
Brand Inside
Yesterday
·
ในขณะที่ประเทศไทยต้อนรับการลงทุนจากยักษ์ใหญ่ยานยนต์ไฟฟ้าอย่าง ‘BYD’ ด้วยความหวังว่า นี่จะเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตของ EV และการส่งออกระดับภูมิภาค
.
กลับมีคำถามสำคัญเกิดขึ้นจาก ‘พรรคประชาชน’ หลัง ‘ศุภณัฐ มีนชัยนันท์’ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร ตั้งข้อสังเกตว่า โรงงานแห่งนี้ คือ ‘โรงงานศูนย์เหรียญ’ ในคราบโรงงานอุตสาหกรรมหรือเปล่า เพราะเงินลงทุนกว่า 1.79 หมื่นล้านบาทจากจีน อาจแทบไม่ตกถึงมือคนไทยเลยแม้แต่บาทเดียว
.
[ การลงทุนที่มี BOI หนุนหลังเต็มที่ ]
.
ย้อนไปปี 2022 BYD ประกาศลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทย โดยจับมือกับ ‘WHA Group’ ผู้พัฒนาเขตอุตสาหกรรมไทย เซ็นสัญญาซื้อที่ดินขนาดประมาณ 600 ไร่ ที่จังหวัดระยอง ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงถึง 1.79 หมื่นล้านบาท
.
ในโครงการนี้ BYD มีแผนผลิตรถ EV รุ่น ‘Atto 3’ ปีละ 150,000 คัน เริ่มสายการผลิตในปี 2024 ซึ่งไม่ได้แค่จำหน่ายในไทยเท่านั้น แต่ยังมีแผนส่งออกไปอินโดนีเซีย เวียดนาม และยุโรป โดยจะใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง และนำชิ้นส่วนบางส่วนมาจากซัพพลายเชนในไทย
.
ซึ่งการลงทุนของ BYD ได้รับการส่งเสริมจาก ‘คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน’ (BOI) ตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการดึงดูดการลงทุนด้าน EV และผลักดันเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 700,000 คัน หรือ 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030
.
โดย BYD ได้รับสิทธิประโยชน์หลายประการ ดังนี้:
.
- ยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลาตามประเภทกิจการ
- สิทธิในการถือครองที่ดิน
- สิทธิในการนำเข้าแรงงานต่างชาติที่จำเป็น
- สนับสนุนให้ตั้งโรงงานใน EEC ที่รัฐผลักดันเป็นเขตอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
.
[ โรงงานหมื่นล้าน แต่ไทยได้อะไร ]
.
แม้การลงทุนของ BYD จะถูกมองว่าเป็น ‘ข่าวดี’ แต่สำหรับ ‘ศุภณัฐ มีนชัยนันท์’ ยังมีหลายประเด็นที่น่ากังวล หลังร่วมลงพื้นที่กับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ เพื่อตรวจเยี่ยมโรงงาน BYD ที่จังหวัดระยอง
.
‘ศุภณัฐ’ ตั้งคำถามถึงเนื้อแท้ของการลงทุนนี้ผ่าน X ส่วนตัวว่า โรงงานแห่งนี้กำลังเป็น ‘โรงงานศูนย์เหรียญ’ หรือเปล่า
.
เพราะแม้จะเป็นการลงทุนระดับหมื่นล้าน แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบกลับพบว่า วัสดุที่ใช้ก่อสร้างเกือบทั้งหมด นำเข้าจาก ‘จีน’ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร อุปกรณ์ ผนัง พื้น ประตู ชักโครก สายไฟ ปลั๊กไฟ ไปจนถึงลูกบิดประตู แม้กระทั่งที่กั้นโถปัสสาวะ
.
‘ศุภณัฐ’ บอกด้วยว่า ภายในสัญญาส่งเสริมการลงทุนระหว่าง BOI กับ BYD ที่ตนเห็น ไม่พบว่ามีข้อกำหนดใดๆ ที่ระบุให้บริษัทต้องใช้วัสดุ หรือบริการจากผู้ประกอบการไทยเลย ทำให้เงินลงทุนส่วนใหญ่ไหลกลับไปที่จีน
.
พูดง่ายๆ คือ เหมือนยกโรงงานจากจีนมาตั้งที่ไทย โดยที่ไทยแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
.
นอกจากนี้ BOI ยังให้สิทธิยกเว้นภาษีนำเข้า และภาษีเงินได้นิติบุคคล กับ BYD ซึ่งหมายความว่าบริษัทสามารถก่อสร้างโรงงาน และดำเนินกิจการโดยแทบไม่เสียภาษีใดๆ ให้รัฐไทย
.
สิ่งเดียวที่ไทยได้ คือรายได้จากการขายที่ดินของนิคม WHA ให้ BYD ในราคาประมาณไร่ละ 4 ล้านบาท ซึ่งหลังจากการลงทุนมูลค่าที่ดินที่ WHA ขายไปก็เพิ่มขึ้นถึง 8-10 ล้านบาทต่อไร่ ทำกำไรกว่า 2.4-3.6 พันล้านบาท จากมูลค่าที่ดินกว่า 600 ไร่
.
[ ปัญหาแรงงานน่าสงสัย ความโปร่งใสยังไงอยู่ ]
.
ด้าน ‘ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ’ สมาชิกคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง จากพรรคประชาชน ที่ลงพื้นที่ด้วย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน X ว่า BYD ได้ตั้งเขตศุลกากรพิเศษของตัวเองในโรงงานเพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษีนำเข้า-ส่งออก ทั้งที่บริษัทได้รับสิทธิจาก BOI ไปแล้วจำนวนมาก
.
ทำให้ตั้งคำถามว่า “จะไม่เสียภาษีอะไรเลยจริงหรือ?”
.
นอกจากนี้ ‘ชุติพงศ์’ ยังพบข้อบกพร่องในบางจุดของโรงงาน เช่น โซนแบตเตอรี่มีเครื่องปรับอากาศ แต่ไลน์เชื่อมโลหะกลับร้อนมากจนหายใจลำบาก รวมทั้งสิทธิสวัสดิการแรงงานยังน่าห่วง เช่น การทำงานล่วงเวลา การลางาน และการประเมินผล
.
ส่วนแผนจ้างแรงงานไทยเพิ่มจาก 85% เป็น 95% ก็ยังไม่พบรายละเอียดที่ชัดเจนว่า จะมีการยกระดับทักษะแรงงาน หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีใดๆ มั้ย
.
‘รังสิมันต์ โรม’ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาชน ก็ออกมาพูดเรื่องนี้เหมือนกัน พร้อมสรุปปัญหาที่พบ คือการใช้ชิ้นส่วนท้องถิ่นน้อยเกินไป แรงงานไม่ได้รับการพัฒนา และไม่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างที่ควรเป็น
.
‘รังสิมันต์’ มองว่าสิ่งที่ไทยควรได้จากการลงทุนต่างชาติ ไม่ใช่แค่การจ้างงานราคาถูก แต่ควรมีซัพพลายเชนร่วม มีการยกระดับอุตสาหกรรม และสร้างนวัตกรรมของตัวเอง
.
แถมย้ำว่าการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ควรแลกกับผลประโยชน์ที่คนไทยได้รับ ไม่ใช่แค่เอื้อให้ทุนต่างชาติเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก โดยที่ไทยได้แค่ค่าแรงราคาถูก และเศษเสี้ยวจากเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ไม่ทิ้งอะไรไว้เลย
.
‘รังสิมันต์’ ทิ้งท้ายว่า ทางคณะฯ จะรวบรวมข้อเท็จจริงที่ได้รับ เพื่อกลับไปพิจารณาและติดตามประเด็นนี้ต่อไป
.
[ BOI ย้ำไทยได้ประโยชน์ ]
.
ฝั่ง BOI ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ให้กับสื่อมวลชน โดยใจความหลักๆ คือ ‘นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์’ เลขาธิการคณะกรรมการ BOI ยืนยันว่า การส่งเสริมอุตสาหกรรม EV เป็นส่วนสำคัญในการรักษาความเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน
.
ตอนนี้คือช่วงเปลี่ยนผ่านจาก ‘รถยนต์น้ำมัน’ ไปสู่ยุค ‘EV’ ซึ่งกำลังจะกลายเป็น ‘มาตรฐานใหม่’ ของโลก
.
BOI จึงจับมือกับหลายหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน ช่วยกันดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางผลิต EV ในอาเซียน ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นผลแล้ว เพราะมีค่ายรถจากจีน เกาหลีใต้ และยุโรป ทยอยเข้ามาลงทุนในไทยเพียบ ทั้ง MG, GWM, BYD, หรือ Changan
.
นอกจากนี้ การเข้ามาของค่ายรถยนต์ ไม่ใช่แค่ลงทุนแล้วจบ แต่ยังมีการจ้างงานจำนวนมาก เช่น BYD ที่จ้างพนักงานไป 5,900 คน และจะเพิ่มเป็น 8,000 คนในปี 2569 ซึ่งมีตั้งแต่วิศวกร ช่างเทคนิค ยันผู้บริหาร แถมยังได้อบรมทักษะใหม่ๆ ด้วย โดยย้ำว่า เกือบทั้งหมดเป็น ‘คนไทย’
.
ขณะที่สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ BOI ให้ผู้ผลิต EV เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด มีเงื่อนไขที่ชัดเจน ทั้งการใช้ชิ้นส่วนสำคัญในประเทศ การพัฒนาซัพพลายเออร์ไทยและระบบนิเวศ และการตรวจสอบที่เข้มงวด
.
ส่วนการยกเว้นอากรนำเข้า จะให้สิทธิเฉพาะเครื่องจักร และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตตามโครงการที่ได้รับส่งเสริมเท่านั้น และไม่มีการให้สิทธิประโยชน์ในการนำเข้าวัสดุก่อสร้าง สุขภัณฑ์ และอุปกรณ์สำนักงาน
.
ซึ่ง BOI จะตรวจสอบรายการเครื่องจักรทั้งหมดก่อนอนุญาตให้ใช้สิทธิ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเครื่องจักรที่ใช้ในสายการผลิตที่ได้รับส่งเสริมเท่านั้น และเมื่อโครงการได้ลงทุนครบแล้ว จะมีการตรวจสอบสายการผลิต เงื่อนไข และใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันความถูกต้องของการลงทุน
.
ทั้งนี้ โครงการที่ BOI ส่งเสริม ช่วยสร้างงานให้คนไทยกว่า 510,000 ตำแหน่งใน 3 ปีที่ผ่านมา และดันการใช้วัตถุดิบในประเทศกับการส่งออก ไม่ใช่แค่เอาเงินต่างชาติเข้ามา แต่ต้องทำให้คนไทยได้ประโยชน์จริงๆ ทั้งเรื่องงาน ทักษะใหม่ๆและโอกาสธุรกิจ
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1113600004135568&set=a.628388912656682
Brand Insideอ่านบนเว็บไซต์ https://brandinside.asia/peoples-party-questions-byd.../