วันพุธ, มิถุนายน 01, 2559

พวก คสช. นี่เดี๋ยวนี้ติดเชื้อจ้อ ตั้งแต่บักดอนยันบิ๊กหมู พูดตะแบงเอาแต่ดีกันไปเสียหมด

บักดอนเอาอีก ทำตนเป็นคนช่างพูดอวดวิเศษเหมือนนาย เพราะทั่นว่าการต่างประเทศเลยต้องพูดเรื่องปลดล็อคพาสปอร์ตมั้ง

“ที่จริงไม่ได้มีการล็อกอะไร เป็นเพียงมาตรการของรัฐบาล แต่ประเทศไทยยังมีอิสระเสรีมากกว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตยหรือประเทศปกติ บรรยากาศในประเทศเรามีความแจ่มใสชัดเจน ใครที่มาเยี่ยมเราก็มีเสียงสะท้อนออกมาว่าไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย มีบรรยากาศดีกว่าหลายประเทศในยุโรป”

หลายคนคงได้เห็นแล้วว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดีขึ้นเป็นลำดับ และใครก็เดินทางมาพูดคุยหรือจัดการประชุมในไทย

ขนาดนั้นเชียวละ อ่า ที่เห็นในต่างประเทศเกี่ยวกับไทยตอนนี้ มีแต่ข่าวเรื่องงูเหลือมโผล่ออกมาจากโถส้วมงับจู๋ผู้นั่งยองอยู่ เท่านั้นนะ

ต่อกรณีที่นักการเมืองเดินทางไปต่างประเทศเพื่อร่วมประชุมสัมมนา อภิปราย หรือให้การแก่องค์กรประชาธิปไตยตะวันตก นายดอน ปรมัตถ์วินัย บอกว่า

“เชื่อว่าคนที่หวังดีต่อประเทศไทยคงจะไม่พูดในสิ่งที่จะทำให้สถานการณ์ในประเทศต้องทรุดลง...ไม่ออกไปพูดในสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ คนไทยถ้ารักประเทศแล้ว คงไม่พูดให้บ้านเมืองเสียหาย คนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายคือคนไม่รักประเทศ”


พูดเหมือนท่องจำ แล้วได้ถามจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทยบ้างไหม (ยังไม่ต้องไปถึงกรณีประวิตร โรจนพฤกษ์ และพิชัย นริพทะพันธุ์ ก็ได้)

มีเพื่อนหลายคนแสดงความยินดีที่ผมจะไปต่างประเทศได้แล้ว ผมตอบไปสั้นๆ ว่า ผมไม่มีพาสปอร์ตครับพล.อ.ประยุทธ์สั่งให้ยกเลิกครับ ยกเลิกทุกเล่ม” นายจาตุรนต์ตอบนักข่าวที่ชี้ว่า คสช.ผ่อนคลายบรรยากาศทางการเมืองแล้วนะ

บางคนก็เลยจะชวนไปกินข้าวปลอบใจ ผมบอกไปว่าต้องเลี้ยงผมนะ ผมไม่มีบัตรเครดิตและใช้เอทีเอ็มไม่ได้ ถูกระงับธุรกรรมการเงินมาสองปีแล้ว
นี่ไงครับกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย”

ส่วนกรณีที่ทั่นผู้นัมพ์ได้รับเชิญไปปาฐกถาต่างประเทศจนเป็นปลื้มซะนั้น ทั่นดอนลองตอบ  Pavin Chachavalpongpun หน่อยปะไร

ประสาทจะแดก...ผมอยู่สิงคโปร์มา ๙ ปี เรียกได้ว่า ได้เข้าร่วมการประชุม Shangri-La Dialogue เกือบทุกปี ที่เป็นการประชุมเรื่องความมั่นคง...

เจ้าภาพเค้ามักจะเชิญประเทศที่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยเฉพาะในส่วนที่สร้างผลกระทบต่อภูมิภาค มาอธิบายให้ผู้เข้าร่วมประชุมว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไ

อย่างจีนเนี้ย เค้าก็เชิญทุกปี เพราะจีนมีปัญหากับอาเซียนในการอ้างกรรมสิทธิเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ และอาเซียนก็มองว่าจีนเป็นตัวปัญหา ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่รังเกียจจีนหรือไว้ใจจีน”

อจ.ปวินชี้ว่า ที่จริงมันน่าจะเป็นในทางตรงข้าม เพราะ คสช. เป็นตัวปัญหาจึงได้เชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาไปพูดให้ฟัง

เรื่องการก่อการร้าย (ที่ไทยกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมาย เช่น ที่เอราวัณ) หรือเรื่องโรฮิงญา ที่ไทยเองก็เป็นตัวปัญหา เพราะปฏิเสธไม่รับผู้ลี้ภัย แถมถีบเค้าออกทะเลไปด้วย” มากกว่า

แล้วอย่างนี้ ที่สำนักเลขาธิการ คสช. ของพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. แจ้งว่า “การเชิญบุคคล หรือกลุ่มต่างๆ มาพูดคุยและหารือ” หรือที่เมื่อก่อนเรียกว่า ปรับทัศนคตินั้น

“ที่ได้ดำเนินการมาเป็นระยะๆ โดยใช้พื้นที่ในค่ายทหารนั้น ในห้วงต่อไปการพูดคุยในลักษณะดังกล่าวจะพิจารณาจัดให้มีขึ้นในสถานที่ราชการอื่นๆ อาทิ ศาลากลางจังหวัด สถานีตำรวจ เป็นต้น

เพื่อให้เกิดความสะดวกกับทุกฝ่าย และสร้างบรรยากาศของการพูดคุยให้ดียิ่งขึ้น”


ข่าวนี้มติชนพาดหัวว่า เปลี่ยนสถานที่ปรับทัศนคติจากค่ายทหารไปเป็นโรงพักและศาลากลาง “หวังให้ผ่อนคลาย” คงยาก

โรงพักและศาลากลางอาจสะดวกกับทุกฝ่ายที่เป็นลิ่วล้อ คสช. แต่ไม่สะดวกกับฝ่ายที่ถูกเรียกตัว หรืออุ้มไปปรับทัศนคติแน่ๆ จะให้สะดวก ผ่อนคลาย ได้บรรยากาศต้องโน่น เซ็นทาร่าหรือแมริอ้อต

พวก คสช. นี่เดี๋ยวนี้ติดเชื้อจ้อ พูดตะแบงเอาแต่ดีกันไปเสียหมด ตั้งแต่บักดอนยันบิ๊กหมู