ กลับมายังสหรัฐฯ "จะเผชิญกับการใช้กำลังที่รุนแรงยิ่งกว่าที่เราได้เห็นในค่ำคืนนี้"

ในการแถลงข่าวที่ตุรกีเมื่อวันอาทิตย์ (22 มิ.ย.) ที่ผ่านมาของ อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ประกาศว่า อิหร่านได้เตรียม "ทางเลือกทุกทางในการป้องกันความมั่นคง ผลประโยชน์ และประชาชนของอิหร่าน" และกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ "ต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อผลที่ตามมาจากการกระทำของตน"

ก่อนหน้าที่อิสราเอลจะกระหน่ำโจมตีอิหร่าน อิหร่านได้ขู่ว่าจะโจมตีฐานทหารของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางหากสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องใด ๆ กับการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของตน

ชาวอิหร่านอีกคนหนึ่งบอกกับบีบีซี แผนกภาษาเปอร์เซียว่า เขาหวังว่านี่จะเป็น "จุดสูงสุดของความการยกระดับในสงครามครั้งนี้ และนับจากนี้ไป สิ่งต่าง ๆ จะค่อย ๆ ลดความรุนแรงลง"

"อิหร่านมีเหตุผลเพียงพอที่จะรู้ว่าการตอบโต้ใด ๆ ต่อสหรัฐฯ จะเป็นการฆ่าตัวตายอย่างสมบูรณ์" เขากล่าว

"ลูกของผมจะเกิดในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ และผมหวังว่าการถือกำเนิดขึ้นของลูกของเขาจะเป็นการกำเนิดของอิหร่านโฉมใหม่ ซึ่งจะเป็นอิหร่านที่ปรับใช้แนวทางใหม่ทั้งระบบระหว่างประเทศและกิจการภายในประเทศ"

"และผมหวังว่าพวกเขาจะเติบโตขึ้นมาโดยรู้ว่า กล้องวงจรปิดและกองกำลังรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ควรเน้นไปที่ภัยคุกคามที่แท้จริง ไม่ใช่การบังคับใช้กฎหมายสวมฮิญาบ" เขากล่าวเสริมโดยอ้างถึงกฎหมายที่เข้มงวดให้ผู้หญิงอิหร่านต้องสวมผ้าคลุมศีรษะอันนำมาสู่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่และเกิดการปราบปรามที่รุนแรงเมื่อปี 2022

ด้านชายอีกคนที่ชื่อ ฟาร์ฮาด (นามสมมติ) บอกว่า "ผมรู้สึกไม่มีความสุขเกี่ยวกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น แต่วิถีทางของสาธารณอิสลาม (อิหร่าน) ในอดีตก็ยอมรับไม่ได้ ผมหวังว่าอนาคตที่ดีจะรออิหร่านอยู่"

https://www.bbc.com/thai/articles/crrqwg10xvlo