วันเสาร์, กันยายน 10, 2565

คำสารภาพของรอยัลลิสต์ อ.ปวิน เล่าเรื่องสมัยเรียนอยู่ในอังกฤษ และศรัทธาที่มีต่อควีนเอลิซาเบธ


Pavin Chachavalpongpun
22h

Confessions of a Royalist
คำสารภาพของรอยัลลิสต์

ปี 1995 ดิชั้นเดินทางไปอังกฤษเป็นครั้งแรก ในคราวนั้น ดิชั้นนั่งรถไฟจาก Shepherd’s Bush ไปลงที่ St James’s Park เพื่อจะเยี่ยมชมพระราชวัง Buckingham Palace และชมที่ประทับของควีนเอลิซาเบท และความยิ่งใหญ่ (รวมถึงความโหดร้าย) ของจักรวรรดิอังกฤษ เสาคอลัมน์ที่รายล้อมพระราชวัง Buckingham จะถูกสลักชื่ออดีตอาณานิคมของอังกฤษและประเทศที่อยู่ในเครือจักรภพ หรือที่เรียกว่า Commonwealth มีตั้งแต่ออสเตรเลีย ไปถึงแคนาดา และแอฟริกาใต้ แต่ในปี 1995 ไม่มีใครพูดถึงความรุ่งเรืองของอังกฤษในฐานะจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินอีกแล้ว หากแต่ว่า ในช่วงเวลานั้น มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของราชวงศ์อังกฤษ และบททดสอบความสามารถของควีนเอลิซาเบท ว่าจะนำพาราชวงศ์และประเทศไปในทิศทางใด ในช่วงแห่งความทันสมัยและโลกาภิวัฒน์ และในอีก 5 ปีต่อจากนั้นโลกก็ก้าวไปสู่ศตวรรษที่ 21

ตลอดเวลาที่ดิชั้นอยู่ที่ประเทศอังกฤษในฐานะนักเรียนไทยคนหนึ่ง ดิชั้นได้ติดตามเรื่องราชวงศ์อังกฤษพอสมควร หลังจากการไปเยือนในปี 1995 อีก 2 ปีต่อมา ดิชั้นได้เดินทางไปศึกษาต่อที่กรุงลอนดอนในปี 1997 และดังที่เขียนไว้ในกระทู้ที่ผ่านมา ดิชั้นไปถึงลอนดอนในเดือนกันยายน ไม่นานหลังจากเจ้าหญิงไดอาน่าประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในอุโมงค์ที่กรุงปารีส เมื่อดิชั้นได้กลับไปลอนดอนรอบนี้ คนอังกฤษโกรธแค้นราชวงศ์และโดยเฉพาะควีน ที่เฉยชาและใจดำ ไม่ยอมออกมาแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของไดอาน่า จนกระทั่งควีนได้รับคำแนะนำจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ Tony Blair (พรรค Labour) จึงได้ออกมากล่าวอำลาไดอาน่าทางทีวี เมื่อวันที่ 5 กันยายน 1997 แสดงให้เห็นถึงความสามารถปรับตัวในสถานการณ์คับขันของควีนเพื่อรักษาความนิยมทางการเมืองของตนเองและราชวงศ์

ควีนเอลิซาเบทกลายมาเป็นราชินีที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ (70 ปี) เอลิซาเบทเสียชีวิตเมื่อวานที่สก๊อตแลนด์ด้วยอายุ 96 ปี และลูกชายได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ในทันที (และ Camilla Parker-Bowles ได้ขึ้นเป็น Queen Consort) เอลิซาเบทเลือกที่จะเสียชีวิตที่ปราสาท Balmoral ที่เป็นที่พักฤดูร้อน แม้ว่า “บ้าน” จริงๆ ของควีนคือพระราชวังวินเซอร์ (Buckingham เป็นแค่ “ที่ทำงาน” เท่านั้น) ภารกิจสุดท้ายของควีนเกิดขึ้น 2 วันก่อนควีนเสียชีวิต นั่นคือการ endorse นายกรัฐมนตรีคนใหม่ (Liz Truss) นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ในยุค Elizabethan ผู้นำทั่วโลกต่างแสดงความเสียใจต่อการจากไปของควีน ประธานาธิบดี Joe Biden กล่าวว่า “ควีนเอลิซาเบทเป็นมากกว่าราชินี แต่ควีนคือผู้กำหนดยุคสมัย” (HM Queen Elizabeth II was more than a monarch. She defined an era.) สำหรับพิธีศพนั้น น่าจะมีขึ้นในวันที่ 19 กันยายน ที่ Westminster Abbey ที่ที่จัดงานศพของไดอาน่าเมื่อวันที่ 6 กันยายน 1997 (25 ปี ที่แล้ว)

ควีนขึ้นครองราชย์เมื่ออายุเพียง 25 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวและวิกฤตการเมืองทั้งภายในและระหว่างประเทศ ที่อยู่เคียงข้างควีนมาตลอดก็คือเจ้าชายฟิลิป (Duke of Edinburgh) ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน ในชีวิตที่ผ่านมา ควีนแสดงให้เห็นถึงคาเร็คเตอร์ที่สุขุม แม้ว่าจะมีอุปสรรคอยู่รอบตัว ลูกสามคนในจำนวน 4 คนต้องหย่าร้าง และเกิดวิกฤตที่มาจากการเสียชีวิตของไดอาน่าอย่างที่กล่าวไปแล้ว แต่แม้จะผ่านจุดตกต่ำต่างๆ ดัชนีชี้วัดอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อมีการจัดงานสำคัญของควีน อาทิ การจัดงานครบรอบการครองราชย์ตั้งแต่ Silver, Golden และ Diamond Jubilees จะเห็นว่า ชาวอังกฤษออกมาร่วมฉลองกันถ้วนหน้า และงานเหล่านี้มีส่วนเพิ่มความนิยมของควีนได้อย่างดี ดิชั้นโชคดีที่มีส่วนร่วมในงาน Golden Jubilee ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2002 เป็นเวลา 7 เดือนก่อนดิชั้นสำเร็จการศึกษาและเดินทางกลับไทย ในครั้งนั้น มีงานใหญ่ทั่วกรุงลอนดอนและทั่วประเทศ ดิชั้นได้มีโอกาสไปร่วมงานที่ The Mall (ถนนสายหลักที่ตรงไปสู่ Buckingham Palace) เพื่อร่วมงานเฉลิมฉลอง และได้มีโอกาสเห็นควีนตัวจริงที่ออกมาปรากฏตัวอยู่ที่ระเบียงที่ Buckingham Palace

ในช่วงปีที่ผ่านมา ควีนยังต้องประสบกับปัญหาในครอบครัว นับตั้งแต่การถอนตัวออกจากราชวงศ์ของเจ้าชายแฮรี่และเมแกน และเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเจ้าชายแอนดรู (แอนดรูเป็นลูกชายคนโปรดของควีน)

ควีนเกิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน 1926 (อ่อนกว่าในหลวงอานันท์ 1 ปี แก่กว่าในหลวงภูมิพล 1 ปี) เมื่ออายุได้ 10 ขวบ คุณลุง หรือกษัตริย์ Edward VIII สละราชสมบัติเพราะต้องการแต่งงานกับหญิงหม้ายอเมริกัน Wallis Simpson ทำให้น้องชายต้องครองราชย์แทน นั่นคือกษัตริย์ George VI ทำให้เอลิซาเบทกลายเป็นองค์รัชทายาททันที หลังจากขึ้นครองราชย์ ไม่มีวันไหนที่คนอังกฤษไม่รู้ภารกิจของควีน ใครจะเรียกว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อก็ได้ แต่ภารกิจเหล่านี้คือภารกิจจริงๆ แม้ว่าจะอายุมากแค่ไหน อย่างเช่น เมื่อควีนอายุ 85 ควีนมีภารกิจถึง 325 ภารกิจต่อปี และเดินทางไกลต่างประเทศจนกระทั่งอายุ 87 ควีนยังเป็นราชินีที่เดินทางมากที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ ไปเยือนทุกประเทศในเครือจักรภพ ยกเว้นคาแมรูนและรวันดา ควีนไปเยือนแคนาดามากกว่า 20 ครั้ง ออสเตรเลีย 16 ครั้ง นิวซีแลนด์ 10 ครั้ง และจาไมกา 6 ครั้ง ในปี 2011 ควีนเป็นราชินีคนแรกที่เยือนสาธารณรัฐไอร์แลนด์ และได้เชคแฮนด์กับผู้นำ Sinn Fein ที่กรุงเบลฟาส จบความขัดแย้งที่เกิดกับกลุ่ม IRA ที่ได้สังหารญาติคนสำคัญ คือ Lord Mountbatten ในปี 1979 ในปี 2002 ปีสุดท้ายที่ดิชั้นอยู่อังกฤษ นอกจากงาน Golden Jubilee แล้ว แม่และน้องสาวของควีนเสียชีวิตในปีเดียวกันห่างกันแค่เพียง 8 สัปดาห์ นับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญเพราะควีนสนิทกับแม่และน้องสาวมาก

ใครที่คิดว่าสถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันปรสิต เพราะไม่ได้มาซึ่งอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน นั่นอาจจะเป็นเรื่องจริง ดังนั้น สถาบันกษัตริย์จึงต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่เสมอว่า จะต้องเป็นสถาบันที่ตรวจสอบได้ และต้องปฏิบัติหน้าที่ที่จรรโลงระบอบประชาธิปไตย และบทบาทอื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือการเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นอัตลักษณ์ของประเทศ สำหรับดิชั้น ควีนเอลิซาเบทได้ทำหน้าที่นี้อย่างดีตลอดเวลา 70 ปีที่อยู่บนบัลลังค์

ผ่านไป 20 ปีพอดิบพอดี ดิชั้นเก็บของออกจากกรุงลอนดอนในเดือนกันยายน ปี 2002 นั่งเครื่องกลับกรุงเทพ กลับมาเป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้วยทุนของรัฐบาลอังกฤษ ความรู้ที่ได้วันนั้น ทำให้มองเห็นว่า สถาบันกษัตริย์ของอังกฤษอยู่ได้ด้วยศรัทธาของประชาชน ต่างไปจากสถาบันกษัตริย์ที่อื่นๆ ที่อยู่ได้ด้วยการสร้างความหวาดกลัว

วันนี้ เพื่อนชาวอังกฤษหลายคนได้ออกไปวางช่อดอกไม้ที่ Buckingham Palace และ Balmoral Castle ถ้าดิชั้นอยู่ลอนดอนวันนี้ ก็คงจะทำเหมือนกันแม้ดิชั้นจะ (ยัง) ไม่ใช่คนอังกฤษก็ตาม

May you rest in peace...
#queenelizabeth