
The Reporters
11 hours ago
·
POLITICS: 'ชลธิชา' เปิดจดหมาย SOS ชาวอุยกูร์ ปฏิเสธเซ็นเอกสารยินยอมส่งตัวกลับจีน บอกไทยไม่ยอมปล่อยตัวแม้ประเทศอื่นขอรับ จี้รัฐบาลเปิดกล้องวงจรปิดสถานที่คุมขัง-คลิปช่วงส่งตัวกลับ
วันนี้ (4 มี.ค. 68) นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรคประชาชนโพสต์ข้อความผ่าน X โดยมีใจความว่า
“กรณีการบังคับส่งกลับผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ ในคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ประเด็นหลักที่รัฐบาลจะต้องทำให้โปร่งใส ชัดเจนและหมดสิ้นข้อกังขาคือ “การส่งกลับในครั้งนี้ เป็นไปด้วยความสมัครใจหรือไม่?” คำถามนี้ เป็นคำถามที่รัฐบาลต้องตอบให้สิ้นข้อสงสัยของสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีหลายประเด็นที่สังคมยังคลางแคลงใจอยู่ว่าการส่งกลับครั้งนี้ “สมัครใจหรือบังคับขืนใจ” พวกเขากันแน่ เช่น
1.ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีกระแสข่าวลือเรื่องการบังคับส่งกลับชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีน นอกจากประเด็นเรื่องจดหมายของชาวอุยกูร์ทั้งสามฉบับที่เพื่อน สส.กัณวีร์เปิดเผยแล้วนั้น ยังมีสำนักข่าว AP ที่ออกมาเผยแพร่ข่าวนี้ โดยระบุว่า “พวกเขาได้รับข้อความบันทึกเสียงและบันทึกการสนทนาที่ได้รับเฉพาะจาก AP แสดงให้เห็นว่าในวันที่ 8 มกราคม เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยได้บอกให้ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์เซ็นเอกสารการส่งตัวกลับโดยสมัครใจ การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ต้องขังตกใจ เพราะเอกสารลักษณะเดียวกันนี้ถูกนำเสนอแก่ชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับไปยังจีนในปี 2558 ซึ่งคราวนี้ชาวอุยกูร์ปฏิเสธที่จะเซ็นชื่อ (ข้อความตามรูปที่ 1 ที่ดิฉันโพสต์) และลิ้งค์ข่าว” https://apnews.com/.../uyghur-china-deportation-thailand...#
2.นั่นทำให้ในวันที่ 10 มกราคม ชาวอุยกูร์ได้ส่งจดหมาย SOS ออกมาจากห้องกักโดยระบุว่า “ถูกขอให้เซ็นเอกสารยินยอมกลับส่งตัวกลับจีน เมื่อเราปฏิเสธที่จะเซ็น เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพพวกเราแต่ละคน” นอกจากนี้ยังพูดถึงทางการไทยไม่ยอมปล่อยตัวพวกเขา แม้พวกเขารู้ว่ามีประเทศอื่นที่ยินดีที่จะรับพวกเขาไป และไม่ยอมให้พวกเขาได้พบ UNHCR นี่ทำให้พวกเขาร่วมกันประท้วงด้วยการอดอาหารเป็นเวลา 19 วัน และยอมเลิกประท้วงอดอาหาร หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งพวกเขาว่า “จะไม่ส่งกลับพวกเขาไปจีน” ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ยังได้รับคำยืนยันจากคุณหมอจากสำนักจุฬาราชมนตรีที่เข้าไปตรวจสุขภาพพวกเขาว่า “ไม่มีสักครั้งที่พวกเขาบอกหมอว่าอยากกลับจีน ทั้งๆที่สุขภาพของเขาในห้องกักย่ำแย่มาก ๆ” คำยืนยันเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้สมัครใจให้ถูกส่งกลับประเทศจีน เนื่องจากความกังวลต่อความปลอดภัยของชีวิต เรื่องนี้รัฐบาลต้องออกมาชี้แจงให้ได้ว่า รัฐบาลได้มีการประเมินถึงความกังวลพวกเขาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่ อย่างไร
3.หนึ่งในวิธีที่รัฐบาลสามารถพิสูจน์ว่า ชาวอุยกูร์ถูกบังคับส่งกลับหรือสมัครใจเดินทางกลับประเทศจีนนั้น คือ รัฐบาลต้องกล้าที่จะเปิดเผยกล้องวงจรปิดภายในสถานที่คุมขัง ตม.สวนพลู และเรื่องนี้รัฐบาลปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะตาม พรบ.ป้องกันการอุ้มหายและการซ้อมทรมาน ระบุไว้ชัดเจนว่า ในขณะที่มีการควบคุมตัวจะต้องมีการบันทึก VDO ภาพและเสียงไว้ และดิฉันขอยืนยันว่า ตม.สวนพลู มีการบันทึกภาพไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากก่อนหน้านี้ กมธ.กฎหมายฯเคยเดินทางไปประชุมร่วมกับ ตม. ในประเด็นเรื่องอุยกูร์ ทาง ตม. ปฎิเสธที่จะให้กมธ.เข้าพบชาวอุยกูร์ แต่ได้เปิดภาพและวิดีโอในห้องกักชาวอุยกูร์ในที่ประชุม ดังนั้น ต่อข้อสงสัยเรื่อง “บังคับส่งกลับหรือสมัครใจ?” รัฐบาลต้องกล้าที่จะเปิดเผย VDO ในช่วงที่มีการดำเนินกระบวนการส่งตัวกลับ เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยค่ะ
ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งค่ะ ว่ารัฐบาลจะกล้าเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา เพื่อทำให้สังคมไทยและนานาชาติหมดสิ้นข้อสงสัย และจะเป็นการทวงคืนความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลเพื่อไทยยึดมั่นคุณค่าสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง“
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #ชลธิชาแจ้งเร็ว #พรรคประชาชน #จีน #ผู้ลี้ภัย #อุยกูร์ #Saveอุยกูร์
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1001850535470315&set=a.534942252161148
.....

The Reporters
15 hours ago
·
SEMINAR: ทีมแพทย์รักษาชาวอุยกูร์ห้องกัก ตม.สวนพลู ยืนยันทุกคนไม่อยากกลับจีน สิ้นหวังได้รับอิสระ เปิดสภาพความเป็นอยู่ ส่วนใหญ่เป็นโรคทางเดินหายใจ-เบาหวาน-ความดัน- อาการหนักสุดติดเชื้อทางเดินน้ำดีจนต้องเข้าไอซียู
วันนี้ (4 มี.ค.68) นพ.นิติวุฒิ วงศ์เสงี่ยม ในฐานะทีมแพทย์ที่เข้าไปรักษาชาวอุยกูร์ในสถานกักกันคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สวนพลู) กล่าวถึงกรณีที่ชาวอุยกูร์ 2 ราย เสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่เดือน ในเสวนาเรื่องเล่าหลังลูกกรง 11 ปีกับการทำงานเพื่อสิทธิชาวอุยกูร์ ณ อาคารรัฐสภา
นพ.นิติวุฒิ ระบุว่าชาวอุยกูร์ 2 ราย เสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่เดือน เห็นว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ตม.จึงขอให้มีทีมแพทย์มุสลิมเข้าไปตรวจสุขภาพด้านในห้องกัก แต่ยังมีอุปสรรคเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์และยารักษาโรคที่จำกัด ทำได้เพียงการตรวจโรคทั่วไปและรักษาตามอาการ จากการพูดคุยพบว่า พวกเขามีความระแวง บางคนมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ และโรคทางเดินหายใจ โดยผู้ที่ได้รับการตรวจโรคเบื้องต้นและมีอาการที่น่าสงสัย เราจะประสานกับ ตม.ให้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
สำหรับชาวอุยกูร์ที่อาการหนักสุด เช่น ติดเชื้อทางเดินน้ำดี ทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดจนต้องเข้ารักษาที่ห้องไอซียูและต้องได้รับการผ่าตัด ล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมาพบชาวอุยกูร์ในห้องกักเป็นวัณโรคกระดูกสันหลังทำให้เป็นอัมพาต จึงต้องรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจในระยะยาว และเมื่อสองสัปดาห์ก่อนยังมีทีมผู้ประสานงานไปเยี่ยม แต่ปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
สิ่งที่มีปัญหาในห้องกักคือ น้ำดื่มจากก๊อกที่มีสีและมีกลิ่น ซึ่งภายหลังได้รับทราบว่าเปลี่ยนจนดีขึ้น ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างคือสุขภาพจิต ทุกคนมีความวิตกกังวลนอนไม่หลับจำนวนมาก เป็นเหตุผลที่เครือข่ายจะมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทางศาสนาเพื่อซัพพอร์ททางด้านจิตใจ นำอัลกุรอ่านไปให้ นำอาหารไปเลี้ยงในช่วงวันสำคัญ รวมถึงการละหมาดวันศุกร์
พวกเขาไม่มีความหวังที่จะได้ออกจากห้องกัก ไม่ได้ติดต่อกับลูกและภรรยาที่แยกจากกันกว่า 10 ปี สิ่งที่สามารถยืนยันได้คือ ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ได้เข้าไปตรวจรักษาโรคชาวอุยกูร์ประมาณ 15 ครั้ง ไม่นับรวมกิจกรรมทางศาสนา ได้พูดคุยกับผู้ต้องกักชาวอุยกูร์เกือบทุกคน ยืนยันว่าไม่มีสักครั้งและสักคนเดียวที่บอกว่าอยากกลับจีน
ล่าสุดต้นเดือน ม.ค.68 ขาวอุยกูร์ในห้องกักมีการอดอาหารประท้วง เป็นไปได้ว่าอาจจะได้ข่าวหรือมีความกังวลว่าจะมีการส่งกลับ แต่ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจกลับก็ตาม เพราะตอนนี้ถูกส่งกลับไปแล้ว สิ่งที่ทำได้คือ เราได้แต่หวังและขอพรจากพระเจ้าให้ชาวอุยกูร์ได้รับความปลอดภัยจริง ๆ
นายภานุวัฒน์ ทองสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เปิดเผยถึงความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์เช่นกัน โดยได้พูดคุยผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ มุ่งเน้นไปที่การรักษาโรค ภายหลังมีชาวอุยกูร์เสียชีวิตระหว่างถูกกัก พบสภาพห้องกัก ตม. (สวนพลู) ค่อนข้างแออัดและแคบมาก ทั้งยังถูกห้ามไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอก โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเป็นผู้ต้องกักรายสำคัญ
กสม.จึงออกหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในปี 66 ขอให้มีแพทย์จากสำนักจุฬาราชมนตรีเข้าไปตรวจรักษาโรค พร้อมกับจิตแพทย์เข้าไปดูแลสภาพจิตใจ และแม้ชาวอุยกูร์จะเป็นผู้ต้องกักรายสำคัญไม่สามารถติดต่อโดยตรงกับบุคคลภายนอกได้ แต่จะต้องจัดให้มีการติดต่อกับญาติหรือผู้ที่ไว้วางใจโดยมีเจ้าหน้าที่ ตม.กำกับดูแล
ที่ผ่านมา กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ 25 คำร้อง มีหนังสือถึงนายกฯ 6 ฉบับ ฉบับล่าสุดคือสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากเรากังวลว่าอาจจะกระทบกับการทำหน้าที่ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่ไทยเข้าร่วมก่อนหน้านี้
รายงาน: ณัฐพร สร้อยจำปา
ภาพ: ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1001660905489278&set=a.534942245494482