บทความโพสต์อยู๋ใน Facebook ส่วนตัว: บทความแปล: องค์กร ALS จะต้องทำอย่างไรกับเงินบริจาคจำนวน $94 ล้านเหรียญ
“คำท้าราดน้ำแข็ง” (Ice Bucket Challenge) เกี่ยวกับโรค ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง กำลังเป็นเรื่องที่นำมาสู่การบริจาคเพื่อการกุศลอย่างมโหฬารในช่วงฤดูร้อน เพื่อพยายามที่จะหาหนทางบำบัดรักษาเกี่ยวกับโรคที่รู้จักกันในนามของ โรคลู เกห์ริก (Lou Gehrig’s Disease) และจวบจนกระทั่งถึงวันนี้ การรณรงค์ที่แพร่กระจายกันอย่างไฟลามทุ่ง ได้นำเงินบริจาคเข้ามาให้กับองค์กร ALS เป็นจำนวนมากกว่า 94 ล้านเหรียญสหรัฐ (3,055 ล้านบาท) นั่นคือการเปรียบเทียบกับจำนวนเงินบริจาคที่หาได้จากการทำงานขององค์กรในเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหาเงินได้เป็นจำนวน $2.7 ล้านเหรียญ (87.75 ล้านบาท)
ในปัจจุบัน ทางองค์กรกำลังเผชิญหน้ากับการท้าทายกับตัวขององค์กรเอง ในการพิจารณาว่า หนทางใดจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดต่อการทำการจับจ่ายใช้สอยกับเงินจำนวนมหาศาลเหล่านี้
“มันเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง และบางทีมันถึงกับขั้นที่มีความรู้สึกท่วมท้นทางจิตใจขึ้นมานิดหน่อย” กล่าวโดยคุณบาบาร่า นิวเฮ้าส์ (Barbara Newhouse) ซึ่งเป็นประธานใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารขององค์กร
เธอกล่าวว่า มันเป็นความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง ในการดำเนินการกับเงินบริจาค ที่ทางกลุ่มไม่เคยได้รับมาเป็นจำนวนมากมายแบบนี้มาก่อน
“ดูไปแล้ว มันก็เหมือนกับคนที่ถูกลีอตเตอรี่ซึ่งได้รับเงินมาเป็นจำนวนมาก และหลังจากนั้นอีกสี่ปี ตัวก็มองดูตัวเองในกระจกเงา แล้วก็พูดว่า “ฉันทำอะไรลงไปกับเงินก้อนนั้น? แล้วเงินเหล่านั้นมันไปอยู่ที่ไหนในตอนนี้?” เธอกล่าว “เราไม่ต้องการให้เหมือนเป็นแบบคนที่ถูกล๊อตเตอรี่ แต่เราต้องการนำเอาเงินเหล่านี้ไปใช้ และวางแผนพิจารณากันอย่างรัดกุมรอบคอบและแน่ชัดที่สุดว่า เราจะนำมันไปจับจ่ายใข้สอยกันอย่างไรบ้าง.”
คุณ Newhouse กล่าวว่า ทางกลุ่มได้เริ่มการปรึกษาหารือกับผู้ทำการประสานงาน, อาสาสมัครและองค์กรย่อย 38 แห่งที่กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วประเทศว่า จะนำเอาเงินจำนวนนี้ไปใช้จ่ายอย่างไร เธอกล่าวถึงการเน้นเกี่ยวกับการขยายงานที่ทางกลุ่มได้กระทำกันอยู่ในปัจจุบัน – คือการให้ทุนกับการค้นคว้าวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific Research) ด้วยการให้การดูแลรักษาและให้คำปรึกษาแนะนำกับผู้ป่วยโรค ALS และสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา รวมทั้งกุล่มของผู้ให้การสนับสนุน (Advocacy) ข้อเสนอขององค์กรจะถูกนำมาปรึกษาหารือกันในการประชุมบอร์ดคณะกรรมาธิการ (Board of Trustees) ในเดือนตุลาคม และเธอกล่าวว่า หลังจากนั้น การตัดสินใจต่างๆ จะกระทำกัน – ด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
“มันไม่ใช่เกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินอย่างรวดเร็ว แต่มันเป็นเรื่องของการใช้จ่ายเงินอย่างรอบคอบต่างหาก” เธอกล่าว
คุณเคน เบอร์เกอร์ (Ken Berger) เห็นด้วยในเรื่องนี้ พร้อมกับเสนอข้อพึงระวังอยู่นิดหน่อย เขาเป็นประธานของบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารขององค์กร Charity Navigator ซึ่งทำการประเมินและวิเคราะห์องค์การการกุศลต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา กลุ่มของเขาให้การประเมินค่าขององค์กร ALS นี้ให้อยู่ในระดับ 4 ดาว ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดของการประเมิน แต่คุณ Berger ยังกล่าวว่า ทางการกุศลของ ALS นั้น ต้องเผชิญหน้ากับการสร้างความสมดุลอย่างหนัก – เพราะจะต้องใช้เงินทำการลงทุนเป็นอย่างดี แต่จะต้องไม่ให้เงินไปนอนอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานจนเกินไป เขากล่าวว่า ผู้บริจาคเงินส่วนมาก ให้ความคาดหวังกันว่า เงินที่พวกเขามอบให้นั้น จะนำไปใช้กันอย่างทันท่วงที
“คุณจะเห็นสถานการณ์ในเรื่องของ องค์กรการกุศลต่างๆ นั้น มีเงินสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อพวกเขาอยู่ในเหตุการณ์ที่เงินทอง ต่างๆ ไหลมาเทมาแบบนี้กัน และผู้บริจาคก็ต่างเริ่มเกิดอารมณ์ขุ่นเคืองกันเกี่ยวกับเรื่องนี้” คุณ Berger กล่าว “เนื่องจากว่า การคาดหวังของผู้บริจาคนั้นคือ : ปัญหามันเป็นอยู่ในเวลานี้ ความต้องการก็ต้องเกิดขึ้น ณ บัดนี้ และทางองค์กรเองก็ควรที่จะก้าวออกมาและให้การบริการเพิ่มขึ้นอย่างให้เราเริ่มเห็นกันบ้างเสียที”
ตัวเขาและคนอื่นๆ จำได้ในเรื่อง ที่ว่า มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างกับผู้บริจาคที่บันดาลโทสะขึ้นมา (Outraged Donors) เมื่อองค์กรกาชาดสหรัฐอเมริกา ได้รับเงินบริจาคเป็นจำนวนนับล้านดอลล่าร์ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายโจมตีสถานที่ต่างๆ ในวันที่ 11 กันยายน (2544) และหลังจากนั้น ก็ปลีกเอา เงินจำนวนส่วนหนึ่งที่ได้รับจากการบริจาค มาปฎิบัติการให้กับเรื่องอื่นๆ แทน
คุณ Berger กล่าวว่า ไม่ว่าทางองค์กรจะทำการตัดสินใจอย่างไรก็ตาม ทางองค์กร ALS เองก็จะต้องแชร์แผนการต่างๆให้ทราบอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อสาธารณชนจะได้ทราบว่า ควรจะคาดหวังอะไรกันได้บ้าง (Know what to expect)
คุณแพทริก รูนี่ย์ (Patrick Rooney) ซึ่งเป็นรองคณบดีของคณะการทำบุญสุนทานของมหาวิทยาลัยอินเดียน่า (Associate Dean at Indiana University’s School of Philanthropy) กล่าวว่า เขาคิดว่า ผู้บริจาคเงินส่วนใหญ่เข้าใจว่า การบำบัดรักษาโรคที่เกี่ยวกับทางประสาท (Neurodegenerative Disease) อย่างเช่นโรค ALS นั้น คือ การลงทุนในระยะยาว (A Long-Term Investment) แต่เขาเตือนว่า “ทุกๆ คนกำลังจ้องมองเรื่องนี้อยู่ ดังนั้น หนึ่งปีหลังจากวันนี้ ผู้คนก็จะเริ่มถามว่า ‘เงินเหล่านี้ไปไหน และ ทางสังคมจะได้รับอะไรกลับมากับการลงทุนในเรื่องนี้ไปแล้วบ้าง?’ “
คุณ Newhouse กล่าวว่า เธอตระหนักทราบดีในเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด และเธอก็ได้รับคำแนะนำอย่างล้นหลาม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ดิฉันได้รับอีเมล์ จากทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่การเสนอแนะนำให้ ‘ใช้เงินด้วยวิธีนี้นะ’ จนไปถึงอีเมล์ที่กล่าวว่า ‘ใจเย็นๆ ทำด้วยวิธีที่ถูกต้องเถอะ’ จนถึงผู้คนที่กล่าวว่า ‘ฉันพบวิธีการรักษาโรค ALS ให้หายอย่างเด็ดขาดแล้วนะ เพียงแต่จ่ายเงินให้กับฉัน และฉันก็จะบอกวิธีรักษาโรคนี้ให้กับคุณเอง’ ใช่แล้วล่ะค่ะ ดิฉันได้รับเรื่องแบบนี้เข้ามาทั้งหมดเลย” คุณ Newhouse กล่าวในตอนท้ายสุด
อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่า สำหรับบุคคลที่ทำการบริหารองค์กรการกุศลนั้น มันยังต้องเผชิญกับปัญหาที่แย่กว่าเก่าๆ อยู่อีกเช่นกัน...
************************************************
ความคิดเห็นของผู้แปล:
ในปัจจุบัน ทางองค์กรกำลังเผชิญหน้ากับ
“มันเป็นเรื่องที่น่ามหัศจร
เธอกล่าวว่า มันเป็นความรับผิดชอบอันใหญ
“ดูไปแล้ว มันก็เหมือนกับคนที่ถูกลีอต
คุณ Newhouse กล่าวว่า ทางกลุ่มได้เริ่มการปรึกษาห
“มันไม่ใช่เกี่ยวกับการใช้จ
คุณเคน เบอร์เกอร์ (Ken Berger) เห็นด้วยในเรื่องนี้ พร้อมกับเสนอข้อพึงระวังอยู
“คุณจะเห็นสถานการณ์ในเรื่อ
ตัวเขาและคนอื่นๆ จำได้ในเรื่อง ที่ว่า มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างกับผู
คุณ Berger กล่าวว่า ไม่ว่าทางองค์กรจะทำการตัดส
คุณแพทริก รูนี่ย์ (Patrick Rooney) ซึ่งเป็นรองคณบดีของคณะการท
คุณ Newhouse กล่าวว่า เธอตระหนักทราบดีในเรื่องเห
“ดิฉันได้รับอีเมล์ จากทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่การเสนอแนะนำให้ ‘ใช้เงินด้วยวิธีนี้นะ’ จนไปถึงอีเมล์ที่กล่าวว่า ‘ใจเย็นๆ ทำด้วยวิธีที่ถูกต้องเถอะ’ จนถึงผู้คนที่กล่าวว่า ‘ฉันพบวิธีการรักษาโรค ALS ให้หายอย่างเด็ดขาดแล้วนะ เพียงแต่จ่ายเงินให้กับฉัน และฉันก็จะบอกวิธีรักษาโรคน
อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่า สำหรับบุคคลที่ทำการบริหารอ
**************************
ความคิดเห็นของผู้แปล:
(เชิญแชร์บทความได้ตามสบาย)
เวลานี้ เราจะเห็นเรื่องของการท้ารา
เรื่องแรกที่เห็นคือ เงินบริจาคต่างๆ ที่ผู้มีจิตศรัทธา มอบให้กับองค์กร สิ่งที่ดิฉันได้เห็นนั้น ไม่ใช่แต่เพียงเงินบริจาคเข
องค์กร ALS เอง มีเครือข่ายสาขาอีกเกือบ 40 แห่งทั่วทั้งประเทศ ดังนั้น การประชุมต่างๆ จึงต้องมีความระมัดระวัง รวมทั้งขั้นตอนการอนุมัติทำ
นอกจากนั้น ยังมีองค์กรอีกองค์กรหนึ่ง อย่างเช่น Charity Navigator ซึ่งทำการตรวจสอบความโปร่งใ
เราจะเห็นว่า องค์กรการกุศลใน USA นั้น จะถูกเพ่งเล็งจากหลายองค์กร
การโกงเงินบริจาค มันถึงยาก เนื่องจากว่า ถูกตรวจสอบเยอะ และผู้บริจาคเขาก็อยากเห็นผ
**************************
ถ้าเราจะนำเรื่องการบริจาคใ
ที่แปลกนิดหน่อยคือ “กองทุน ALS” นี้ เพิ่งจัดตั้งขึ้นมา เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 นี้เอง ไม่ใช่กองทุนดั้งเดิมแต่อย่
แต่เรื่องการตรวจสอบเพื่อคว
(แม้แต่เคสของ พระองค์ภาเอง ก็ทรงรับการท้าทาย แต่การบริจาคนั้น ทรงมีพระประสงค์ให้ไปอยู่ที
**************************
อยากให้ประชาชนทั่วไป เริ่มเคลื่อนไหว จับตาการให้เงินบริจาคเหล่า
บางท่านยังคิดว่า ไม่มีใครกล้าเอาเงินทำบุญไป
องค์กรการกุศลทุกองค์กร มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน เราเรียกเรื่องเหล่านี้ว่า Administrative Expenses หรือค่าใช้จ่ายต่อการบริหาร
คนไทยโดยทั่วไป ก็คุ้นเคยกับการบริจาคเพื่อ
แต่ท่านเคยเห็น องค์กรการกุศล (ส่วนใหญ่) ที่ไหนบ้าง ที่เอางบดุลหรือ Statement มาเปิดเผยให้เห็นถึงความโปร
**************************
มันเหมือนกับการบริจาคเงินท
ถ้าโยงเรื่องนี้มาในการเคลื
เหมือนกับว่า บริจาคแล้ว เท่านั้นเท่านี้ เป็นข่าว ถ่ายรูปทำ Photo Ops เสร็จ ก็ไม่ต้องสนใจว่า เขาเอาเงินที่ท่านบริจาคไปท
**************************
ดังนั้น ควรจะมารณรงค์กันถึงเรื่อง “ความโปร่งใส” (Transparency) เกี่ยวกับ เงินบริจาคกัน คงจะดีไม่น้อย และสร้างมาตรฐานตัวอย่างให้
**** ความคิดเห็นเพิ่มเติม:
ถ้าจะลอกวิธีการของทาง USA เขามาใช้ในเรื่องการกุศล ก็ควรจะลอกระบบทั้งหมดมาด้วย ที่มีการตรวจสอบความโปร่งใส บริจาคได้รับเท่าไร มีการวางแผนจะใช้จ่ายอย่างไรบ้าง ผู้ป่วยเกี่ยวกับโรค ALS จะได้รับผลจากเรื่องนี้มากน้อยสักเท่าไร
ที่ดิฉันสงสัยมากที่สุดคือ กองทุน ALS ของประเทศไทยที่เพิ่งจัดตั้งกันนั้น มีเพื่อรับการบริจาคโดยเฉพาะอย่างนั้นหรือ?
ถ้า ALS เป็นโรคที่ร้ายแรงอย่างที่โพสต์ๆ กันในหลายๆ เวป ทางประเทศไทยก็ควรมีกองทุนเกี่ยวกับภารกิจในเรื่องนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาก่อตั้งขึ้น เพื่อกระทำการตามกระแส Ice Bucket Challenge เลย...
มันดูเหมือนกับสร้างขึ้นมาเพื่อ "รับเงินบริจาค" โดยเฉพาะ จากกระแสที่กำลังแรงอยู่ในเวลานี้...
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ถ้าสมมติว่า มีการเอาเงินบริจาคไปใช้ อย่างผิดเป้าหมาย หรือผืดวัตถุประสงค์เบื้องต้นซึ่งเกี่ยวกับ ALS ตามที่ผู้มีจิตศรัทธาเขาบริจาคเข้ามานั้น ผู้บริจาคสามารถกระทำการอะไรได้บ้าง? เพราะถ้าปล่อยให้เลยตามเลย มันก็จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกอย่างไม่รู้จบแน่นอนค่ะ
ที่ดิฉันสงสัยมากที่สุดคือ กองทุน ALS ของประเทศไทยที่เพิ่งจัดตั้งกันนั้น มีเพื่อรับการบริจาคโดยเฉพาะอย่างนั้นหรือ?
ถ้า ALS เป็นโรคที่ร้ายแรงอย่างที่โพสต์ๆ กันในหลายๆ เวป ทางประเทศไทยก็ควรมีกองทุนเกี่ยวกับภารกิจในเรื่องนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาก่อตั้งขึ้น เพื่อกระทำการตามกระแส Ice Bucket Challenge เลย...
มันดูเหมือนกับสร้างขึ้นมาเพื่อ "รับเงินบริจาค" โดยเฉพาะ จากกระแสที่กำลังแรงอยู่ในเวลานี้...
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ถ้าสมมติว่า มีการเอาเงินบริจาคไปใช้ อย่างผิดเป้าหมาย หรือผืดวัตถุประสงค์เบื้องต้นซึ่งเกี่ยวกับ ALS ตามที่ผู้มีจิตศรัทธาเขาบริจาคเข้ามานั้น ผู้บริจาคสามารถกระทำการอะไรได้บ้าง? เพราะถ้าปล่อยให้เลยตามเลย มันก็จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกอย่างไม่รู้จบแน่นอนค่ะ
************************************************
Doungchampa Spencer Isenberg