
iLaw
6 hours ago
·
เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน

.
16 กันยายน 2568 ศาสตราจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย ชี้แจงต่อสื่อในกรณีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 ที่รัฐสภาส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจริเริ่มจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ศาลรัฐธรรมนูญแอบแถมมาว่า “แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง” ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าว “เกินคำขอ” ผู้ร้องไม่ได้ถาม อย่างไรก็ตาม บวรศักดิ์ระบุว่า หลักห้ามตัดสินเกินคำขอ ใช้ในกฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา ซึ่งเป็นเรื่องบุคคล แต่จะไปใช้ในกฎหมายมหาชนไม่ได้ และศาลปกครองสูงสุดก็เป็นอย่างนี้ โดยถือเป็นหลักของกฎหมายมหาชน ที่เป็นกฎหมายที่คุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่คุ้มครองสิทธิของบุคคลเพียงบุคคลเดียว เป็นเรื่องสาธารณะ จึงเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
.
ทั้งนี้ เมื่อดูกรณีของศาลปกครอง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ไม่ได้มีบทบัญญัติที่เขียนห้ามไม่ให้ศาลพิพากษาเกินคำขอโดยตรง เหมือนกับคดีแพ่งและคดีอาญา อย่างไรก็ดี ก็ไม่มีกฎหมายที่ให้อำนาจศาลพิพากษาเกินคำร้องขอได้เช่นกัน เมื่อดูการใช้อำนาจของศาลปกครองผ่านคำพิพากษาหลายคดี พบว่าศาลปกครองวางแนวทางไม่พิพากษาเกินคำขอ สำหรับศาลรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ไม่ได้ห้ามศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินคำขอของผู้ร้องไว้โดยตรง แต่ก็ "ไม่มี" บทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยเกินคำร้องขอได้หากมีเหตุจำเป็น
.
เมื่อย้อนไปดูคำอธิบายหลักการดังกล่าวในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญไทยเพิ่งก่อตั้งใหม่ๆ เมื่อ 18 กันยายน 2541 บวรศักดิ์ เคยกล่าวในปาฐกถานำสัมมนาวิชาการเรื่อง “เขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540” ความตอนหนึ่งว่า “ประการที่ 3 ครับ เมื่อเป็นศาลแล้วคำพิพากษาจะพิพากษาเกินคำขอไม่ได้ หลักเรื่องการพิพากษาเกินคำขอไม่ได้ ที่เรียกว่า หลัก Ultra Petita นั้น เป็นหลักสากลของศาลทุกชนิด ซึ่งต่างจากหลักของคณะกรรมการ คณะกรรมการนั้นเขามีอำนาจเต็ม อยากตัดสินอะไรตามตัดสินตามกฎหมายก็ว่ากันไป แต่ศาลถ้าคู่ความไม่ได้ตั้งประเด็นอันเป็นคำขอในคดีจะไปพิพากษาเกินขอไม่ได้ เพราะจะขัดหลัก Ultra Petita คือไปพิพากษาเกินคำขอของคู่กรณีทันที”
.
โดยศาลรัฐธรรมนูญไทย ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ 2540 ในอดีตไทยไม่ได้มีศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นองค์กรตุลาการ แต่อยู่ในรูปแบบ “คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ” ซึ่งรัฐธรรมนูญบางฉบับกำหนดไว้ให้ทำหน้าที่หลักคือวินิจฉัยว่า บทบัญญัติกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ได้แก่ รัฐธรรมนูญ 2489 รัฐธรรมนูญ 2492 รัฐธรรมนูญ 2475 แก้ไขเพิ่มเติม 2495 รัฐธรรมนูญ 2511 รัฐธรรมนูญ 2517 รัฐธรรมนูญ 2521 รัฐธรรมนูญ 2534 และรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) 2459
.
ปาฐกถาดังกล่าวถูกถอดเป็นบทความในชื่อ “เขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ” ซึ่งอยู่ในหนังสือ “รวมบทความทางวิชาการของศาลรัฐธรรมนูญ ชุดที่ 1 : ศาลรัฐธรรมนูญไทย” ตีพิมพ์เมื่อเดือนตุลาคม 2544 สามารถเข้าถึงได้ทางเว็บไซต์ของศาลรัฐธรรมนูญที่ https://www.constitutionalcourt.or.th/.../article...
.
ต่อประเด็นหลักห้ามพิพากษาเกินคำขอ รศ.มุนินทร์ พงศาปาน อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความอธิบายหลักดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “หลักห้ามพิพากษาเกินคำขอ (non ultra petita) เป็นหลักการพื้นฐานของนิติศาสตร์และนิติรัฐ เป็นหลักการสากลที่ใช้กันทั่วไปทั้งในระบบกฎหมายซีวิลลอว์และระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ และใช้กันในทุกสาขากฎหมายไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเอกชน กฎหมายมหาชน กฎหมายอาญา และกฎหมายระหว่างประเทศ หลักการนี้มีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันการใช้อำนาจตามอำเภอใจซึ่งเป็นอันตรายต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในทำนองเดียวกับหลักการพื้นฐานของกฎหมายมหาชนที่ว่าฝ่ายบริหารจะมีอำนาจ ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจไว้อย่างชัดแจ้ง และหลักการพื้นฐานของกฎหมายอาญาที่ว่าบุคคลจะไม่รับโทษทางอาญา ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้อย่างชัดแจ้ง
.
ในประเทศที่มีศาลรัฐธรรมนูญบางประเทศ อาจมีบางครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกินคำขอโดยไม่มีกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ จนก่อให้เกิดข้อถกเถียงในหมู่นักกฎหมายของประเทศนั้นๆ แม้ว่าจะมีนักกฎหมายจะเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจจะวินิจฉัยเกินคำขอในบางกรณีซึ่งเป็นข้อยกเว้น แต่ก็ต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อจำกัดสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญอย่างที่เขียนไว้ในคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไทยแน่ๆ”
.

.

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1229292885910995&set=a.625664036273886
.....
ปฐมพงศ์ แสนสุข
ไม่ต่างอะไรก็เหมือนวิษณุนั่นแหละเนติบริกร
...
Munin Pongsapan
10 hours ago
·
หลักห้ามพิพากษาเกินคำขอ (non ultra petita) เป็นหลักการพื้นฐานของนิติศาสตร์และนิติรัฐ เป็นหลักการสากลที่ใช้กันทั่วไปทั้งในระบบกฎหมายซีวิลลอว์และระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ และใช้กันในทุกสาขากฎหมายไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเอกชน กฎหมายมหาชน กฎหมายอาญา และกฎหมายระหว่างประเทศ หลักการนี้มีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันการใช้อำนาจตามอำเภอใจซึ่งเป็นอันตรายต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในทำนองเดียวกับหลักการพื้นฐานของกฎหมายมหาชนที่ว่าฝ่ายบริหารจะมีอำนาจ ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจไว้อย่างชัดแจ้ง และหลักการพื้นฐานของกฎหมายอาญาที่ว่าบุคคลจะไม่รับโทษทางอาญา ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้อย่างชัดแจ้ง
ในประเทศที่มีศาลรัฐธรรมนูญบางประเทศ อาจมีบางครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกินคำขอโดยไม่มีกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ จนก่อให้เกิดข้อถกเถียงในหมู่นักกฎหมายของประเทศนั้นๆ แม้ว่าจะมีนักกฎหมายจะเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจจะวินิจฉัยเกินคำขอในบางกรณีซึ่งเป็นข้อยกเว้น แต่ก็ต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อจำกัดสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญอย่างที่เขียนไว้ในคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไทยแน่ๆ