วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 02, 2568

ประเทศไทยใกล้จะเป็น Failed State ?



By รศ.วิทยา ด่านธำรงกูล
23 ม.ค. 2025
กรุงเทพธุรกิจ

ประเทศไทยมีเรื่องขายหน้าไม่เว้นแต่ละวัน ตั้งแต่เรื่องดาราจีนถูกจับไปร่วมแก๊งคอลเซนเตอร์ จนคนจีนบางส่วนยกเลิกมาเที่ยวไทยเพราะไม่ไว้ใจความปลอดภัย ปัญหาตำรวจสมคบโจรหรือเป็นโจรเสียเอง การค้ามนุษย์ การเป็นประเทศปลายทางของขยะพิษและสารเคมี ปัญหาคอร์รัปชันในทุกวงการที่แพร่ลามยิ่งกว่าเชื้อโรค ไปจนถึงการที่รัฐบาลพยายามทำอะไรที่ไม่เข้าท่า ไม่ฟังเสียงประชาชนและคำทักท้วงจากหลายฝ่ายว่าจะสร้างปัญหาทางสังคมในระยะยาว

เหล่านี้นำมาซึ่งการตั้งคำถามว่า ประเทศไทยกำลังจะเข้าใกล้ความเป็นรัฐที่ล้มเหลวเข้าไปทุกทีหรือไม่ เพราะการบังคับใช้กฎหมายแทบจะล้มเหลวไปทุกเรื่อง จนประเทศไทยกลายเป็นพื้นที่ของอาชญากรรมข้ามชาติ คนในประเทศเองขาดความยำเกรงในกฎหมาย แค่การจราจรบนท้องถนนก็ฟ้องชัด รถมอเตอร์ไซค์ขับย้อนศรบนถนนทุกสายและขับแบบไม่เกรงใจใคร คนตั้งตัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ทั้งหลอกลวงขายของ ทั้งตั้งตัวเป็นหัวโจกกระทำการท้าทายกฎหมาย เหล่านี้กลายเป็นของชาชินไปแล้ว

รัฐที่ล้มเหลว (Failed State) คือรัฐที่ขาดความสามารถที่จะสร้างพื้นฐานแห่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้ประชาชน ไร้การดูแลปกครอง ขาดบริการที่ดีที่ประชาชนพึงจะได้รับจากภาครัฐ

เกณฑ์หรือตัววัดความเป็นรัฐล้มเหลวพอจะจัดกลุ่มได้เป็น 3 กลุ่มดังนี้

1.ตัววัดทางการเมือง ได้แก่การมีอำนาจเหนือดินแดน ปัญหาคอร์รัปชันและความโปร่งใสของสถาบันรัฐ หลักนิติธรรมหรือการบังคับใช้กฎหมาย (Rule of Law) ที่สร้างความมั่นใจว่าทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและทำให้คนเคารพยำเกรงกฎหมาย เสถียรภาพของรัฐบาล และการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ประเทศไทยอยู่ในข่ายที่ต้องพิจารณาตัวเองเป็นอย่างยิ่งสำหรับตัววัดกลุ่มแรกนี้ แม้เราจะมีอำนาจเหนือดินแดน แต่มีปัญหาชายแดนไม่เคยสร่างซา การทะลักเข้ามาของยาเสพติดและผู้หลบหนีเข้าเมืองเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการสมคบคิดกับเจ้าหน้าที่รัฐแบบโจ่งแจ้ง ปัญหาคอร์รัปชันและความโปร่งใสหยั่งรากลึกไปทุกระดับตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่นไปจนระดับบุคคล ประชาชนรู้สึกว่าไม่อาจพึ่งพิงเจ้าหน้าที่รัฐได้ จึงเป็นช่องทางของทนายหิวแสงและสื่อมวลชนหิวกระหายเต็มบ้านเต็มเมืองจนน่าอ่อนใจ

ปรากฏการณ์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเป็นการตอกย้ำว่าการบังคับใช้กฎหมายในบ้านเมืองนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และนับจากนี้จะไม่มีใครเกรงกลัวกฎหมายเลย เพราะต่างก็ลูบหน้าปะจมูกด้วยอำนาจเงินและการต่อรองทั้งสิ้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่คนต่างชาติสีเทาไม่ว่าชาติไหนต่างเข้ามาตั้งกองกำลังก่ออาชญากรรมในประเทศนี้ เพราะรู้ว่ากฎหมายไม่เคยเป็นกฎหมายและเงินซื้อได้

ใครฟังประธานาธิบดีทรัมป์ปราศรัยในพิธีรับตำแหน่งตอนหนึ่ง ที่แข็งกร้าวและชัดเจนกับการปราบแก๊งและเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติ (foreign gangs and criminal network) คงเข้าใจหัวอกคนอเมริกันว่าไม่ต่างไปจากคนไทยตอนนี้ ที่เหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ความเด็ดขาดของทรัมป์จึงได้ใจคนไปโดยปริยาย ส่วนของเราจะเอาอย่างไร ไม่เคยมีคำตอบจากรัฐบาล

เรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลก็เกิดคำถามว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงกันแน่ รัฐบาลทำในสิ่งที่ไม่ได้หาเสียงไว้ก็ได้ พรรคร่วมก็ไม่ได้เหนียวแน่นกันจริง ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ปัญหาการค้ามนุษย์ ทั้งชายแดนและสามจังหวัดภาคใต้ไม่เคยสงบลงเลยไม่ว่าผ่านมากี่รัฐบาล ดังนั้นสำหรับตัววัดในกลุ่มนี้ต้องบอกว่าประเทศไทยเราสอบตกอย่างสิ้นเชิง

2.ตัววัดทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วยตัววัดหลักคือ การตกต่ำของเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวย การขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐาน การแพร่กระจายของธุรกิจใต้ดินและธุรกิจสีเทา แม้ตัววัดในกลุ่มนี้จะยังห่างไกลจากความวิกฤติ แต่มีแนวโน้มจะเป็นปัญหามากขึ้นในอนาคต เพราะความเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงเรื่อยๆ จากปัญหาเชิงโครงสร้างที่รัฐบาลยังไม่มีทางแก้ ส่วนปัญหาความเหลื่อมล้ำนั้นเลวร้ายลงทุกวันและจะส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาวจากหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 90% ของจีดีพี

การที่รัฐบาลแจกเงิน 10,000 บาทไม่ได้ช่วยอะไร การแพร่กระจายของธุรกิจสีเทานั้นไม่ต้องพูดถึง มีอยู่ทุกหัวระแหงตั้งแต่ระดับชาวบ้านไปจนระดับบนของประเทศ ทั้งจากคนในและนอกประเทศ นักการเมืองก็ล้วนมีส่วนในปัญหา จึงไม่สามารถแก้ไขได้ นี่ก็จะสร้างเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโนขึ้นมาอีก ธุรกิจสีเทาจะเบ่งบานและเลวร้ายลงไปทุกวัน

3.ตัววัดทางสังคม ประกอบด้วยตัววัดหลัก เช่น การแตกแยกและตึงเครียดของกลุ่มคนในชาติที่นำไปสู่การเลือกปฏิบัติและความรุนแรง การอพยพของคนในชาติ ความล้มเหลวของบริการขั้นพื้นฐาน เช่น สาธารณสุข การศึกษา ฯลฯ จนต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอก ประเทศไทยดูจะไกลจากความล้มเหลวในตัววัดกลุ่มนี้ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่สงบก็ใช่ว่าความแตกแยกจะไม่มี นับตั้งแต่การแบ่งแยกสีเสื้อที่เป็นผลมาจากการเมือง การเห็นต่างในเรื่องมาตรา 112

ทุกวันนี้คนไทยเรามีความสุขน้อยลง สามัคคีกันน้อยลง และอาจจะมีวันใดวันหนึ่งที่ความรุนแรงอาจจะปะทุขึ้นอีก ส่วนการอพยพของคนในชาตินั้นยังไม่มี แต่เรื่องสมองไหลออกนอกประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนมีการศึกษาและมีคุณภาพ ต้องยอมรับว่ามี เป็นการอพยพแบบเงียบๆ ด้วยเหตุผลเดียวคือ “เบื่อ”

พิจารณาจากตัววัดทั้งสามกลุ่มข้างต้น พอจะสรุปได้ว่าสำหรับตัววัดทางการเมืองและการบังคับใช้กฎหมายนั้นประเทศไทยเราสอบตก แม้ตัววัดอื่นๆ จะไม่ถึงกับเป็นความล้มเหลวแต่ก็อยู่ในข่ายที่ควรจะวิตกกังวล ถึงวันนี้จะยังไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงกับความล้มเหลว รัฐบาลจะเห็นปัญหาเหล่านี้ขนาดไหนก็สุดจะหยั่งรู้ได้ เพราะรัฐบาลเองนั้นล้มเหลวไปก่อนหน้านี้นานแล้ว

https://www.bangkokbiznews.com/blogs/business/economic/1163445