วันเสาร์, มกราคม 06, 2561

เป็นนายกฯ คนนอกก็ยังยากที่วิสัยทัศน์ หากประชาชาติชักหน้าไม่ถึงหลัง จะบอกให้หาตัว 'กระดิ่งเงินกระดิ่งทอง' มาเลี้ยงน่ะหรือ

ชัดเจนขึ้นทุกวันว่าประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเอาแค่เป็น 'นาย' ไม่ต้องมี 'พล' ติดก้น เพื่อที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกหลังเลือกตั้ง

นี่เป็นแนวคิดที่พ้องกับ Somsak Jeamteerasakul จากโพสต์ล่าสุดของเขา ที่เก็บความในรายงานของบางกอกโพสต์ (เขียนโดยวาสนา นาน่วม) มาฟันธงว่าน่าจะเป็นแน่

"ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่สำหรับหัวหน้า คสช. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามที่เขาเองเห็นภาพ คือการมุ่งต่อไปเบื้องหน้าและเข้าสู่สนามการเมืองด้วยตนเอง

เขาพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังการเลือกตั้ง พูดตรงๆ คือเปลี่ยนไปเป็นนายกฯ คนนอก ดังที่ทางเทคนิคเปิดช่องไว้ในรัฐธรรมนูญใหม่

แล้วการที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นได้ จะต้องตั้งพรรคการเมืองของตนขึ้นมา (พรรคทหาร) ไม่เช่นนั้นก็จะต้องไปต่อรองกับพรรคการเมืองที่มีอยู่แล้ว ให้มาเป็นพรรครองบ่อน (นอมินี) ไว้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์"
(https://www.bangkokpost.com/news/politics/1390318/regime-lays-plans-for-post-poll-control)

นั่นหมายถึงอีกสองทางเลือกที่ตัดออกไป ตามความเห็นของ ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้แก่ 'ลงจากหลังเสือ' "วางมือ ปล่อยให้กลไกควบคุมต่างๆที่วางไว้ใน รธน.ทำหน้าที่ของมันไปเอง ในการควบคุม-จำกัดรัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้งตาม รธน."

และ "เบี้ยว เลื่อนการเลือกตั้งออกไปเลย" ที่ในกรณีนี้ สศจ.แย้มว่า "สถานการณ์การเมืองไม่มีอะไรแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์...พวกเขาก็อาจจะบ้าบิ่นเลือกอ๊อพชั่น ๓ ที่มีความเสี่ยงด้วยความอับจนก็ได้"

(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1521844014535539&set=a.137616112958343.44289.100001298657012)

ความไม่แน่นอนอยู่ที่ตอนนี้พรรคการเมืองใหญ่สองพรรค (ทั้งที่ยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากันไม่ยอมเบาลง) ต่างมุ่งมั่นไปในทิศทางเดียวกัน คือการเลือกตั้งที่ 'กัน' ทหารออกไปจากบทบาทผู้กำกับการ

และระหว่างทางไปสู่เป้าหมาย สองพรรคอาจมีการเตะตัดขา แอบผลัก และสุมไฟกัน ขึ้นอยู่กับว่าสิบเดือนหลังจากนี้ ประยุทธ์จะสามารถฉุดตัวเองขึ้นจากปลักที่ตนขุดไว้ได้ไหม

เช่น ฝันหวานเรื่องเศรษฐกิจแบบ 'ไตแลนเดีย ๔.๐' ความปรองดองอย่างไม่ลำเอียง แบบ ๑๓ แกนนำพันธมิตรฯ กำลังจะกระอัก และกำจัดคอรัปชั่นให้พ้นตัวเองได้หรือไม่

เอาตัวอย่างเรื่องไม่ลำเอียงก่อน "เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการบังคับคดี ๑ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ทำหนังสือแจ้งถึง...๑๓ แกนนำและแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ให้ร่วมกันชำระหนี้ตามคำพิพากษา...

(นับรวมดอกเบี้ยจะอยู่ที่วงเงิน ๗๔๔ล้านบาท) รวมถึงค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ จำนวน ๕๙๗,๘๔๗ บาท...

ทั้งนี้ ในหนังสือระบุว่าหากไม่ดำเนินการ ทอท. จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดอายัดทรัพย์ เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่ ทอท.ต่อไป"

(https://www.isranews.org/isranews/62534-news05_62534.html)

แบบนี้พวกนั้นเขาจะน้อมรับโดยดุษฎีคัมภีรภาพด้วยไหม ในเมื่อเรื่องอึมครึมความร่ำรวยในหมู่พี่น้องร่วมรบ (ยึดอำนาจ) มาด้วยกัน นาฬิกาหรูราคาแพงสุดกู่ของพี่ใหญ่ไม่ยอมแจ้งทรัพย์สิน วันนี้โผล่มาเป็นเรือนที่ ๑๖ สำนักงาน ปปช. ไล่ไม่ทัน
นักข่าวถามทั่นเลขาฯ ปปช. ก็อ้อมแอ้มด้วยคำตอบสำเร็จรูป "ขออนุญาตไม่เปิดเผย" นักข่าวถามอีกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่งหนังสือชี้แจงครบ ๑๕ เรือนไหม เพราะเรือนที่ ๑๔ กับ ๑๕ โผล่มาหลังจาก ปปช.ให้ข่าวทั่นรองฯ ชี้แจงแล้ว

คำตอบจากเลขาฯ ปปช.หน้าเป็นคนนั้นได้ความว่า "รายละเอียดเหล่านี้ ขออนุญาตเก็บไว้ก่อน" (โต๊ะข้างๆ นี่ ตะโกนบอกมา "กูละเบื่อ")

(https://www.matichon.co.th/news/791235)

ด้านเศรษฐกิจนั้นแม้จะทำเกือบทุกอย่างเลียนแบบระบอบทักษิณ จะสี่ปียังไม่มีอาการกระเตื้องจริงจัง มีแต่สัญญานจากปากกูรู จึงน่าจะสรุปได้ว่าการมีวิสัยทัศน์ของ 'ผู้นัมพ์' เป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้น

ซึ่งหากว่าปีนี้พี่น้องประชาชาติยังขาดเหลือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ค้าขายไม่คล่อง ทั่นจะแนะนำให้ไปหาตัว 'กระดิ่งเงินกระดิ่งทอง' มาเลี้ยงในข้าวตอกให้เป็นศิริมงคลมั้ย

ตรงนี้แหละยาก เพราะเลี้ยงเจ้าตัวพวกนี้ต้องพูดจาให้ไพเราะเสนาะหูเค้า จะทำเป็นกระโชกโฮกฮาก ถ่มถุยสำรากอย่างเคยๆ ไม่ได้แล้ว