ลงทุนแมน
March 2 at 9:00 PM ·
สงครามยูเครน กำลังทำลายล้าง เศรษฐกิจรัสเซีย /โดย ลงทุนแมน
การบุกยูเครนครั้งนี้ ดูเหมือนว่ารัสเซียจะวางแผนทางการทหารมาเป็นอย่างดี และโจมตียูเครนพร้อมกันในทุกทิศทุกทาง ตั้งแต่เปิดการยิงด้วยมิสไซล์ และลำเลียงกำลังพลเข้าไปในเมืองสำคัญของยูเครนอย่างรวดเร็ว..
แต่ในอีกมุมหนึ่งที่รัสเซียอาจนึกไม่ถึง ก็คือ
สงครามในครั้งนี้ ได้ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจของรัสเซียด้วยเช่นกัน
ทำไมเศรษฐกิจของรัสเซีย ถึงกำลังตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง
จนกลายเป็นว่า เศรษฐกิจของรัสเซีย อาจต้องพังลง จนต้องใช้เวลาหลายปี กว่าจะกลับมาที่เดิม
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในปี 2021 รัสเซีย มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด เป็นอันดับที่ 11 ของโลก
โดยมีมูลค่า GDP 54 ล้านล้านบาท
ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีของชาวรัสเซียนั้นอยู่ที่ 385,000 บาท
แม้จะถูกจัดให้เป็นเพียงแค่ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง
แต่สิ่งที่ทำให้รัสเซียมีบทบาทเป็นมหาอำนาจในโลก
นอกจากการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมากแล้ว
ก็คือการครอบครองปริมาณน้ำมันดิบสำรอง และก๊าซธรรมชาติในปริมาณมหาศาล
โดยรัสเซียนั้นครอบครอง
- ปริมาณน้ำมันดิบสำรอง 80,000 ล้านบาร์เรล ประมาณ 5% ของปริมาณสำรองน้ำมันทั่วโลก มากเป็นอันดับ 8 ของโลก
- ปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติ 47,805 พันล้านลูกบาศก์เมตร ประมาณ 20% ของปริมาณก๊าซธรรมชาติทั่วโลก มากเป็นอันดับ 1 ของโลก
แน่นอนว่า กลุ่มลูกค้าหลักที่รับซื้อพลังงานจากรัสเซียโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ
คือหลายประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศในสหภาพยุโรป
ซึ่งความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่กำลังเกิดขึ้น
ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลว่า หลายประเทศในยุโรปที่พึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย อาจประสบปัญหาไม่สามารถเข้าถึงพลังงานได้เหมือนช่วงเวลาปกติ
อย่างเช่นกรณีโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จากรัสเซียไปสู่เยอรมนีที่เพิ่งสร้างเสร็จ ชื่อว่า “นอร์ดสตรีม 2”
เยอรมนีได้ประกาศระงับโครงการนอร์ดสตรีม 2 เพื่อตอบโต้ หลังจากที่รัสเซียบุกรุกยูเครน ทั้ง ๆ ที่นอร์ดสตรีม 2 สร้างสำเร็จและพร้อมเปิดใช้งานแล้ว
ซึ่งหมายความว่า รัสเซียจะไม่สามารถขายพลังงานให้แก่ประเทศอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ และเรื่องนี้ก็อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของรัสเซียตามมา
เพราะสำหรับรัสเซียนั้น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ นับเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ และบริษัทใหญ่อันดับต้น ๆ ในรัสเซีย ก็อยู่ในอุตสาหกรรมนี้
โดยมูลค่าการส่งออกของรัสเซียทั้งหมดที่ 11.1 ล้านล้านบาท มาจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 4.7 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 9% ของ GDP รัสเซียเลยทีเดียว
ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รายได้จากการขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศรัสเซียมากขนาดไหน
อีกประเด็นก็คือ การตอบโต้ของหลายประเทศ
โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีการคว่ำบาตรรัสเซีย
ยกตัวอย่างมาตรการคว่ำบาตร ก็อย่างเช่น
- ตัดสัมพันธ์กับสถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่งในรัสเซีย
- แบนธนาคารรัสเซียบางแห่งจากระบบ SWIFT ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ ทำให้การค้าขายระหว่างประเทศของรัสเซียอาจได้รับผลกระทบ
- การควบคุมสินค้าส่งออกและนำเข้ากับรัสเซีย
และรู้ไหมว่า นับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มรุกเข้าไปในยูเครน ค่าเงินรูเบิลของรัสเซีย อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว
- 24 กุมภาพันธ์ 2565 เงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 85 รูเบิล
- 3 มีนาคม 2565 เงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 110 รูเบิล
ค่าเงินรูเบิล อ่อนค่าลง 30% ในระยะเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว
ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์นั้น การอ่อนค่าลงของเงินในประเทศ เป็นปัจจัยที่จะผลักดันให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
เนื่องจากราคาสินค้านำเข้านั้นจะมีราคาแพงขึ้น จนส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ ในประเทศจะมีราคาแพงขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ S&P บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของรัสเซียให้ไปอยู่ในระดับ Non-Investment Grade หรือกลุ่ม “ต่ำกว่าระดับลงทุน”
หมายความว่า ภาคเอกชนหรือแม้แต่รัฐบาลของรัสเซีย จะมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อต้องการระดมทุนในอนาคต
ล่าสุด ค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
ทำให้ธนาคารกลางรัสเซีย จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 9.5% สู่ระดับ 20.0%
ซึ่งแน่นอนว่า จะทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้บริโภคและบริษัทต่าง ๆ นั้นเพิ่มขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ วันแรกที่สงครามปะทุขึ้น ยังทำให้ตลาดหุ้นรัสเซียทั้งดัชนี MOEX และ RTSI ลดลงมากกว่า 30% ในวันเดียว สร้างความเสียหายอย่างมากแก่นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นรัสเซีย
อ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นว่า
รัสเซียในฐานะผู้เริ่มสงครามก็ได้รับผลกระทบไปไม่น้อย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ
ซึ่งถ้ารัสเซียยังยืนกรานเดินหน้าเพื่อทำสงครามในครั้งนี้ต่อไป
ความเสียหายทางเศรษฐกิจของรัสเซีย จะสร้างผลกระทบต่อประชาชนทุกคนในรัสเซียเอง เช่นกัน..
.....
Investment Expert Goes Live On Air In Russia
Mar 3, 2022
MadeForGeeks
A snapshot of the Russian economy: an investment expert goes live on air and says his current career trajectory is to work as "Santa CIlaus" and then drinks to the death of the stock market.
Russian President Vladimir Putin has said that Russia has no "ill intentions" towards Ukraine, hours after Russian forces had seized Europe's biggest nuclear power plant.
Putin made the comment on the state-controlled Rossiya 24 news channel on Friday in which he called on neighboring countries "to think about how to normalize relations" more than a week after he ordered an invasion that has caused thousands of casualties and sparked a growing refugee crisis.
"I want to emphasize once again. We have no ill intentions towards our neighbors, and I would advise them not to escalate the situation, nor to introduce any restrictions," he said, according to news agencies.
"All our actions, if they arise, always arise exclusively in response to unfriendly actions against Russia," he added.
Putin also said: "We do not see any need here to escalate the situation or worsen our relations."
The international community reacted with alarm when the Zaporizhzhia nuclear plant was reportedly shelled by Russian forces, who captured the facility on Friday. The U.S. embassy in Ukraine tweeted that attacking a nuclear power plant constitutes a "war crime."
As he spoke to mark a new ferry that would travel between its exclave of Kaliningrad and the rest of Russia, Putin also appeared to brush off the impact of sanctions imposed on his country.
"We will just have to move some projects a little to the right, to acquire additional competencies," he said. "In the end, we will even benefit from this because we will acquire additional competencies."
โดยมีมูลค่า GDP 54 ล้านล้านบาท
ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีของชาวรัสเซียนั้นอยู่ที่ 385,000 บาท
แม้จะถูกจัดให้เป็นเพียงแค่ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง
แต่สิ่งที่ทำให้รัสเซียมีบทบาทเป็นมหาอำนาจในโลก
นอกจากการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมากแล้ว
ก็คือการครอบครองปริมาณน้ำมันดิบสำรอง และก๊าซธรรมชาติในปริมาณมหาศาล
โดยรัสเซียนั้นครอบครอง
- ปริมาณน้ำมันดิบสำรอง 80,000 ล้านบาร์เรล ประมาณ 5% ของปริมาณสำรองน้ำมันทั่วโลก มากเป็นอันดับ 8 ของโลก
- ปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติ 47,805 พันล้านลูกบาศก์เมตร ประมาณ 20% ของปริมาณก๊าซธรรมชาติทั่วโลก มากเป็นอันดับ 1 ของโลก
แน่นอนว่า กลุ่มลูกค้าหลักที่รับซื้อพลังงานจากรัสเซียโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ
คือหลายประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศในสหภาพยุโรป
ซึ่งความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่กำลังเกิดขึ้น
ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลว่า หลายประเทศในยุโรปที่พึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย อาจประสบปัญหาไม่สามารถเข้าถึงพลังงานได้เหมือนช่วงเวลาปกติ
อย่างเช่นกรณีโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จากรัสเซียไปสู่เยอรมนีที่เพิ่งสร้างเสร็จ ชื่อว่า “นอร์ดสตรีม 2”
เยอรมนีได้ประกาศระงับโครงการนอร์ดสตรีม 2 เพื่อตอบโต้ หลังจากที่รัสเซียบุกรุกยูเครน ทั้ง ๆ ที่นอร์ดสตรีม 2 สร้างสำเร็จและพร้อมเปิดใช้งานแล้ว
ซึ่งหมายความว่า รัสเซียจะไม่สามารถขายพลังงานให้แก่ประเทศอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ และเรื่องนี้ก็อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของรัสเซียตามมา
เพราะสำหรับรัสเซียนั้น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ นับเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ และบริษัทใหญ่อันดับต้น ๆ ในรัสเซีย ก็อยู่ในอุตสาหกรรมนี้
โดยมูลค่าการส่งออกของรัสเซียทั้งหมดที่ 11.1 ล้านล้านบาท มาจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 4.7 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 9% ของ GDP รัสเซียเลยทีเดียว
ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รายได้จากการขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศรัสเซียมากขนาดไหน
อีกประเด็นก็คือ การตอบโต้ของหลายประเทศ
โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีการคว่ำบาตรรัสเซีย
ยกตัวอย่างมาตรการคว่ำบาตร ก็อย่างเช่น
- ตัดสัมพันธ์กับสถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่งในรัสเซีย
- แบนธนาคารรัสเซียบางแห่งจากระบบ SWIFT ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ ทำให้การค้าขายระหว่างประเทศของรัสเซียอาจได้รับผลกระทบ
- การควบคุมสินค้าส่งออกและนำเข้ากับรัสเซีย
และรู้ไหมว่า นับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มรุกเข้าไปในยูเครน ค่าเงินรูเบิลของรัสเซีย อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว
- 24 กุมภาพันธ์ 2565 เงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 85 รูเบิล
- 3 มีนาคม 2565 เงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 110 รูเบิล
ค่าเงินรูเบิล อ่อนค่าลง 30% ในระยะเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว
ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์นั้น การอ่อนค่าลงของเงินในประเทศ เป็นปัจจัยที่จะผลักดันให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
เนื่องจากราคาสินค้านำเข้านั้นจะมีราคาแพงขึ้น จนส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ ในประเทศจะมีราคาแพงขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ S&P บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของรัสเซียให้ไปอยู่ในระดับ Non-Investment Grade หรือกลุ่ม “ต่ำกว่าระดับลงทุน”
หมายความว่า ภาคเอกชนหรือแม้แต่รัฐบาลของรัสเซีย จะมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อต้องการระดมทุนในอนาคต
ล่าสุด ค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
ทำให้ธนาคารกลางรัสเซีย จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 9.5% สู่ระดับ 20.0%
ซึ่งแน่นอนว่า จะทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้บริโภคและบริษัทต่าง ๆ นั้นเพิ่มขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ วันแรกที่สงครามปะทุขึ้น ยังทำให้ตลาดหุ้นรัสเซียทั้งดัชนี MOEX และ RTSI ลดลงมากกว่า 30% ในวันเดียว สร้างความเสียหายอย่างมากแก่นักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นรัสเซีย
อ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นว่า
รัสเซียในฐานะผู้เริ่มสงครามก็ได้รับผลกระทบไปไม่น้อย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ
ซึ่งถ้ารัสเซียยังยืนกรานเดินหน้าเพื่อทำสงครามในครั้งนี้ต่อไป
ความเสียหายทางเศรษฐกิจของรัสเซีย จะสร้างผลกระทบต่อประชาชนทุกคนในรัสเซียเอง เช่นกัน..
.....
Investment Expert Goes Live On Air In Russia
Mar 3, 2022
MadeForGeeks
A snapshot of the Russian economy: an investment expert goes live on air and says his current career trajectory is to work as "Santa CIlaus" and then drinks to the death of the stock market.
.....
Vladimir Putin Says Russia Has 'No Ill Intentions,' Pleads for No More SanctionsRussian President Vladimir Putin has said that Russia has no "ill intentions" towards Ukraine, hours after Russian forces had seized Europe's biggest nuclear power plant.
Putin made the comment on the state-controlled Rossiya 24 news channel on Friday in which he called on neighboring countries "to think about how to normalize relations" more than a week after he ordered an invasion that has caused thousands of casualties and sparked a growing refugee crisis.
"I want to emphasize once again. We have no ill intentions towards our neighbors, and I would advise them not to escalate the situation, nor to introduce any restrictions," he said, according to news agencies.
"All our actions, if they arise, always arise exclusively in response to unfriendly actions against Russia," he added.
Putin also said: "We do not see any need here to escalate the situation or worsen our relations."
The international community reacted with alarm when the Zaporizhzhia nuclear plant was reportedly shelled by Russian forces, who captured the facility on Friday. The U.S. embassy in Ukraine tweeted that attacking a nuclear power plant constitutes a "war crime."
As he spoke to mark a new ferry that would travel between its exclave of Kaliningrad and the rest of Russia, Putin also appeared to brush off the impact of sanctions imposed on his country.
"We will just have to move some projects a little to the right, to acquire additional competencies," he said. "In the end, we will even benefit from this because we will acquire additional competencies."
Source: Newsweek