
ปักกิ่งซัด ภาษีทรัมป์ จุดการค้าตึงเครียด ขู่ตอบโต้ปท.เอาใจมะกัน โดยตัดจีนพ้นห่วงโซ่อุปทาน
8 กรกฎาคม 2568
มติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จีนเตือนรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการจุดความตึงเครียดทางการค้าจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นเดือนหน้า พร้อมกันนี้จีนยังขู่จะตอบโต้ต่อประเทศใดก็ตามที่ทำความตกลงทางการค้ากับสหรัฐโดยที่ตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทาน
ในบทความแสดงความเห็นของหนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี กระบอกเสียงของทางการจีน อ้างถึงการตอบโต้กันไปมาที่จุดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ โดยระบุว่า “ข้อสรุปหนึ่งที่ชัดเจนอย่างยิ่งคือ การเจรจาและความร่วมมือคือหนทางเดียวที่ถูกต้อง” พร้อมกับย้ำมุมมองของจีนที่เห็นว่า มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์นั้นเทียบได้กับเป็น “การข่มเหงรังแก” และว่า การปฏิบัติที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าการยึดมั่นในจุดยืนที่มีหลักการอย่างแน่วแน่เท่านั้น ที่สามารถปกป้องสิทธิอันชอบธรรมและผลประโยชน์ของตนได้อย่างแท้จริง
บทความดังกล่าวยังโจมตีเขตเศรษฐกิจต่างๆ ในภูมิภาค ที่กำลังทำข้อตกลงเพื่อมุ่งได้ลดอัตราภาษีกับสหรัฐ ซึ่งได้ตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา โดยระบุว่า “จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการทำข้อตกลงใดๆ ที่เอาผลประโยชน์ของจีนเป็นเครื่องสังเวย เพื่อแลกกับการได้รับการประนีประนอมทางด้านภาษี หากสถานการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น จีนจะไม่ยอมรับและจะตอบโต้อย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของจีน”
ท้ายบทความดังกล่าวลงนามว่า “จง เซิง” หรือมีความหมายว่า “เสียงของจีน” เป็นการใช้เพื่อแสดงถึงมุมมองด้านนโยบายต่างประเทศของจีน
การเผยแพร่บทความดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรัฐบาลทรัมป์ได้เริ่มร่อนจดหมายแจ้งไปยัง 14 ประเทศแรกที่เกี่ยวกับอัตราภาษีต่างตอบแทนที่จะเผชิญจากสหรัฐ ก่อนที่จะมาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งในช่วงเวลานี้ยังเปิดโอกาสให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐได้เจรจาต่อรองในการยื่นข้อเสนอที่น่าพอใจให้กับสหรัฐเพื่ออาจจะได้ลดอัตราภาษีลง
ขณะที่จีนและสหรัฐได้เห็นพ้องในกรอบการทำงานทางการค้าระหว่างกันในเดือนมิถุนายน เสมือนเป็นการสงบศึกที่มีความเปราะบางอย่างยิ่ง โดยที่รายละเอียดของความตกลงดังกล่าวในหลายเรื่องระหว่างสองชาติมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นยังไม่มีความชัดเจน
จีน ซึ่งในเบื้องต้นถูกสหรัฐตั้งกำแพงภาษีสูงกว่า 100% นั้น มีเวลาจนถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ในการบรรลุข้อตกลงกับทำเนียบขาว เพื่อไม่ให้ทรัมป์กลับมาใช้มาตรการจำกัดการนำเข้าเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งเคยถูกบังคับใช้ในช่วงสงครามภาษีตอบโต้กันเมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม
ทั้งนี้ขณะนี้สหรัฐกำหนดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนโดยเฉลี่ยที่ 51.1% ขณะที่จีนเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐที่ 32.6%
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เวียดนาม เป็นหนึ่งใน 2 ประเทศ นอกเหนือจากสหราชอาณาจักรที่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐได้ และเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชีย ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เวียดนามได้รับการลดอัตราภาษีต่างตอบแทนจากสหรัฐจากเดิม 46% ลงมาอยู่ที่ 20% ส่วนสินค้าที่ส่งผ่านเวียดนาม ซึ่งโดยทั่วไปมี
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5266521
8 กรกฎาคม 2568
มติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จีนเตือนรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการจุดความตึงเครียดทางการค้าจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นเดือนหน้า พร้อมกันนี้จีนยังขู่จะตอบโต้ต่อประเทศใดก็ตามที่ทำความตกลงทางการค้ากับสหรัฐโดยที่ตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทาน
ในบทความแสดงความเห็นของหนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี กระบอกเสียงของทางการจีน อ้างถึงการตอบโต้กันไปมาที่จุดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ โดยระบุว่า “ข้อสรุปหนึ่งที่ชัดเจนอย่างยิ่งคือ การเจรจาและความร่วมมือคือหนทางเดียวที่ถูกต้อง” พร้อมกับย้ำมุมมองของจีนที่เห็นว่า มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์นั้นเทียบได้กับเป็น “การข่มเหงรังแก” และว่า การปฏิบัติที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าการยึดมั่นในจุดยืนที่มีหลักการอย่างแน่วแน่เท่านั้น ที่สามารถปกป้องสิทธิอันชอบธรรมและผลประโยชน์ของตนได้อย่างแท้จริง
บทความดังกล่าวยังโจมตีเขตเศรษฐกิจต่างๆ ในภูมิภาค ที่กำลังทำข้อตกลงเพื่อมุ่งได้ลดอัตราภาษีกับสหรัฐ ซึ่งได้ตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา โดยระบุว่า “จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการทำข้อตกลงใดๆ ที่เอาผลประโยชน์ของจีนเป็นเครื่องสังเวย เพื่อแลกกับการได้รับการประนีประนอมทางด้านภาษี หากสถานการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น จีนจะไม่ยอมรับและจะตอบโต้อย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของจีน”
ท้ายบทความดังกล่าวลงนามว่า “จง เซิง” หรือมีความหมายว่า “เสียงของจีน” เป็นการใช้เพื่อแสดงถึงมุมมองด้านนโยบายต่างประเทศของจีน
การเผยแพร่บทความดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรัฐบาลทรัมป์ได้เริ่มร่อนจดหมายแจ้งไปยัง 14 ประเทศแรกที่เกี่ยวกับอัตราภาษีต่างตอบแทนที่จะเผชิญจากสหรัฐ ก่อนที่จะมาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งในช่วงเวลานี้ยังเปิดโอกาสให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐได้เจรจาต่อรองในการยื่นข้อเสนอที่น่าพอใจให้กับสหรัฐเพื่ออาจจะได้ลดอัตราภาษีลง
ขณะที่จีนและสหรัฐได้เห็นพ้องในกรอบการทำงานทางการค้าระหว่างกันในเดือนมิถุนายน เสมือนเป็นการสงบศึกที่มีความเปราะบางอย่างยิ่ง โดยที่รายละเอียดของความตกลงดังกล่าวในหลายเรื่องระหว่างสองชาติมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นยังไม่มีความชัดเจน
จีน ซึ่งในเบื้องต้นถูกสหรัฐตั้งกำแพงภาษีสูงกว่า 100% นั้น มีเวลาจนถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ในการบรรลุข้อตกลงกับทำเนียบขาว เพื่อไม่ให้ทรัมป์กลับมาใช้มาตรการจำกัดการนำเข้าเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งเคยถูกบังคับใช้ในช่วงสงครามภาษีตอบโต้กันเมื่อเดือนเมษายนและพฤษภาคม
ทั้งนี้ขณะนี้สหรัฐกำหนดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนโดยเฉลี่ยที่ 51.1% ขณะที่จีนเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐที่ 32.6%
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เวียดนาม เป็นหนึ่งใน 2 ประเทศ นอกเหนือจากสหราชอาณาจักรที่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐได้ และเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชีย ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เวียดนามได้รับการลดอัตราภาษีต่างตอบแทนจากสหรัฐจากเดิม 46% ลงมาอยู่ที่ 20% ส่วนสินค้าที่ส่งผ่านเวียดนาม ซึ่งโดยทั่วไปมี
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5266521