อีกแล้ว หลังประชุมทวิภาคี ‘เจบีซี’ ไทย-กัมพูชา มีเสียงบ่นมากว่าทางการไทยเชื่องช้าในการสื่อสารให้โลกรู้ถึงผลที่ออกมาเป็นอย่างไร ทำให้เสียท่าถูกฝ่ายกัมพูชาช่วงชิงแถลงทันควัน ในเนื้อหาที่เป็นประโยชน์แก่ตน และไทยเสียเปรียบ
ทำให้กระทรวงต่างประเทศไทยต้องตาลีตาเหลือกแก้ข่าวตอบโต้ ว่าในที่ประชุมกันนั้น “ไม่ได้มีการหารือ เรื่องแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ ตามที่กัมพูชากล่าวอ้าง “กัมพูชาออกแถลงการณ์ทางการ แปลเป็นอังกฤษ ส่งถึงประชาคมโลก
ไทยโต้ผ่านโพสต์ในเพจเฟซบุ๊กของกระทรวงการต่างประเทศ “ของเขาแถลงแบบประเทศ ของเราโต้แบบแอดมินเพจ” The Publisher ตำหนิ “ไทยยังไม่มี ‘ระบบรับมือข่าวเท็จเชิงรัฐ’ ไม่มีสื่อกลางของรัฐที่พร้อมสื่อสารทันทีหลังประชุม”
อีกราย ปิติ ศรีแสงนาม นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ร่ายยาว ๑๐ ข้อ ตั้งแต่แนะคนไทยทั่วไปทำใจเข้มแข็ง ศึกษาข้อมูลเกี่ยวข้องเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา เพื่อจุดหมายอยู่ร่วมกันอย่างบริบูรณ์และยั่งยืน ตามด้วยเนื้อหาอะไรไทยควรทำ
หลักใหญ่อยู่ที่ติดตามสถานการณ์ให้ทัน ตั้งศูนย์เฉพาะหรือ ‘วอร์รูม’ วางยุทธศาสตร์และใช้กลยุทธสื่อสาร ๓ ภาษา ไทย อังกฤษ ขแมร์ เพื่อยืนยันว่าไทยมีหลักฐานอะไรทำให้ปฏิเสธอำนาจศาลโลก (ICJ) รวมทั้งยุทธวิธีเฉพาะหน้า
“ตัดกระแสไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต สำหรับกิจการที่ใช้ไฟฟ้าและอินเตอร์เนตจากไทยในปริมาณมากๆ เพราะส่วนใหญ่คือ กิจกรรมการพนันและ scam center, fraud factory ห้ามบุคคลที่จะเดินทางออกไปเล่นการพนันไม่ให้ข้ามพรมแดน”
ลงลึกละเอียดขนาดว่า “กระทรวงการต่างประเทศต้องเรียกให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมาชี้แจง และรับนโยบายของฝ่ายไทย” พร้อมทั้งขู่บ้างว่าถ้ายังมีปัญหา “คงต้องดำเนินการจากเบาไปหาหนักในสัดส่วนที่เหมาะสม”
นั่นเป็นพวกสายเหยี่ยว แต่ใช่ว่าจะไม่มีสายพิราบเอาเสียเลย อจ.ภัทรพงษ์ Phil Saengkrai แห่งคณะนิติศาสตร์ มธ. พูดถึงถ้อยความที่ กต.ไทยตอบโต้แถลงแอบอ้างอย่างเจ้าเล่ห์ของฝ่ายกัมพูชา ว่ามีเนื้อหาอันแยบยลในประเด็นสำคัญ
คือมี “บันทึกแนบไว้ในเอกสารผลลัพธ์ Agreed Minutes ของการประชุมครั้งนี้” ซึ่งจะมีผลผูกพันทั้งสองฝ่ายต่อไป โดยแสดงว่า “กัมพูชารับรู้และยอมรับว่า การดำเนินการของทหารเป็นไปตามหลักการป้องกันตนเอง และเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ”
อีกทั้งนอกจากกัมพูชาจะรับรู้ว่าไทยผิดหวังที่กัมพูชา “เลือกที่จะปิดประตูการเจรจา” ในส่วนพื้นที่พิพาทสี่แห่งแล้ว ยังมีข้อผูกพันสองฝ่ายเพิ่มขึ้นจาก เอ็มโอยู ๔๓ คือคีย์เวิร์ดว่า “ต้องใช้ความอดกลั้น” และหลีกเลี่ยงเผยแพร่ข้อมูล ‘ผิดๆ’
ถ้ากัมพูชาขืนทำอย่างนั้น การเดินหน้าไปฟ้องศาลโลก ยังจะมีความชอบธรรมอยู่หรือ
(https://www.facebook.com/phil.sang/posts/W2wnRL6Us, https://www.facebook.com/piti.srisangnam/posts/ZhgieuRHumV และ https://www.facebook.com/ThePublisherth/posts/qSMVKN6kT)