.jpg)
ภาษีทรัมป์ 18% ทำไทยจนลงกว่า 6 แสนล้านล้าน
4 ก.ค. 2568
ไทยรัฐออนไลน์
องค์การการค้าโลก(WTO) หรือองค์กรอื่นๆ ของโลกอย่าง องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการพัฒนา (OECD) ที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยประเทศกำลังพัฒนา และด้อยพัฒนา ไม่ให้ถูกประเทศที่พัฒนาจนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแล้ว ข่มขู่ หรือกีดกันทางการค้าแก่ประเทศสมาชิก จนเกิดความไม่เป็นธรรมบนโลกใบนี้ ควรจะประกาศยุบตัวลงได้ ไม่ก็ไปก่อนไปเผาตัวเองกลางจตุรัสเมืองใดเมืองหนึ่งเพื่อยุติบทบาทตัวเองลงได้ตั้งแต่บัดนี้
เพราะที่ไม่ได้แสดงความเห็นต่อการกระทำใดๆ หรือแม้แต่ทักท้วงต่อการที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศขึ้นกำแพงภาษีการค้าสูงลิ่ว โดยไม่เห็นความสำคัญกับองค์กรใด
ล่าสุด ก่อนที่จะครบกำหนดระยะเวลาการเปิดทางให้ประเทศต่างๆ เข้าเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ(USTR) ใน 90 วัน ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ทรัมป์ ประกาศความคิดที่ชั่วร้ายหลายอย่างกับประเทศที่เคยเป็นมิตร ประเทศร่วมค้า และประเทศที่สหรัฐฯ เคยเข้าไปรุกรานเขา เช่น ญี่ปุ่น ถูก ทรัมป์ ขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสูงถึง 30%
ขณะที่การเจรจากับเวียดนามซึ่งเพิ่งเสร็จส้ินลงนั้น ทรัมป์ ออกมาประกาศอย่างเอนจอยว่า สหรัฐฯ จะคิดภาษีสินค้านำเข้าจากเวียดนามในอัตรา 20% แต่หากเป็นสินค้าที่เข้าไปอาศัยชื่อเวียดนามส่งออกไปยังสหรัฐฯ เขาจะคิดอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 40%
สิ่งที่ ทรัมป์ คุยโวอย่างหนักก็คือ สินค้าจากสหรัฐฯ ที่จะถูกส่งเข้าไปยังเวียดนามจะมีภาษีเท่ากับ 0% ...จัดว่า แฟร์ทีเดียวสำหรับ ทรัมป์ เมื่อคิดว่า เวียดนามส่งสินค้าเข้าไปขายในสหรัฐฯ ถึงปีละ 30% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด
สำหรับประเทศไทย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง หัวหน้าทีมเจรจาที่ยกขบวนกันไปถึงสหรัฐฯ ได้พบเจ้าหน้าที่ และผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ แล้ว เปิดเผยก่อนจะเข้าร่วมประชุมกันคืนนี้ 21.00 น.(ตามเวลาประเทศไทย) หรือ 9.00 น. ตามเวลาสหรัฐฯ ว่า…
ทีมไทยแลนด์ ตั้งเป้าจะเสนอขอปรับลดอัตราภาษีที่ ทรัมป์ ประกาศจะเก็บจากประเทศไทยลงเหลือ 18% จาก 36%
อย่างไรก็ตาม พิชัย กล่าวว่า เขาไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ว่า ทีมไทยแลนด์จะนำเสนอเรื่องใดบ้าง แต่ยืนยันว่าจะได้ข้อสรุปที่ win - win ทั้งคู่ เช่น สินค้าใดที่ไทยอยากขาย และสินค้าใดที่ไทยอยากจะซื้อขายกับสหรัฐฯ
อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยตั้งอยู่ภูมิศาสตร์ที่สำคัญของโลก และภูมิภาคนี้ ส่วนการคำนวนหาตัวเลขอัตราภาษีว่า ไทยจะโดนเท่าไหร่ ก็พิจารณากันระหว่าง 10 - 36% ได้อัตราตรงกลางมาที่ 18%
สิ่งที่ได้เจรจากันไว้ล่วงหน้าแล้ว เราก็ขอไปว่า อย่าให้อัตราภาษีเขาสูงกว่าคนอื่นเลย เพระเราจำเป็นต้องเมนเทนเรื่องการแข่งขันทางการค้าในภูมิภาคนี้ไว้
ด้าน ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกฯ และ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ให้ความเห็นว่า ทีมไทยแลนด์คำนวนอัตราภาษีออกมาสูงเกินไป ถ้าเราคำนึงถึงความสามารถทางการแข่งขัน โครงสร้างการผลิต รวมถึงมาตรการที่เตรียมการจะต้องให้ความช่วยเหลือแก่ภาคส่งออกแล้ว จัดว่า อัตราภาษี 18% สูงเกินไป
สำคัญคือ ไม่มีใครรู้เลยว่า ไทยต้องยอมจำนนเหมือนเวียดนามที่จะไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯเลยในอัตราเท่ากับ 0% ...ซึ่งไม่เแฟร์
เราควรรับรู้ว่า เกษตกรไทย จะต้องยอมรับสินค้านำเข้าใดบ้างที่ประเทศไทยเราผลิตได้ เราได้ต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยนการซื้อเครื่องบินกับการขอให้สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย หรือ การลงทุนจากสหรัฐฯ ในด้านต่างๆ เพียงใด โดยเฉพาะในเรื่องของ Non-Tariff Barriers:NTB)...
เช่น มาตรการด้านสุขภาพ อนามัย และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมการรับมือ และสร้างมาตรการช่วยเหลือบรรดาผู้ได้รับผลกระทบจากการนี้ไว้อย่างไร ในประเด็นเหล่านี้ คนไทยไม่เคยทราบ
สำหรับการประเมินภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ของ แบงก์ชาติ พบว่าการไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทำให้เศรษฐกิจเติบโตดีกว่าคาด โดย จีดีพีไตรมาสที่ 1 - 2 เติบโตในระดับ 2.9% แต่ช่วงครึ่งหลังของปี 68 ซึ่งจะได้รับผลกระทบจาก “ภาษีทรัมป์” จีพีอาจปรับลดลงเหลือ 2.0%
ในขณะที่ สภาพัฒน์ ชี้จีดีพีไทยในเตรมาสที่ 1 ของปีนี้เติบโตได้ดีถึง 3.1% จารการเร่งส่งออก แต่ ท้ายทรุดเศรษฐกิจไทยจะสะดุดจากการที่ถูก “ภาษีทรัมป์” ทุบลงเหลือ 1.3 - 2.3% โดยคาดว่า เฉลี่ยทั้งปี เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้เพียง 1.8% เท่านั้น
และเมื่อเปรียบเทียบการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศอาเซียนด้วยกัน ในปีนี้ปรากฏว่า เวียดนามจะขยายตัวสูงถึง 6.9% สูงสุดในภูมิภาคนี้ ตามด้วยฟิลิปปินส์ ขยายตัวได้ 5.4% อินโดนีเซีย ขยายตัว 4.9% มาเลเซีย ขยายตัว 4.4% และสิงคโปร์ ขยายตัว 3.8% ภายใต้กรอบนี้ เศรษฐกิจประเทศไทยขยายตัวต่ำสุด
ถ้าคำนวนความเสียหายจากอัตราภาษีที่ขอประธานาธิบดี ทรัมป์ ไป 18% คนไทยซึ่งจนอยู่แล้ว หนำซ้ำ จีดีพี ยังต่ำเตี้ยเรี่ยดินกว่าเพื่อนจะจนลงกว่า 648,000 ล้านล้านบาททีเดียว!
https://www.thairath.co.th/news/politic/2868502
