ออกมาดิ้นกันอีก พวกติ่งอำนาจทหาร รัฐบาล
คสช. ทั้งจาก กปปส. และ พธม. สายเอ็นจีโอ ขณะที่ลิ่วล้อพันธุ์แท้อย่างอดีต สปท.
ยืนกรานตั้งพรรครองบู๊ตทหารดันบิ๊กตูบเป็นนายกฯ แน่
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประกาศอีกครั้งว่าการตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป
ที่ “มีอุดมการณ์ที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี” นั้นตอนนี้หาสมาชิกร่วมจัดตั้งได้ครึ่งทาง
๕๐๐ คนแล้ว กะจะให้ครบพันลงขันรายละ ๑ พันบาท ได้ทุนก่อตั้ง ๑
ล้านตามกฎหมายพรรคการเมืองพอดี
วันก่อนหน้านี้เขาเผยแผนแยบยลที่จะให้ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ
ด้วยมาตรา ๒๗๒ วรรคสองของรัฐธรรมนูญ หลังจากสภาไม่อาจลงรอยกับชื่อบุคคลใดที่พรรคการเมืองเสนอไว้ก่อนเลือกตั้ง
ตามมาตรา ๘๘ ได้
พูดอย่างนี้เหมือนมั่นใจว่าหลังเลือกตั้งจะไม่มีการตั้งรัฐบาลจากพรรคการเมืองในสภาผู้แทนฯ
ได้อย่างแน่นอน จึงต้องใช้กำลังของ สว. ลูกหม้อ คสช. ๒๕๐ คน
บวกกับพรรคทหารของนายไพบูลย์ และพรรคงูเห่าอย่างภูมิใจไทย
ถ้าเสียงยังไม่พอ ๓๗๕ คน ก็ต้องชวนพรรครอส้มหล่นเช่นประชาธิปัตย์ไปกิน
‘ราบ’ แล้วร่วมกันสนับสนุนประยุทธ์เป็นนายกฯ
คนนอก
มิใยที่มีสมาชิกอาวุโสของ ปชป.อย่างอดีตหัวหน้าพรรค
พิชัย รัตตกุล เสนอให้จับมือกับพรรคเพื่อไทย ทัดทานอำนาจ คสช. ร่วมกันตั้งรัฐบาลของฝ่ายพรรคการเมือง
ก็มิวายมี ปชป. สาย กปปส. อย่าง ทยา
ทีปสุวรรณ อดีตรองผู้ว่า กทม. ออกมาดิ้นเป็นกระดี่ จวกผู้อาวุโสของพรรค “ถึงเวลาควรพักผ่อนได้แล้ว”
ฐานที่ไปให้สัมภาษณ์แบบอยากปรองดองอย่างนั้นว่า “มีความคิดกลืนน้ำลายและอุดมการณ์ของตนเอง”
เสร็จแล้วสะบัดต่อไปถึงอดีตนายกฯ หญิง ที่มีภาพแชร์กันเกลื่อนบนสื่อสังคมถ่ายรูปคู่กับหญิงไทยคนหนึ่งในกรุงลอนดอน
“กับกระเป๋าใบละ ๗ ล้าน” (ทยาคงประเมินค่าเงินบาทแข็งมาก ราคาลดลงไปตั้งล้าน)
หนึ่งในแกนนำ กปปส.
ที่โดนหมายจับในข้อหากบฏเมื่อปี ๕๗ ป่านนี้ยังลอยนวลอยู่เช่นเดียวกับคนอื่นอีก ๓๐
คน จี้ให้ คสช. “หาทางนำตัว (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) กลับมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด”
เพียงเพื่อ “อยากเห็นการปฏิรูปประเทศ” และ
“อยากเห็นนักการเมืองไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนได้จริงๆ” นี่นะ
ปะเหมาะได้จังหวะที่หัวหน้ารัฐประหารประกาศตัวเป็นนักการเมืองพอดี
อีกคนที่เคยร่วมเป่านกหวีดปิดบางกอกเพื่อสร้างสถานการณ์สุกงอมให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ
อย่าง ‘ยะใส’ อดีตแกนนำ พธม. แทงกั๊กยักท่า แสดงความเห็นเรื่องสองพรรคการเมืองใหญ่จับมือกันต้าน
คสช. ครองอำนาจต่อหลังเลือกตั้ง ไม่ว่าจะร่วมกันตั้งรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน
ว่าทั้งสองพรรคปฏิรูปแล้วยัง นายสุริยะใส
กตะศิลา ซึ่งปัจจุบันไปเป็นนักวิชาการอยู่ ม.รังสิต แต่ยังเหยียบแคมนักกิจกรรม
ในฐานะ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย บอกว่าสองพรรคต้อง “ทำสัญญาว่าจะร่วมกันปฏิรูปประเทศ”
เสียก่อนอย่างเป็นรูปธรรม ถึงจะมีหวัง
สู้ ไพศาล พืชมงคล ไม่ได้
ทั้งที่เคยด่าเสื้อแดงเป็นไฟหลังจากรัฐประหาร (คงเพราะไปเป็นที่ปรึกษา รมว.กลาโหม
นักสะสมนาฬิกาเพื่อนให้) มาวันนี้หักมุม ๙๐ ดีกรี
“วันนี้ทั้งเหลืองทั้งแดง ถูกดำเนินคดีกันถ้วนหน้า”
เนื่องเพราะ “อดีต สว. สมบูรณ์ ทองบุราณ ได้รับแจ้งให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาและถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุม”
อีกทั้งต่อกรณีที่เป็นข่าวว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีกำลังดำเนินการเรียกเก็บค่าเสียหายจากการยึดสนามบินของพวก
พธม. ๑๓ คนเป็นวงเงิน ๗๔๔ ล้านบาท บวกค่าธรรมเนียมฤชาและทนายอีกเกือบ ๖ แสน
เขาจึงมาถึงบางอ้อขอให้ “เลิกแบ่งสีแบ่งพวกเถิดพี่น้องทั้งหลาย จงสามัคคีกัน
เพื่อประเทศชาติและอนาคตของพวกเราและลูกหลานสืบไป”
มิใยที่เพื่อนร่วมอุดมการณ์ปฏิรูปโดยโค่นระบอบทักษิณอย่าง
ศิริชัย ไม้งาม หนึ่งใน ๑๓ พธม.ที่โดนตัดสินให้ชดใช้ ยักไหล่ ยืนกราน “ไม่มี
ไม่หนี ไม่จ่าย” และไม่ขอรับทุนบริจาค อ้างว่า “เป็นภาระกับประชาชนมากไป” (ที่จริงแล้วน่าจะเพราะมั่นใจ
ถึงอย่างไรก็วิ่งสู้พี่ตูนไม่ได้)
เหตุอ้างของนายศิริชัยที่เอามาย้ำ ทั้งที่ศาลฟังไม่ขึ้นก็คือ “ได้ต่อสู้อย่างบริสุทธิ์ใจ
ไม่ได้เข้าไปยึดสนามบินแต่อย่างใด
แค่ไปชุมนุมแล้วทางการท่าอากาศยานก็ไปปิดสนามบินเองแล้วถอนเจ้าหน้าที่ออกมาเอง”
แบบเดียวกับ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หัวโจกแห่งคดี “สิ่งที่ตนทำไปเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง”
ยกพวกเข้าไปยึดครองสนามบิน ‘อาหารดี ดนตรีเพราะ’ เสียจนท่าอากาศยานปฏิบัติการไม่ได้นี่นะ
“ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำผิด”
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้กรมบังคับคดีออกมาเผยทีเด็ดแล้วว่า “กรมบังคับคดีทำหน้าที่เพียงออกหนังสือยึดและอายัดจำเลยตามที่โจทก์แจ้งเท่านั้น
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสืบหาทรัพย์ (ซึ่ง) เป็นหน้าที่ของโจทก์และอัยการ”
ข้อสำคัญการบังคับคดีนี้มีเวลาถมไป อายุความถึง ๑๐ ปี ไม่ต้องโวยวายอะไร
ทำเฉยๆ ชิวๆ เดี๋ยวไพบูลย์กับลุงกำนันทำสำเร็จ ได้เฮียตุ่นเป็นนายกฯ อีกที
คดีหมดอายุความก่อนแน่