ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องราวที่ฮุนเซนอ้าง “ทักษิณคอยให้ข่าวคืบหน้า และปรึกษาขอความเห็น” ทั้งเรื่องราชวงศ์ และการปลดรัฐมนตรี จะมีรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นเรื่องเป็นราวมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะประเด็น “ให้ร้าย” อย่างใดบ้าง
เฉพาะหน้าดูเหมือนทักษิณจะเชื่อมั่นตนเองว่า ‘ดีล’ กับเบื้องสูงของตนเหนียวแน่นเพียงพอ ต่อคำขู่ของฮุนเซน ที่ว่าครั้งต่อไปจะไล้ฟ์สดเปิดโปงเป็นเวลาสามชั่วโมงเต็มๆ เลยทีเดียว เขาจึงออกมาเต้นเต็มตัวบริหารงานรัฐบาลแทนลูกสาว
ตามข่าวซุบซิบการเมืองล่าสุดที่ว่า “นายใหญ่วางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งใหม่สมัยหน้า เน้นผู้สมัคร สส.เลือดใหม่ ที่มีฐานเสียงฐานทุน และโละทิ้ง สส.เสาไฟฟ้า” นั้นเป็นผลสะท้อนจากอาการเลือดไหลในภาคอีสานไปสู่พรรคสืบทอดรัฐประหารต่างๆ
ในการเลือกตั้งปี ๒๕๖๖ พรรคเพื่อไทยของทักษิณ ได้ สส.เพียง ๗๔ คน จากที่ส่งสมัคร ๑๓๓ คน เทียบปี ๒๕๕๔ ที่ ‘ยิ่งลักษณ์’ น้องสาวทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยได้ สส. ๑๐๔ คนจากที่ส่งสมัคร ๑๒๖ คน เรียกว่าตอนนั้นทักษิณยังมีมนต์ขลัง
“ปรากฏการณ์ ๒๑ อดีต สส.สลัดทิ้งเสื้อสีแดงมาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกว่าร้อยละ ๙๐ เป็นนักการเมืองภาคอีสานที่เคยอยู่กับ ทักษิณ ชินวัตร มานาน” ข่าว ‘เนชั่นสุดสัปดาห์’ วิเคราะห์เจาะจงว่ายังมีอีกเป็นสิบที่จะไปเข้า ‘บ้านป่ารอยต่อ’
แถมด้วย “อดีต สส.เพื่อไทย ที่สอบตกสมัยที่แล้ว ๘-๙ คน ใน จ.ชัยภูมิ, จ.สุรินทร์ ,จ.ร้อยเอ็ด, จ.บึงกาฬ, จ.กาฬสินธุ์ ,จ.ยโสธร และ จ.อุบลราชธานี” พื้นที่เหล่านี้กำลังจะแปรผันไปเป็นของพรรค ‘กล้าธรรม’ ที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จัดการ
นอกเหนือจาก ๓๕ สส.ที่พรรคภูมิใจไทยได้ไป ทำให้พรรคเพื่อไทยในยุคที่ ‘แพทองธาร’ เป็นหุ่นเชิดของบิดา ตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยปฏิเสธไม่ได้ว่า การถอนตัวจากรัฐบาลของ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นจังหวะพอดีที่ทักษิณต้องการ
เสียงซุบซิบที่ว่า บทบาทแซกแซงการเมืองไทยด้วยการโจมตีทักษิณของฮุนเซน เป็นความชั่วร้ายที่ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย เนวิน ชิดชอบ ชอบใจอยู่ในที ปฏิบัติการรุกคืบคดีเขากระโดงก็เป็นปฏิกิริยาศอกกลับเช่นกัน เพียงแต่ในชั้นนี้ศาลปกครองยังไม่เล่นด้วย
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/0bmBGaK2X, https://www.facebook.com/nationweekend/posts/2bv8cVi1sts และ https://www.facebook.com/hunsencambodia/posts/031jXm2V)
