พิลึก เมื่อเปรียบเทียบผลการสอบสวน ไต่สวน กรณีคำร้องว่ามีการฮั้ว จัดตั้งมาอย่างเป็นกระบวนการ ทำให้ได้ สว.เสียงข้างมากเป็นกลุ่มเป็นก้อนร้อยกว่าคน ที่เรียกว่า สว.สีน้ำเงินนั้น ได้เรื่องต่างกันอย่างตรงข้ามระหว่าง กกต.กับดีเอสไอ
สำหรับ กกต.แจ้งผลการวินิจฉัยคดีการเลือก สว.ระดับอำเภอ ของอำเภอเมืองอำนาจเจริญ ให้ยกคำร้องกล่าวหาผู้สมัคร ๒๐ กลุ่มอาชีพ ๒๐๖ คน ทั้งหมด ด้วยเหตุผลว่า “ไม่มีพยานหลักฐานที่สนับสนุนได้ว่ามีการกระทำตามที่กล่าวหา”
เพราะอะไร เพราะว่าคณะกรรมการได้มีหนังสือเชิญผู้ร้อง มาให้ถ้อยคำจำนวน ๒ ครั้ง แต่ผู้ร้องไม่ประสงค์จะให้ถ้อยคำประกอบคำร้อง ประกอบกับกรรมการได้ไต่สวนผู้ถูกร้อง ๒๐ ราย “ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ลงสมัครเพราะมีคุณสมบัติ” ถูกต้อง
“ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า ๑๐ ปีในกลุ่มที่สมัคร โดยมีบุคคลลงลายมือชื่อเป็นผู้รับรองและเป็นพยาน” แม้พบว่าผู้สมัครบางรายไม่รู้มีคุณสมบัติตรงตามระเบียบหรือเปล่า
กกต.ก็เลยหยวน ยกคำร้องทั้งกระบิ ส่วนในกรณีของดีเอสไอ อธิบดีจะเรียกประชุมชุดสอบสวน คดี ‘อั้งยี่-ฟอกเงิน’ ในวันพรุ่งนี้ (๑๗ กรกฎา) เนื่องจากพบข้อเท็จจริงว่า “ผู้สมัครส่วนใหญ่รับเงินมาเพื่อลงสมัคร” และ โหวตให้คนอื่น
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ แถลงว่า “พบว่าบุคคลที่เป็นสมาชิกในกลุ่มที่ร่วมกันกระทำครั้งนี้ค่อนข้างมีจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นคนที่ไปรับเงินแล้วมาลงสมัครรับเลือก ส.ว. ทำหน้าที่เพื่อไปโหวตบุคคลอื่นโดยที่ไม่เลือกตัวเอง”
ข้อสังเกตุง่ายๆ จากการเปรียบเทียบวิธีดำเนินงานสองกรณีนี้ของ กกต.และดีเอสไอ ทำให้ได้ผลต่างกันอย่าง ‘หน้ากับหลัง’ ก็คือ กกต.รอให้ผุ้ร้องเอาหลักฐานมายันยันคำร้อง เมื่อไม่มาก็ตัดสินตามคำให้การของผู้ถูกร้องทั้งหมด
‘บังเอิญ’ ย้ำนะว่าบังเอิญ ผู้ถูกร้องให้การว่าทำถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง ในเรื่องคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกเป็น สว. คือมีความรู้ เชี่ยวชาญในสาขาที่สมัคร แม้หลายรายไม่ได้ระบุคุณสมบัติ “แต่ส่วนใหญ่จะรู้ว่าผู้สมัครประกอบอาชีพทำนา เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ”
ส่วนทางดีเอสไอ แม้จะพบว่ามีผู้ถูกร้องจำนวนมาก รับจ้างมาสมัครเพื่อเลือกคนอื่น ไม่เลือกแม้แต่ตัวเอง แต่จับให้มั่นได้เพียง ๑๐ ราย “คาดว่าเข้าข่ายกระทำความผิด” แต่บางคนก็อาจไม่รู้ว่าเป็นความผิด ก็เลยถือเสียว่าไม่ผิดละมัง
อย่างไรก็ดี ดีเอสไอได้ข้อมูลความผิด (หรือไม่ผิด) มาจากการสอบสวนและไต่สวนเอง ไม่ต้องรอให้ผู้ร้องเอาหลักฐานมาปรักปรำ พอถูกถามจี้ว่า แล้วที่มีชื่อกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยถูกร้องล่ะ ทำไง อธิบดีตอบว่า ก็ต้องเชิญมาให้ปากคำด้วยเช่นกัน
(https://www.matichon.co.th/politics/news_5276938 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_5276939)