.jpg)
พรรคประชาชน - People's Party
Yesterday
·
ปิด 3 ข้อกล่าวหา ป.ป.ช.
จงใจทุจริต ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง


.

1. วิทยา อาคมพิทักษ์ (หมดวาระแล้ว แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่ามีคนใหม่แทน)
2. ปรีชา เลิศกมลมาศ (หมดวาระแล้ว)
3. ณรงค์ รัฐอมฤต (หมดวาระแล้ว)
4. สุรศักดิ์ ศรีวิเชียร (หมดวาระแล้ว)
5. พลเอก บุณยวัจน์ เครือหงส์ (หมดวาระแล้ว)
.
ย้อนไปปี 2560 มีเรื่องอื้อฉาวที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาล คสช. ขณะนั้น ถูกจับตาว่าอาจแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ หลังสวมแหวนเพชรและนาฬิกาหรูขณะถ่ายภาพหมู่ ครม. ชุดใหม่เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2560 แต่ปรากฏว่าเครื่องประดับทั้ง 2 รายการกลับไม่อยู่ในรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.
.
จึงมีคนร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ วันที่ 29 มีนาคม 2561 มติที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้ยังไม่ครบ ต้องการข้อมูลพยานหลักฐานเพิ่ม เช่น พยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจากผู้ผลิตนาฬิกา ผู้จำหน่ายนาฬิกาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตอบคำถามสำคัญว่านาฬิกาหรูกว่า 20 เรือน++ นั้น ใครเป็นคนซื้อ มีหลักฐานการซื้อขายหรือไม่ ชำระเงินด้วยวิธีใด มีหลักฐานการชำระเงินหรือไม่ จึงมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพิ่ม เพื่อให้ชัดเจนครบถ้วนสมบูรณ์เป็นที่ยุติก่อน
.
แต่หลังจากนั้น 27 ธันวาคม 2561 กรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างมาก 5 เสียง กลับลงมติให้ยุติการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติม พูดง่ายๆ คือจะจบเรื่องนี้ ไม่หาหลักฐานเพิ่มแล้ว ทั้งที่ในที่ประชุมวันนั้น กรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างน้อย 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ. สถาพร หลาวทอง, สุภา ปิยะจิตติ และสุวณา สุวรรณจูฑะ เห็นว่าข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วนเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ ขาดข้อมูลเชิงลึกอย่างน้อย 4 อย่าง
(1) ใช้ขั้นตอนตาม พ.ร.บ. ความร่วมมือประหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 ให้ผู้ประสานงานกลาง คืออัยการสูงสุด ขอข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตและผู้จำหน่ายนาฬิกา ที่ตั้งอยู่ ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ อิตาลี ออสเตรีย และเขตการปกครองพิเศษฮ่องกง
(2) ใช้วิธีการขอทราบข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายนาฬิกาที่ตั้งอยู่ ณ ประเทศฝรั่งเศส หรือประเทศจีน ตามช่องทางที่ระบุไว้ในอนุสัญญาหรือสนธิสัญญาระหว่างกันในการขอความร่วมมือทางการทูตตามหลักต่างตอบแทน(3) ข้อมูลการใช้บัตรเครดิตของ ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ (เพื่อนที่ พล.อ.ประวิตร อ้างว่าเป็นเจ้าของนาฬิกา) และ พล.อ.ประวิตร เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างนาฬิกาทั้ง 16 เรือน กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
(4) ประเด็นอื่น ๆ ตามข้อสังเกตของกรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างน้อย
.
โดยเหตุผลที่ กรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างมากอ้างเพื่อยุติเรื่อง คือหลักฐานที่มีตอนนั้นเพียงพอแล้ว วินิจฉัยได้เลย และตามพยานหลักฐานตอนนั้น ยังฟังไม่ได้ว่า พล.อ. ประวิตร เป็นเจ้าของนาฬิกา ในเมื่อยังไม่ชัดว่าเป็นเจ้าของ การไม่แสดงในบัญชีทรัพย์สิน จะไปถือว่า พล.อ.ประวิตร ยื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จไม่ได้
.
การกระทำของกรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างมาก จึงน่าสงสัยว่าเอื้อประโยชน์ให้ พล.อ.ประวิตร ไม่ถูกตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของนาฬิกา การพิจารณาของ ป.ป.ช. ที่ควรทำได้อย่างรอบคอบมากกว่านี้ ไปต่อไม่ได้
.
สมาชิกรัฐสภาจึงขอให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อแต่งตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระ ดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงและดำเนินคดี ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 234 (1) ประกอบมาตรา 4 แห่ง พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 หรือไม่


.

1. พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ (ประธานในขณะนั้น)
2. ณรงค์ รัฐอมฤต
3. สุภา ปิยะจิตติ
4. วิทยา อาคมพิทักษ์
5. สุวณา สุวรรณจูฑะ
6. ณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา
7. สุชาติ ตระกูลเกษมสุข
8. เอกวิทย์ วัชชวัลคุ
9. แมนรัตน์ รัตนสุคนธ์
กรรมการ ป.ป.ช. บางรายในจำนวนนี้ ลงมติไม่เปิดเผยข้อมูลและไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา/คำสั่งของศาล
.
ต่อเนื่องจากการยุติเรื่องแหวนแม่นาฬิกาเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร ทำให้สังคมเกิดคำถามและข้อครหาว่า ป.ป.ช. เอื้อประโยชน์ให้ พล.อ.ประวิตร หรือไม่ ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. สั่นคลอนอย่างหนัก
.
วีระ สมความคิด ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ขอให้ ป.ป.ช. ไต่สวน พล.อ. ประวิตร กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ จึงได้ร้องขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการเกี่ยวกับสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวจำนวน 3 รายการ ได้แก่
(1) รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมด
(2) ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคน ที่รับผิดชอบในเรื่องกล่าวหาดังกล่าว
(3) รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
.

.
วีระจึงสู้ต่อ แบ่งเป็น 3 ยกให้เห็นชัดๆ
.

.
วีระ ใช้สิทธิตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ร้องต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ซึ่งในเวลาต่อมา คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย มีมติที่ สค 333/2562 สั่งให้สำนักงาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่วีระ
.

.

.
ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 1326/2564 ให้ สำนักงาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลข่าวสารจำนวน 3 รายการตามคำขอของวีระภายใน 15 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด แต่รายการที่ 2 (ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคน ที่รับผิดชอบ) ศาลฯ ให้เปิดเผยเฉพาะความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
.
ทำให้วีระอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลปกครองสูงสุด และต่อมา 16 มีนาคม 2566 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ อ. 224/2566 ให้ สำนักงาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้ง 3 รายการ ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารฯ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา
.

.

.
วีระจึงร้องต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครอง ซึ่งต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งให้สำนักงาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด (ที่บอกให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้ง 3 รายการนั่นแหละ) ให้ถูกต้องครบถ้วนภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่งนี้
.

.
ด้วยการกระทำของ กรรมการ ป.ป.ช. จากที่มี 9 คนดังกล่าว เฉพาะรายที่ลงมติไม่เปิดเผยข้อมูลให้วีระ อันเป็นการจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำสั่งศาล สมาชิกรัฐสภาจึงขอให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อแต่งตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระ ให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ประกอบมาตรา 49 และมาตรา 50 แห่ง พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 เพื่อดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงกรรมการ ป.ป.ช. ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน และกรรมการ ป.ป.ช. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว ที่ยังอยู่ใต้อำนาจไต่สวนของคณะผู้ไต่สวนอิสระ
.
โดยไต่สวนว่า
(1) จงใจฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด และคำสั่งศาลปกครองกลาง
(2) หากไต่สวนแล้วพบว่าจงใจฝ่าฝืนจริง ย่อมเป็นเหตุอันควรสงสัยว่า กรรมการ ป.ป.ช. กระทำการอันเป็นการกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งหรือหน้าที่ ใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการหรือสิทธิอื่นของนายวีระ สมความคิด ขัดขวางกระบวนการการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และฝ่าฝืนต่อมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561


.

.
เนื่องจากเมื่อประมาณวันที่ 11 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา มีสื่อมวลชนเผยแพร่คลิปข่าว สุชาติ ตระกูลเกษมสุข (ขณะดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.) และ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าพบวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่บ้านพักเป็นการส่วนตัว
.
ในเวลาต่อมา พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ ได้ออกมายอมรับว่าเหตุการณ์วันนั้นมีคน 3 คน คนที่หนึ่งคือคนที่อนุญาตให้ไปพบ คนที่สองคือคนที่ได้รับอนุญาตให้ไปพบ คนที่สามคือคนที่พาไปพบ
.
“คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือคนที่สอง ไปขอความช่วยเหลือเรื่องคดีของตนเอง คนที่หนึ่งได้บุญคุณจากการช่วยเหลือคดี แล้วก็ได้ทำให้ตามที่ผู้ใหญ่สั่งมาว่าให้ยุติเรื่องนี้ ส่วนที่สามคนพาไปได้อะไร ลดความขัดแย้ง เพราะผู้ใหญ่บอกว่า ไอ่โจ๊กเนี่ย สร้างความขัดแย้งเยอะเหลือเกิน”
.
ภายหลังปรากฏรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่าง ๆ ทำให้สื่อมวลชนตลอดจนประชาชน ตั้งข้อสงสัยว่าสุชาติ คือคนที่อาจได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ หรือไม่
.
กล่าวคือ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ เป็นตัวกลางพา “สุชาติ” เข้าพบ “ประธานวันนอร์” เพื่อพูดคุยให้มีการยุติเรื่องร้องเรียนของ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ และประชาชนกว่า 25,000 คน ที่ยื่นต่อประธานรัฐสภาให้ตรวจสอบสุชาติขณะดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ก่อนที่ในเวลาต่อมา 5 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะลงมติเลือกสุชาติ ตระกูลเกษมสุข เป็นประธาน ป.ป.ช.
.
ข้อวิจารณ์จากสังคมยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ว่าประธาน ป.ป.ช. ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบความสุจริตของคนอื่น และควรได้รับความเชื่อถือเรื่องความตรงไปตรงมา หากถูกตั้งคำถามเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตของตัวเองเสียเอง เช่นนี้ควรทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่
.
สมาชิกรัฐสภาจึงขอให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริงว่า
(1) คลิปที่ถูกเผยแพร่ ซึ่งปรากฏพฤติกรรมของประธาน ป.ป.ช. คนปัจจุบัน เป็นคลิปจริงหรือถูกตัดต่อ ถ้าการถูกตัดต่อไม่ได้กระทบต่อการพิจารณาข้อเท็จจริง ก็ขอให้ดำเนินการต่อไป
(2) สุชาติได้ทำตามที่ปรากฏในคลิปจริงหรือไม่ ถ้าทำจริง ถือว่ามีพฤติกรรมเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย มีพฤติการณ์ ขอ รับ ประโยชน์ในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ กระทำเพื่อให้ตนได้ประโยชน์โดยขัดกันกับประโยชน์ส่วนรวม อันเป็นการกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) ประกอบมาตรา 4 แห่ง พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561

รวม 3 ข้อกล่าวหา
ป.ป.ช. จงใจทุจริต ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง
สมาชิกรัฐสภาขอให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกา ตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริง
https://www.facebook.com/PPLEThai/posts/122141057954480817