วันเสาร์, กันยายน 10, 2565

มองสถาบันกษัตริย์สหราชอาณาจักรผ่านซีรีส์ Netflix


เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak
15h

ชวนมองสถาบันกษัตริย์สหราชอาณาจักรผ่านซีรีส์ Netflix
มรณกรรมของราชินีเอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรที่ผ่านมาเป็นข่าวใหญ่ที่ผู้คนให้ความสนใจทั่วทั้งโลก มรณกรรมที่เกิดขึ้น นอกจากจะได้รับคำอาลัยไร้พรมแดนจากผู้คนประเทศต่าง ๆ ยังชวนให้อีกหลายคน (โดยเฉพาะคนในสหราชอาณาจักรเอง) ตั้งคำถามถึงความอยู่รอดของสถาบันกษัตริย์สหราชอาณาจักร เพราะที่ผ่านมากล่าวได้ว่าสถาบันกษัตริย์สหราชอาณาจักรพยุงไว้ได้ด้วยความนิยมตัวบุคคลของราชินีเอลิซาเบ็ธเอง แต่เมื่อบัลลังก์ถูกนั่งโดยกษัตริย์องค์ใหม่ซึ่งไม่เป็นที่นิยมเท่า ซ้ำมีข่าวฉาวในครอบครัวเป็นเนือง ๆ ก็เกรงกันหลายฝ่ายว่าสถาบันก็ไปได้อีกไกลเท่าไหร่
ก่อนที่จะว่ากันเรื่องอนาคตของสถาบันกษัตริย์สหราชอาณาจักร อยากชวนย้อนอดีตให้เห็นสภาพของสถาบันกษัตริย์สหราชอาณาจักรในรัชสมัยที่เพิ่งผ่านมา ผ่านซีรีส์ The Crown ของทาง Netflix ซึ่งผลิตขึ้นจากชีวิตของราชินีเอลิซาเบ็ธที่ 2 ครับ
The Crown ฉายภาพความเคลื่อนไหวและความเปลี่ยนแปลงของสถาบันกษัตริย์สหราชอาณาจักรตั้งแต่ราชินีเอลิซาเบ็ธขึ้นครองราชย์ ซึ่ง ขณะนั้นเป็นช่วงต้นสงครามเย็น สหราชอาณาจักรกำลังสูญเสียทั้งจักวรรดิอาณานิคมอันยิ่งใหญ่และสถานะมหาอำนาจอันดับหนึ่งให้กับสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ภาพศูนย์กลางการค้าอันเจริญรุ่งเรืองค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความว่างงาน สภาวะข้าวยากหมากแพง และภัยสงคราม (เย็น) เมื่ออดีตอันรุ่งโรจน์ผ่านพ้นไป ความรุ่งเรืองของมงกุฏก็ย่อมหมองลงตามไปด้วย ท่ามกลางความบีบคั้นทางการเมืองและเศรษฐกิจ สังคมเริ่มตั้งคำถามว่าการมีราชวงศ์ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยในพระราชวังอันโอ่อ่าขณะที่ประชาชนไม่มีอะไรจะกินนั้นมันจะบาดตาบาดใจไปหรือไม่ ? และในช่วงเดียวกันนี้ ราชวงศ์ยังต้องเผชิญกับปัญหาครอบครัวตามประสาครอบครัวใหญ่ แต่ในเมื่อเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีชื่อเสียงและที่สำคัญ ใช้ภาษีประชาชน จึงเป็นประเด็นให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่เว้นวัน ไม่เพียงเท่านั้น ไม่ใช่ทุกรัฐบาลที่สนับสนุนหรือเชื่อฟังสถาบันกษัตริย์ นายกรัฐมนตรีบางคนเห็นว่าสถาบันกษัตริย์คือความฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็นต้องมี บางคนก็ถือว่าสถาบันกษัตริย์ไม่มีความชอบธรรมที่จะมีอิทธิพลเหนือผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้ง กระทั่งข้าราชการละทหารก็ต้องการใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมืองด้วย การเมืองในยุคผันผวนทำให้สถาบันกษัตริย์เผชิญเรื่องยาก ๆ ทางการเมือง
สถาบันกษัตริย์สหราชอาณาจักรรับมือคำถามของสังคมอย่างไร ? จัดการข่าวฉาวอย่างไร ? ทำตัวอย่างไรเมื่อต้องอยู่กับรัฐบาลที่ตนไม่ชอบ (และไม่ชอบตน) ? และที่สำคัญ วางตัวอย่างไรต่อคนที่เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ? ซึ่งทั้งหมดนี้ ไม่มีมาตรา 112 มาเกี่ยวข้องด้วยแม้แต่น้อย
หาคำตอบได้ใน The Crown ครับ ตอนนี้มี 4 ซีซันแล้ว จับเรื่องตั้งแต่ขึ้นครองราชย์จนซีซันปัจจุบันถึงยุคมากาเร็ต แธชเชอร์ สุภาพสตรีเหล็กผู้ไม่เคยยอมใคร ส่วนจะทำมาถึงปัจจุบันหรือไม่ก็สุดแท้แต่ทางผู้ผลิตซีรีส์ครับ
ในโอกาสต่อไปจะมาเขียนแนะนำ Charles III ซึ่งว่าด้วยเรื่องความกังวลของผู้คนเมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ผู้ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามักมีความเห็นทางการเมืองและมีเหตุอื้อฉาวบ่อย ๆ ได้ขึ้นครองราชย์แล้วครับ จะได้มองอดีตเสร็จแล้วมองอนาคตด้วย
ขอย้ำอีกครั้งว่าเปHนเรื่องของสถาบันกษัตริย์สหราชอาณาจักรเท่านั้นครับ ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ของประเทศอื่นใดทั้งสิ้นครับ
สวัสดี
.....

ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์-All About Investing
20h ·

The Crown-พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง
“หนังย้ำตลอด 4 ซีซั่นว่า ผู้สวมมงกุฏนอกจากต้องสุขสบายส่วนตัวให้น้อย ตัดห้วงตัณหาราคะส่วนตัวให้มาก แล้วก็ต้องมีใจเห็นอกเห็นใจไพร่ฟ้าประชากรให้มากๆ โดยเฉพาะยามมีพิบัติภัยสารพัด จะมาทำเย็นชาไร้หัวใจ เอาแต่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อบนภาษีและกองทุกข์ราษฎรไม่ได้”
….
ช่วงหยุดยาว ผมเพิ่งจะดูซีซั่น4 จบลง ดูเหมือนว่า themeหลักของหนังจะสรุปสั้นๆไว้แบบนั้นนะ คือพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง และเมื่อไหร่ที่คุณเอาพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่มาสนองตัณหาราคะส่วนตัว คุณก็จะหมดสิ้นพลังอำนาจลง
ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 พระปิตุลาของควีนอะลิสะเบ็ธ ที่มีพระราชประสงค์จะอภิเษกกับหญิงหม้ายชาวอเมริกัน พระองค์ก็ต้องถูกบีบคั้นให้ทรงสละราชอย่างขมขื่น และมีพระชนม์ชีพที่เหลืออย่างขื่นขม
เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต พระเจ้าน้องยาเธอ ผู้ทรงทะเยอทะยาน ก็จำต้องสละความรักส่วนพระองค์กับราชองครักษ์ที่หย่าร้าง เพื่อจะได้ไม่ถูกตัดออกจากราชวงศ์ที่ใช้พระชนม์ชีพสะดวกสบายด้วยเงินภาษีราษฎร แต่ก็แลกกับชีวิตรักรันทดกระท่อนกระแท่น
เจ้าชายฟิลิป พระราชสวามีที่ต้องทิ้งอาชีพราชนาวีที่ทรงรักมายอมเป็นลมใต้ปีกให้ควีนแบบที่ต้องปรับพระองค์อยู่นานกว่าจะยอมรับสถานะผู้ช่วยนางเอกในทุกสถานการณ์ได้
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารที่ชีวิตสมรสกับเลดีไดอาน่าพังลงไม่เป็นท่า เพราะฝังใจกับรักแรกที่กลายเป็นเมียของชาวบ้าน ก็ไม่วายถวิลหา ทำให้นิยายรักเจ้าหญิงเจ้าชายล่มลง พร้อมกับเสื่อมความนิยมในพระองค์ที่ลามไหลมาถึงพระราชวงศ์วินเซอร์
ขณะเดียวกันหนังก็ย้ำตลอด 4 ซีซั่นเช่นกันว่า ผู้สวมมงกุฏนอกจากต้องสุขสบายส่วนตัวให้น้อย ตัดห้วงตัณหาราคะส่วนตัวให้มาก แล้วก็ต้องมีใจเห็นอกเห็นใจไพร่ฟ้าประชากรให้มากๆ โดยเฉพาะยามมึพิบัติภัยสารพัด จะมาทำเย็นชาไร้หัวใจ เอาแต่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อบนภาษีและกองทุกข์ราษฎรไม่ได้ ถ้าพลาด ก็ต้องรีบกลับตัวแก้ไขให้ทันการณ์
ท้ายสุดในเรื่องการบริหารบ้านเมือง ต้องให้สิทธิ์ขาดแก่นายกรัฐมนตรีที่ประชาชนเลือกตั้งมา ไม่ว่าผู้สวมมงกุฏจะชอบหรือชังเขาและเธอคนนั้นก็ตามที แม้บางกรณีอยากแทรกแซงกิจการงานเมืองขนาดไหน ทำได้อย่างที่สุดก็คือ ทรงล็อบบี้และเจรจาโน้มน้าวด้วยไมตรี ทรงปกฉัตรแต่ไม่ปกครอง
ทรงเย็นชาไร้ความรู้สึกและไร้หัวใจแบบที่เสด็จย่าสอนไว้ในต้นเรื่อง หากนั่นคือการแสวงหาความสุขส่วนพระองค์ และพระญาติพระวงศ์ใกล้ชิด ทว่าเห็นอกเห็นใจเข้าใจหากนั่นเป็นทุกข์สุขของพสกนิกรและสาธารณชน ตามคำชี้แนะของลอร์ด อัลทริลก์แฮม
ผู้ซึ่งกล้าลุกขึ้นมาติเตียนเสนอแนะให้ผู้ทรงสิทธิ์ในมงกุฎและราชบัลลังก์ต้องปรับตัว เพื่อที่ราชวงศ์วินเซอร์จะคงยังสถิตสถาพรคู่สหราชอาณาจักรสืบไป
God save the queen ทรงพระเจริญ
.....
Is the crown TV series a true story?

“The Crown is a blend of fact and fiction, inspired by true events,” royal historian Carolyn Harris, author of Raising Royalty: 1000 Years of Royal Parenting, tells Parade.com.Feb 27, 2021