วันพุธ, มกราคม 10, 2561

ผู้เสียหายลอบใช้บัตรประชาชนเปิดบัญชีธนาคาร แล้วยังเสียอิสรภาพถูกขังคุก ๓ คืนก่อนประกัน "เป็นความบกพร่อง สะเพร่า หรือกระทั่งขาดประสิทธิภาพของใคร"

จะเอา ๗ ท่า ๘ ตัว หรือ ๗ ธนาคาร ๙ บัญชี มันก็กะลาแลนด์ด้วยกัน นอกจาก “เด็กไทย (ไม่) ก้าวไกลด้วยเทคโนโลยี่” แล้ว “ธนาคาร (ก็) ไม่บูรณาการข้อมูลบัญชีจากสาขาต่างๆ ด้วยเทคโนโลยี” ได้เช่นกัน

(ฉันใดก็ฉันนั้น คัตเอ๊าท์ ๘ ตัว ๗ ท่า ตั้งแทนตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สำหรับเด็กๆ ได้ถ่ายเซลฟี่ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ไม่มีคุณค่าอะไรมากกว่าเป็นสัญญลักษณ์แห่งการปลอมแปลงและสวมรอย)

ประโยคเกี่ยวกับธนาคารนั่นคัดมาจากตอนหนึ่งในทวี้ตของ อจ.กานดา นาคน้อย “กรณีคนโดนขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร ทั้งๆ ที่เจ้าของอายัดบัตรแล้วเป็นเพราะอะไร” (@kandainthai)

เธอประมาณการว่า ถ้าไม่ใช่เหตุผลข้างต้นก็น่าจะเป็นอีกอย่างหนึ่งอย่างใดในสองข้อต่อมา คือ “ธนาคารบูรณาการแล้วแต่พนักงานเลินเล่อเอง” หรือ “ธนาคารบูรณาการแล้วแต่มีคอมมิชชันให้พนักงานที่ทำยอดบัญชีใหม่ เป็นแบบไหนต้องถามธนาคาร”

กรณีหลัง เรื่องพนักงานแข่งกันทำยอดนี่ ใครที่อยู่อเมริกาคงได้ยินข่าวใหญ่ปีกว่ามาแล้ว เมื่อธนาคารยักษ์ภาคตะวันตกสหรัฐ เวลส์ฟาร์โกถูกเรียกไต่สวนในรัฐสภา หลังจากปรากฏว่าพนักงานพยายามทำยอดด้วยการเปิดบัญชีเก๊เป็นล้านๆ บัญชี

ของไทยไปไกลกว่า แม้จะมีแค่ ๙ บัญชีเปิดใหม่ปลอมที่กระจายไป ๗ ธนาคาร แต่ก่อผลกระทบร้าวลึกถึงระบบการบังคับกฎหมายและการศาล เพราะคนที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการฉ้อฉลนี้ กลับตกเป็นผู้ต้องหาโดนคดีเสียเอง

หญิงวัย ๒๔ ติดคุกฟรี ๓ วัน เนื่องจากกระเป๋าเก็บเงินหายบนรถเมล์พร้อมบัตรประชาชน แล้วมีมิจฉาชีพนำบัตรประชาชนของเธอไปเปิดบัญชีใช้สำหรับลวงล่อโอนเงินเข้าในขบวนการต้มตุ๋น เกือบสามเดือนต่อมาธนาคารแจ้งเบาะแสว่ามีการเคลื่อนไหวเงินผิดปกติ เธอจึงไปแจ้งความไว้กับสถานีตำรวจนนทบุรี

ขณะเดียวกันที่จังหวัดตากมีหญิงวัยกลางคนเข้าแจ้งความ ว่าถูกแก๊งต่างชาติหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อที่ดิน จากนั้นมีคอลเซ็นเตอร์ปลอมลวงว่าเป็นศุลกากรเก็บภาษี ให้โอนเงินเข้าบัญชี น.ส. ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ผู้ที่บัตรประชาชนหาย

ทาง สภ.บ้านตากได้ออกหมายจับเธอในข้อหาฉ้อโกง ครั้นเมื่อเธอไปรายงานตัว กลับถูกควบตัวไว้ทันทีและไม่ยอมให้ประกัน น.ส.ณิชาผุ้เสียหายในกรณีนี้จึงต้องเสียอิสรภาพไปตั้งแต่เมื่อวันที่ ๖ มกรา จนกระทั่งศาลยอมให้ประกันปล่อยออกมาเมื่อเช้าวันนี้ (๑๐ มกรา)

(ดูรายละเอียดที่ https://today.line.me/TH/pc/article/G9nZ7Z?utm_source=ttshare)

การนี้มีคำชี้แจงจากสำนักงานตำรวจฯ โดยพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกฯ แถลงว่า “พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามพยานหลักฐานอยู่แล้วด้วยความตรงไปตรงมา

เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งฝ่ายผู้เสียหายที่สูญเสียเงินจากการถูกหลอก และน.ส.ณิชา ที่ถูกคนร้ายนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีด้วย”
ทางด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบ.ปราบปราม ชี้แจงว่าขณะนี้มีการประสานระหว่างส่วนกลางกับ สภ.ตากแล้ว และจะมีการประชุมผ่านระบบวิดีโอเสียด้วย ทั้งยังมีคำแนะนำอีกว่า

อยากฝากเตือนไปยังประชาชนเป็นอุทาหรณ์ หากบัตรประชาชนหรือเอกสารสำคัญหาย ให้ไปลงบันทึกประจำวัน ก่อนทำบัตรใหม่ เพื่อใช้เป็นหลักฐานปกป้องตนเองหากเกิดกรณีเช่นนี้”


ทว่าจากลำดับเหตุการณ์ที่เกิด น.ส.ณิชาได้ไปแจ้งความไว้เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวา ๖๐  แล้วหญิงสาวที่ถูกแก๊งต่างชาติต้มตุ๋นไปแจ้งความที่ สภ.บ้านตาก ออกหมายจับ น.ส.ณิชาเมื่อ ๖ มกรา ๖๑ ห่างกันเกือบเดือน

เป็นความบกพร่อง สะเพร่า หรือกระทั่งขาดประสิทธิภาพของใคร เอาเป็นว่าระบบฐานข้อมูลทางอีเล็คโทรนิคของ สตช.ยังล้าหลัง เลยไม่รู้กันระหว่างส่วนกลางและภูมิภาค ถึงอย่างนั้นเมื่อมีการแจ้งความที่เป็นคุณเป็นโทษต่อบุคคล ทำไมไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนที่จะออกหมายจับเขา

ถ้าทำอย่างนั้นก็น่าจะทราบว่าผู้เสียหายกรณีถูกลักลอบใช้บัตรประชาชนได้แจ้งความไว้แล้ว มิควรที่จะต้องทำให้เขาเสียอิสรภาพ ทั้งที่อุตส่าห์เดินทางไปแสดงตัว

เช่นนี้ย่อมแสดงว่ากระบวนการปกครองและบังคับใช้กฎหมายของไทยนี่ อำนาจนิยมมากมายเสียจนเจ้าพนักงานเหลิง เอะอะก็จะอายัดตัว โวยวายก็จะควบคุมตัว สิทธิบุคคลอยู่ที่ไหน สิทธิมนุษยชนใช้ได้กับใครกันล่ะ