วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 28, 2559

เดี๋ยวทั่นผู้นำได้งอนอีก... หน่วยงานคลังปัญญาในนิวยอร์ก เชิญ 'ทักษิณ' ถกปม 'ประชาธิปไตย'

http://news.voicetv.co.th/thailand/332106.html

หน่วยงานคลังปัญญาในนิวยอร์ก เชิญ 'ทักษิณ' ถกปม 'ประชาธิปไตย'

by Pui K.
27 กุมภาพันธ์ 2559

หน่วยงานคลังปัญญา World Policy Institute เชิญ ดร.ทักษิณ ชินวัตร แสดงทัศนะเกี่ยวกับประชาธิปไตยที่ล้มลุกคลุกคลานของประเทศไทย ในวันที่ 9 มีนาคม ณ มหานครนิวยอร์ก

เว็บไซต์ worldpolicy.org รายงาน ได้มีการเชิญ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบรรยายเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ในวันพุธที่ 9 มีนาคมนี้ โดยมีการระบุว่า เนื้อหาที่จะมีการพูดถึงเป็นข้อมูลเชิงลึกของเศรษฐกิจภูมิภาคและระดับโลก ตลอดจนความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของไทยที่มีต่อระบอบประชาธิปไตย





เว็บไซต์ของสถาบันนโยบายโลก หรือ World Policy Institute ให้ข้อมูลภูมิหลังของผู้บรรยาย ว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2544 ภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียไม่ถึงห้าปี นโยบายเศรษฐกิจของเขาได้รับการยกย่องว่าช่วยฟื้นฟูประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงที่เขาบริหารประเทศจนกระทั่งถูกยึดอำนาจในปี 2549 นั้น จีดีพีของไทยโตเกือบสองเท่า ความยากจนทั่วประเทศลดลงเกือบครึ่ง และไทยชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนดถึง 2 ปี

นโยบายต่างๆของทักษิณได้รับความนิยมในเขตชนบท เช่น กองทุนหมู่บ้าน, 30 บาทรักษาทุกโรค รวมทั้งการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิง การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน คนยากจนในชนบทยกย่องเขาว่าเป็นผูนำแนวใหม่ที่ต่อกรกับศูนย์อำนาจดั้งเดิมในกรุงเทพฯ หลังจากเกิดการประท้วงขนานใหญ่และภายหลังชัยชนะของพรรคการเมืองของเขา กองทัพได้ทำรัฐประหารในปี 2549 การช่วงชิงอำนาจดำเนินมานานเกือบหนึ่งทศวรรษ รวมถึงการยึดอำนาจจากรัฐบาลของน้องสาวของเขาในปี 2557

สถาบันนโยบายโลกยังให้ภูมิหลังด้วยว่า เวลานี้ เศรษฐกิจไทยภายใต้รัฐบาลทหารกำลังย่ำแย่ แม้กระนั้น ประเทศไทยยังคงมีความสำคัญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ในการบรรยายวงปิด ซึ่งเข้าฟังได้เฉพาะสมาชิกของสถาบัน ครั้งนี้ ดร.ทักษิณ ชินวัตร จะนำเสนอมุมมองอันเฉียบคมในเรื่องเศรษฐกิจ และปัญหาอันซับซ้อนของประชาธิปไตยไทย ที่ส่งผลต่อภูมิภาคและต่อโลก.

Source: World Policy Institute

...

งอนรอยเตอร์ออกข่าวเรื่องทักษิณ



ทั่นผู้นำโกรธรอยเตอร์เว้ยเห้ย โกรธที่รอยเตอร์ออกข่าวเรื่อง ดร.ทักษิณ นักข่าวเค้าถามเรื่องข้าว ลุงแกพาลไปแขวะรอยเตอร์ซะงั้น5555555555555
Posted by ปกรณ์ พรชีวางกูร on Tuesday, February 23, 2016
https://www.facebook.com/100010600441087/videos/196306147399399/


3 นาที กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ทำไมใครๆก็ร้องยี้


ดูกันให้ครบ ศึกษากันชัดกันใน 3 นาที กับร่างรัฐธรรมฯูญฉบับมีชัย ทำไมใครๆก็ร้องยี้
Posted by เรารัก พล.อ.ประยุทธ์ on Saturday, February 27, 2016
https://www.facebook.com/WeLovePrayuth/videos/1067612326634415/


คลิป เราคือเพื่อนกัน วันประชา..ซน..




https://www.youtube.com/watch?v=BlVwebt0K18

เราคือเพื่อนกัน วันประชา..ซน..

Streamed live 14 hours ago

เราคือเพื่อนกัน วันประชา..ซน..

วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 27, 2559

อ้างว้างกับตะวันตก เพราะอยากอยู่ยาว เลยต้อง ซบอก ค่ายเผด็จการ รัสเซีย จีน





บอกแล้วเชียวว่าสองทั่นรองฯ รัฐบาลฮุนต้าเยือนมอสคาวส์ ต้องได้อะไรติดมือมาไว้ตั้งแสดงวันเด็กแน่ๆ

...รถถังไง

พล.ต.คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมแถลงผลการเยือนรัสเซียของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนายสมคิด จาตุรศรีพิทักษ์ ว่านายดิมิตรี เม็ดเวเดฟ นายกรัฐมนตรี (คนที่สลับตำแหน่งไปมากับประธานาธิบดีวราดิเมียร์ ปูติน) ของรัสเซีย สนองรับความกระหายอยากได้ยุทโธปกรณ์ของไทยอย่างเต็มที่

ส่วน แอนโธนี่ เดวิส แห่งศูนย์วิจัยด้านความมั่นคงของสำนัก ไอเอชเอสเจนส์ ที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ เผยกับ น.ส.พ.บางกอกโพสต์ ว่า “ปัญหาที่ประเทศไทยมีกับการซื้อรถถังจากยูเครน เป็นโอกาสทองของรัสเซียได้เข้ามาแซม

“ผลิตภัณฑ์อาวุธหนักของรัสเซีย อย่างเช่นรถยานเกราะสำหรับการศึกที่กองทัพบกไทยต้องการ มีคุณภาพสูงในขณะที่สนนราคาต่ำกว่ายุทโธปกรณ์ระดับเดียวกันจากประเทศตะวันตก”

พล.ต.คงชีพบอกด้วยว่า ประเทศไทยเสนอขายสินค้าเกษตรกรรมแก่รัสเซียแลกเปลี่ยนกัน แต่ข้อมูลสถิติชี้ให้เห็นว่า “ปีที่แล้วไทยขาดดุลการค้ากับรัสเซียอยู่ ๙๒๙ ล้านดอลลาร์”

และต่อจากนี้รัสเซียจะสามารถส่งสินค้าของตนออกมาสู่ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านประเทศไทยได้ด้วย (นี่ไง เจ๋งแมะ)

จุ๊ จุ๊ อย่าเพิ่งเอ็ดไป งานนี้ไม่ใช่ไทยถูกรัสเซียใช้เป็นนกต่อเท่านั้นหรอกนะ ถ้าฟังจากที่ ดร. ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ วิเคราะห์ไว้




“ในมุมมองที่กว้างออกไปประเทศไทยต้องบ่ายหน้าไปทางอำนาจนิยมอีกนาน การนำรัสเซียเข้ามาร่วมประสานจะช่วยลดการพึ่งพาจีนลงไปได้” ดร.ฐิตินันท์เชื่อว่าการเข้าไปซบอกรัสเซียทำให้ไทยมีอำนาจต่อรองทั้งกับจีนและตะวันตก

ซึ่งต่างกับความเห็นของนายแอนโธนี่แห่งไอเอชเอสเจนส์ ที่คิดว่าเป็นจังหวะเหมาะของทั้งจีนและรัสเซียซึ่งมีปัญหากับสหรัฐอยู่มากกว่า จากการที่ไทยอ้างว้างแหนงหน่ายกับประเทศตะวันตก จีนกับรัสเซียจึงสบช่องสอดเข้ามาทอดสะพานยุทธศาสตร์ทะลวงท้องที่เอเซียอาคเนย์ได้พอดี

(http://www.bangkokpost.com/…/87…/regime-seeks-russia-backing)

ที่ว่าไทยอ้างว้างกับตะวันตกน่าจะเป็นเพราะ คณะทหารผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินไทยต้องการสืบทอดอำนาจเผด็จการต่อไปอีกนาน ไม่ยอมรับฟังเสียงท้วงเสียงประณาม กลับหันไปหาค่ายเผด็จการเป็นทางออก ทั้งที่รัสเซียกับจีนไม่ได้เข้มแข็งมั่นคงเท่าที่อาจมุ่งหวัง

รัสเซียกำลังประสบปัญหาจากราคาน้ำมันโลกตกต่ำสุดสุด จีนก็เจอมรสุมตลาดหุ้นร่วงฮวบ การสยายปีกโอบแขนห่อหุ้มอุ้มไทยจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองมหาอำนาจจาก Dark Side มากกว่าที่ไทยจะได้รับอย่างแน่นอน

ซ้ำร้ายจะยิ่งทำให้ไทยถูกตัดหางปล่อยวัดจากแวดวงตะวันตกหนักขึ้นในอนาคต

แม้แต่เวลานี้เองขณะที่ คสช. เร่งกระชับอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญยืดเวลายึดครองออกไป แรงกดดันจากองค์กรนานาชาติก็ยิ่งบีบรัด ตราบเท่าที่คณะรัฐประหารยังคงคุกคามทำร้ายประชาชนที่ทนไม่ได้กับการกดขี่อยู่ต่อไป

เมื่อวานนี้ (๒๖ กุมภาพันธ์) สหพันธ์สิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กับสหภาพสิทธิมหาชน สององค์กรนานาชาติที่ตรวจสอบการละเมิดปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และทำรายงานประจำทุกปี ออกมาระบุว่าประเทศไทยเพิ่มจำนวนผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจากเมื่อตอนคณะทหารยึดอำนาจถึง ๙ เท่า




คือเพิ่มจาก ๖ คดีเมื่อ ๒๒ พฤษภาคม ๕๗ มาเป็น ๕๓ คดีเมื่อเสาร์ที่แล้ว โดยที่ยังอยู่ในระหว่างดำเนินคดี ๑๘ ราย และตัดสินจำคุกไปแล้ว ๓๕ ราย รวมทั้งสองนักศึกษาผู้เล่นละคร ‘เจ้าสาวหมาป่า’ น.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง (กอล์ฟ) กับนายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ซึ่งเพิ่งถูกศาลอาญาตัดสินจำคุกคนละ ๒ ปี ๖ เดือน หลังจากที่ถูกกักขังควบคุมตัวมาแล้ว ๗ เดือน

ในรายงานจากกรุงปารีสชื่อ “36 and counting - Lèse-majesté imprisonment under Thailand’s military junta” ยังแจ้งว่า “จำเลยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลายคนต้องถูกควบคุมตัวเป็นเวลานานระหว่างรอการพิจารณา และมักถูกปฏิเสธอย่างเป็นระบบไม่ให้ได้รับการประกันตัว ส่งผลให้มีการละเมิดอย่างมากต่อสิทธิขั้นพื้นฐาน

โดยในจำนวน ๖๖ คนที่ถูกจับกุมในข้อหาละเมิดมาตรา ๑๑๒ หลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ มีเพียงสี่คน (๖%) ที่ได้รับการประกันตัวระหว่างรอการพิจารณา

จนถึงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (จำนวน) ๖๑% ของจำเลยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่างถูกควบคุมตัวมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปี ระหว่างรอการพิจารณา โดย ๒๘% ถูกควบคุมตัวมาเกือบหกเดือนแล้ว”

(https://www.fidh.org/%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/19399)

องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งสองแห่งตั้งข้อกังขาต่อการใช้กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ อย่างซ้ำซากติดนิสัย ก้าวล้ำสิทธิอันจะนำไปสู่อิสรภาพ การได้รับพิจารณาคดีอย่างเที่ยงธรรม และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

ซึ่งเป็นการละเมิดต่อพันธะกรณีที่ประเทศไทยรับรองว่าจะเชิดชูรักษาตามข้อตกลงในทางสากล

ขณะที่ “กระทรวงการคลังแถลงภาวะเศษฐกิจเดือน ม.ค. ๒๕๕๙ พบว่าดัชนีหลายตัวส่งสัญญาณไม่ดีนัก โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกที่ชะลอตัวมาก




นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย ปรับตัวลดลงในรอบสี่เดือน มาอยู่ที่ระดับ ๖๔.๔ เนื่องจากผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า

และได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน”

(http://www.posttoday.com/analysis/economy/418498)

หนึ่งในตัวแปรของความไม่แน่นอนและสั่นคลอนในระบบเศรษฐกิจโลก ก็คืออักษะแห่งอำนาจนิยม รัสเซียกับจีน นั่นแล



ถึงขนาดให้ รด. ออกหน้าแล้วเหรอ... ร่างรธน. ทหาร ที่พยายามยัดเยียดให้กับ ปชช. โดยให้เด็กๆ รด. เป็นสื่อกลางเพื่อให้ดูซอฟต์ลงและน่าโหวตYes มากขึ้น เป็นแผนที่ดีนะ เฉพาะกับกลุ่มคนที่ไม่ทันคนเท่านั้นแหละ





“รด.จิตอาสา” เริ่มลงพื้นที่ กทม.เชิญชวนประชาชนลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ด้านนักรัฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกต รด.รณรงค์หมายถึงทหารและ รด.มีส่วนได้ส่วนเสียกับการทำให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติหรือไม่

ช่วงสายของวันนี้ นักศึกษาวิชาทหารกลุ่ม รด.จิตอาสาและคณะทหารเริ่มออกรณรงค์ลงในพื้นที่กทม.ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในชุมชน 3 แห่งย่านถนนเจริญกรุง ได้แก่ ชุมชนโชฎึก ชุมชนโปลิสสภา และชุมชนจงสวัสดิ์

นายวรเมศ จงโอฬารดำรง ประธานชุมชนโปลิสสภากล่าวว่า ขณะนี้คนในชุมชนมีความสับสนและยังไม่เข้าใจในตัวร่างรัฐธรรมนูญมากนัก เขาเห็นว่ารัฐบาลควรทำให้ประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้น ก่อนจะไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงประชามติ ซึ่งเป็นสิทธิของแต่ละคนว่าจะเลือกลงคะแนนรับหรือไม่รับ

ขณะที่นายวิเชียร กมลงามพิพัฒน์ ประธานชุมชนจงสวัสดิ์เห็นว่า การรณรงค์ของ รด.จิตอาสา อาจเข้าถึงประชาชนได้ไม่มากนัก และเห็นว่าหากมีการรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญผ่านทางโทรทัศน์ก็จะเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า

ทางด้านรศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวกับบีบีซีไทยถึงความเห็นต่อการลงพื้นที่ของ รด.จิตอาสาว่า เขาไม่เห็นด้วยและไม่คิดว่าเป็นหน้าที่ของ รด.ที่ต้องออกมารณรงค์ เนื่องจากจะทำให้เกิดคำถามว่า การที่ รด.ออกมารณรงค์นั้นหมายถึงทหารและ รด.มีส่วนได้ส่วนเสียกับการทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติหรือไม่ เขาเห็นว่า สิ่งที่ทหารควรทำคือ ทำให้การลงประชามติครั้งนี้สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของประชาชนให้มากที่สุด รวมทั้งทำให้บรรยากาศการลงประชามติเป็นไปอย่างอิสระ ซึ่งรวมถึงอิสระในการที่ประชาชนจะไม่ออกมาใช้สิทธิด้วย

รศ.ดร.พิชญ์ กล่าวว่า ทางออกที่ดีควรเปิดให้มีเวทีถกเถียงอย่างกว้างขวาง โดยทหารถอยตัวเองออกมาเป็นผู้รักษาความสงบ และทำให้กระบวนการลงประชามติสะท้อนเจตจำนงของประชาชนและให้ประชาชนมีอิสระในการเลือกให้มากที่สุด และเตือนว่า อย่าทำให้การรณรงค์ครั้งนี้มองเห็นคนที่ไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญมีค่าเท่ากับคนที่ไม่เอาคสช.ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

ก่อนหน้านี้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยออกมาระบุถึงข้อกังวลว่านักศึกษา รด. จะไปชี้นำประชาชนให้ลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญว่า รัฐบาลขอเน้นย้ำว่าโครงการนี้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษา รด. สมัครใจเข้าเป็นจิตอาสาช่วยเหลือบ้านเมืองในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน และยืนยันว่า การทำหน้าที่ของนักศึกษา รด. จึงไม่ใช่การชี้นำให้ประชาชนรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะการตัดสินใจขึ้นอยู่กับประชาชนเอง

ที่มา เพจ บีบีซีไทย




รด.จิตอาสา เด็กกำลังโตหน้าตาสดใสแค่เดินนำหน้าบังหน้ามือถือแผ่นกระดาษ แต่ข้างหลับแว๊บ..แว๊บเขียวลายพราง ครูฝึกแก่ ขี้เหล้าเมายาทหารนั่นเอง 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559



วิเคราะห์การเมือง

ความเห็น “ร่วม” ระหว่าง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ กับ นายวิษณุ เครืองามสะท้อน “ความมั่นใจ” เป็นอย่างสูง ในทางการเมือง

มิใช่ “ความมั่นใจ” ของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์

มิใช่ “ความมั่นใจ” ของ นายวิษณุ เครืองาม

ตรงกันข้าม เป็น “ความมั่นใจ” ของคสช. เป็น “ความมั่นใจ” ของพลังแห่งอำนาจอันรับผิดชอบต่อกระบวนการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

เป็น “ความมั่นใจ” บนพื้นฐานแห่ง “ความจำเป็น”

ยืนยันว่า กระบวนการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จะไม่เหมือนกับรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 อย่างเด็ดขาด

นั่นก็คือ มิได้เป็นการมาและจากไปอย่างรวดเร็ว

ตรงกันข้าม เท่ากับเป็นการตอกย้ำและยืนยันบทสรุปจากความเชื่อเป็นอย่างสูงของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เมื่อเผชิญกับการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนกันยายน 2558 ว่า

“เขาอยากอยู่นาน”

ถามว่ามองจากกระบวนการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อะไรคือความล้มเหลวอันเนื่องแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549

1 คือ การทำรัฐประหารแล้วไม่ “ดำเนินการ” ต่อ

เห็นได้จากการมอบอำนาจให้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลในเดือนตุลาคม 2549

จากนั้น คมช.ก็ไปนั่งเสมอนอก

1 คือการรีบร้อนร่างรัฐธรรมนูญ การรีบร้อนจัดการเลือกตั้งทั่วไปด้วยความฝันลมๆ แล้งๆ จากแผนบันได 4 ขั้น

ผลที่ปรากฏในเดือนธันวาคม 2550 คือ บันได “หัก”

รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จึงอุดรูรั่วทุกอย่างที่สรุปจากความล้มเหลวของรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549

นั่นก็คือ คสช.เข้าจัดตั้ง “รัฐบาล” ด้วยตนเอง

นั่นก็คือ คสช.เข้าจัดตั้งแม่น้ำอีก 4 สาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นสภาปฏิรูปแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ

รวมแล้วก็คือ “แม่น้ำ 5 สาย”

แม้ในที่สุดตามโรดแม็ปมีกำหนดจะจัดการเลือกตั้งภายในเดือนกรกฎาคม 2560 แต่ก็อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญคสช. กำกับและควบคุมโดยเครือข่ายของคสช.

ทั้งยังสามารถ “ต่อท่อ” แห่ง “อำนาจ” ให้ยาวไปได้อีก 4 ปี

จึงเห็นได้จากคำที่ว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน” ของคสช.นั้นไม่เหมือนกับรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549

กำหนดเวลาของการเลือกตั้งมีลักษณะยืดได้ หดได้ กำหนดเวลาของการดำรงอำนาจก็มีลักษณะยืดได้หดได้ ไม่ตายตัว

แต่จะทำได้ครบตาม “โรดแม็ป” หรือไม่ก็ต้องติดตามต่อไป

ooo


คสช กำลังพยายามบอกว่า "โหวตเยสรัฐธรรมนูญ เพื่อในหลวง"



This E-News edits เพื่อความเหมาะสม

ที่มา 


Somsak Jeamteerasakul

ขอบคุณ "มิตรสหายท่านนั้น" ที่แชร์ลิงค์รายงานข่าวนี้ http://www.ryt9.com/s/tpd/2370302
และภาพรายงานข่าวนี้ตามที่ตีพิมพ์ใน ไทยโพสต์ วันนี้

เนื้อหากล่าวถึงการที่ คสช เริ่มออกรณรงค์ "เดินสาย" ในที่ต่างๆ เพื่อให้มีการรับร่าง รธน จุดที่รายงานครั้งนี้ คือที่นนทบุรี มีกรมทหาร ปตอ. ซึ่งรับผิดชอบเขตนนทบุรีเป็นเจ้าภาพ จัดที่ห้องประชุมโรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี มีการเกณฑ์นักเรียนจาก รร.เทพศิรินทร์ นนทบุรี รร.บดินทรเดชา ฯลฯ และโรงเรียนอื่นๆ 300 รร. รวม 600 คน บวกกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าส่วนราชการอีก 200 คน (รวมแล้วก็ 800 คน) มาฟัง

ตอนหนึ่งของการอบรม คือให้ พันเอกถิรวัฒน์ บุญเพ็ญ ราชองครักษ์ ประจำกรมราชองครักษ์ มาบรรยาย คุณถิรวัฒน์ ก็บรรยายคุณงามความดีของในหลวงไว้อย่างซาบซึ้ง ผมอ่านแล้วน้ำหูน้ำตาไหล พิมพ์สรุปไม่ได้เลย ไปอ่านกันเองก็แล้วกัน (๕๕๕ จริงๆแล้วหลายวันนี้ผมไม่สบายอีก น้ำหูน้ำตาไหลอยู่เรื่อยเพราะหวัด ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงพิมพ์ด้วยน่ะ)

ถ้าพูดแบบซีเรียสหน่อยนะ เห็นได้ชัดว่าคุณถิรวัฒน์พยายามจะพูดให้ "ดราม่า" สะเทือนอารมณ์ เพื่อ "บีบน้ำตาคนดูคนฟัง" อะไรแบบนั้น ยกตัวอย่างเช่น

"......จุดเปลี่ยนในชีวิตของผมมาจากคุณยายของผมเองที่ไปเก็บขยะขาย ซึ่งได้บอกผมว่า เงินแค่บาทเดียวดูไม่มีความสำคัญ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นของเรา คำพูดนั้นส่งผลมาจนถึงทุกวันนี้ ในเมื่อในหลวงเป็นของพวกเรา ทำไมไม่ดูแลพระองค์ท่านบ้าง...."

ผมอ่านแล้วก็ยังงงๆว่า "เงินแค่บาทเดียวดูไม่มีความสำคัญ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นของเรา" ที่คุณถิรวัฒน์บอกว่าเป็นคำพูดที่ "ส่งผล [ต่อเขา] มาจนถึงทุกวันนี้" มันหมายความว่ายังไงน่ะ คือ สองวรรคนั้นมันเป็น "ตรรกะ" หรือเป็นเหตุเป็นผลกันยังไงน่ะครับ  ..... คือเป็นงงน่ะครับ


สหประชาชาติย้ำกระบวนการรับร่าง รธน.ไทยต้องโปร่งใส สะท้อนความต้องการประชาชน ด้านองค์กรสิทธิ์ชี้จำนวนผู้ถูกคุมขังจากคดี 112 เพิ่มขึ้น 9 เท่า นับตั้งแต่รัฐประหาร




ที่มา FB BBC Thai

สหประชาชาติย้ำกระบวนการรับร่าง รธน.ไทยต้องโปร่งใส สะท้อนความต้องการประชาชน ด้านองค์กรสิทธิ์ชี้จำนวนผู้ถูกคุมขังจากคดี 112 เพิ่มขึ้น 9 เท่า นับตั้งแต่รัฐประหาร

เฟซบุ๊ก United Nation in Thailand เผยแพร่ข้อมูลเรื่องการเดินทางเยือนไทยในสัปดาห์นี้ ของนายมิโรสลาฟ เยนเชอ ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติสำหรับกิจการทางการเมือง ซึ่งเขาได้พบหารือกับนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ กับแกนนำพรรคการเมืองและภาคประชาสังคม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย กระบวนการกลับไปสู่การปกครองประเทศโดยรัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และแผนงานที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งภายในกลางปี 2560

ข้อมูลในเฟซบุ๊กระบุว่า นายเยนเชอะ ยังได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสหประชาชาติ และวิธีที่สหประชาชาติสามารถสนับสนุนกระบวนการทางประชาธิปไตยต่าง ๆ ในไทย โดยเขาได้เน้นย้ำต่อทุกฝ่ายถึงข้อเรียกร้องของสหประชาชาติเกี่ยวกับกระบวนการจัดเตรียมและการรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้เป็นกระบวนการที่โปร่งใสและครอบคลุมทุกภาคส่วน เป็นไปตามมาตรฐานสากล และให้มีการจัดการเลือกตั้งที่เสรี เที่ยงธรรม เป็นประชาธิปไตย และเชื่อถือได้ รวมทั้งสะท้อนถึงความประสงค์ของคนไทย

อีกด้านหนึ่ง สมาพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนสากล ในกรุงปารีส ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ออกรายงานล่าสุดหัวข้อ “36 and counting - Lèse-majesté imprisonment under Thailand’s military junta” ระบุว่า ในช่วงเริ่มต้นของการที่รัฐบาลทหารเข้าปกครองประเทศ มีผู้ถูกคุมขังจากการกระทำความผิดในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จำนวน 6 คน แต่นับจนถึงวันที่ 20 ก.พ.2559 มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 53 คน หรือเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 9 เท่า ในจำนวนนี้ 35 คน ถูกตัดสินลงโทษจำคุก และอีก 18 คน อยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดี

รายงานระบุด้วยว่า มีการโอนอำนาจในการพิจารณาคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทั้งหมดให้ไปอยู่ใต้อำนาจของศาลทหารซึ่งนำไปสู่การลิดรอนสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม โดยนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ศาลทหารได้ดำเนินคดีและลงโทษจำเลยในคดีดังกล่าวไปแล้ว 24 คน โดยโทษที่บุคคลเหล่านั้นได้รับสูงกว่าที่เคยมีการตัดสินในศาลพลเรือนในช่วงก่อนรัฐประหาร ราว 2 ปีครึ่ง ‪#‎ThaiConstitution‬

ooo



https://www.fidh.org/en/region/asia/thailand/thailand-10-figures-you-need-to-know-about-the-crime-of-lese-majeste

1.   Number of detainees at the time of the May 2014 coup: 6
2.   Number of individuals arrested since the May 2014 coup: 66
3.   Number of individuals sentenced to prison terms since the May 2014 coup: 36
4.   Number of individuals detained awaiting trial: 18
5.   Number of individuals released after being arrested or imprisoned: 12
6.   Number of individuals behind bars: 53
7.   Lèse-majesté defendants tried and sentenced to prison terms by military courts: 24
8.   Percentage of cases involving deprivation of liberty for the exercise of the right to freedom of  expression: 74%
9.   Percentage of cases in which individuals have been released on bail pending trial: 6%
10. Percentage of alleged lèse-majesté detainees awaiting trial who have spent at least a year behind bars: 61%

Credit Junya Yimprasert


"ยิ่งลักษณ์"พูดถึงโรดแมป"นายกฯตู่" บอก"ยูเอ็น"ถามประชาธิปไตยของไทย วันนัดไต่สวนพยานโจทก์ ครั้งที่ 3 คดี อสส.ยื่นฟ้อง ฐานปล่อยปละละเลยไม่ยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท


"ยิ่งลักษณ์"พูดถึงโรดแมป"นายกฯตู่" บอก"ยูเอ็น"ถามประชาธิปไตยของไทย
Posted by ยิ่งลักษณ์ รายวัน โดย ดร.ดำเนิน on Friday, February 26, 2016
https://www.facebook.com/343768838979818/videos/1048470775176284/



...

ถ่ายทอดสดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานโจทก์ ครั้งที่ 3 คดีที่ อสส.ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์...
Posted by Voice TV on Thursday, February 25, 2016
https://www.facebook.com/VoiceTVonline/videos/10154792097664848/



Thai E-News (คิดว่า)พลาดคลิปนี้... Paris protest Thai Junta 5 july 2015




https://www.youtube.com/watch?v=2soNj7mlUfs&feature=share

Paris protest 5 july 2015

Junya Lek Yimprasert

Published on Feb 25, 2016
This video is about Paris protest 5 july 2015


รถไฟจีน ยิ่งเจรจายิ่งพากันลงเหว



http://m.posttoday.com/biz/gov/418278

ยิ่งเจรจายิ่งพากันลงเหว
รอบก่อนๆลดสเป็คเป็นความเร็วปานกลาง
ค่าก่อสร้างแพง เพราะคิดค่าแรงจีนวันละ 800
แถมยังเจอดอกเบี้ยมหาโหดแถมยังผ่อนสั้น

รอบนี้เจอจีนขอที่ดินด้านข้างทางรถไฟให้จีนบริหาร
เป็นไงละมึง รถไฟฟรีๆจากจีน จีนสร้างให้ ไม่เสียสักบาท
ใครคิดถูกคิดผิดนั้น สุดท้ายแล้วเวลาก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์

ที่น่าเสียดายคือ ค่าโง่ที่เกิดจากเงินเฟ้อ
ค่าเสียโอกาสมากมาย ที่คนทั้งสังคมต้องจ่าย
สุดท้ายก็ลงที่ภาษี ที่คนทั้งสังคมต้องร่วมชดใช้


ศาสดา



'อ"จักษ์' ตบปากพวกโหยหาปชต. 'เด็กป.โท' สวนสาใจรับใช้ทหาร




ที่มา แนวหน้าออนไลน์
วันศุกร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

24 ก.พ. 59 รศ.ดร.จักษ์ พันธุ์ชูเพชร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการศึกษาต่อเนื่อง และรักษาการผู้อำนวยการสถานการศึกษาต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ที่เคยมีบทบาทบนเวที กปปส. โพสต์กลอนแปดผ่านเฟซบุ๊ค "ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร" ถามฝ่ายที่ต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ว่าปัญหาของประเทศที่เกิดขึ้น ก่อนที่รัฐบาลภายใต้การนำของ คสช.นั้น มีใครรับรู้ถึงปัญหาต่างๆ เหล่านั้นบ้างหรือไม่ อาทิ เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง ลักหลับออกกฎหมาย เสียบบัตรแทนกันในสภา นักการเมืองทุจริตโกงกินบ้านเมือง หรือแม้แต่พวกหมิ่นเจ้าหมิ่นสถาบัน เป็นต้น

หากการเลือกตั้ง ซึ่ง รศ.ดร.จักษ์ จงใจใช้คำว่า"เปลือก" ซึ่งทำให้ได้รัฐบาลที่ว่า มาจากการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตย แล้วได้นักการเมืองหน้าเดิมๆ กลับมาสร้างปัญหา กัดกินประเทศชาติเหมือนดั่งที่ผ่านๆมา ซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วเราจะเลือกตั้ง กันทำไม

ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร โพสต์ข้อความได้ดังนี้

ตอนเขาฆ่า ประชาชน คุณทนได้
ตอนเปลวไฟ เผาห้าง คุณนั่งเฉย
ตอนระเบิด ลงฝูงชน คุณชมเชย
คุณไม่เคย ลุกขึ้นมา พูดท้าทาย

ตอนลักหลับ คุณกลับหลับ อยู่กับฝัน
ตอนเขาลั่น กระสุนฆ่า คุณลาหาย
ตอนเขาโกง คุณกลับนิ่ง สุขสบาย
คุณไม่อาย ไม่รับรู้ ดูไม่เป็น

ตอนผลาญงบ ผลาญภาษี คุณหนีเงียบ
ตอนเขาเสียบ บัตรแทนให้ คุณไม่เห็น
ตอนย่ำยี คนไทย คุณใจเย็น
คุณไม่เต้น ไม่ต้าน ปล่อยผ่านไป

ตอนเขาด่า สถาบัน คุณดันนิ่ง
ตอนซุ่มยิง คุณซุ่มอยู่ ตรงรูไหน
ตอนเราเจ็บ ตอนนั้นคุณ อยู่ข้างใคร
คุณทำไม ไม่ออกมา ไล่ล่ามัน

แล้วตอนนี้ ออกมา หน้าสลอน
ทำขอดค่อน ด่าขรม ถล่มลั่น
"ประชาธิปไตย ต้องเลือกตั้ง" เพ้อพล่ามกัน
หากเลือกนั้น เป็นแค่เปลือก เลือกทำไม?

หลังจากนั้น ผู้ที่ใช้ชื่อ นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ นิสิตปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา Chutiphong Pipoppinyo ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยโพสต์กลอนตอบโต้ "รศ.ดร.จักษ์" ไว้อย่างดุเดือด ดังนี้

ตอนเขาฆ่า ประชาชน นั่นเพื่อนฉัน
ที่ฆ่ากัน กลางเมือง คุณเห็นไหม?
คุณเห็นแต่ ควันฟืน และเปลวไฟ
หรือคุณเห็น แค่ใคร ที่พวกกัน

ตอนลักหลับ ผมมาค้าน คุณไม่เห็น?
ตอนเขายอม คุณทำเป็น ไม่เชื่อมั่น
ตอนนี้เรา ตรวจโกงบ้าง ใยกดดัน
คุณไม่อาย เลยหรือนั่น ที่พูดมา

ตอนผลาญงบ ผลาญภาษี นี่ใครเล่า
ที่ใช้เงิน ภาษีเรา อย่างไร้ค่า
ตอนนั้นใคร กันหนอ โหนชาวนา
ตอนนี้ใคร ไร้ค่า คาตาคุณ

ตอนเขาด่า สถาบัน นั่นเขาไหน?
เขาหรือใคร โหนกัน จนเปื้อนฝุ่น
อ้างเบื้องสูง โจมตี บี้บุญคุณ
ที่มันวุ่น ขนาดนี้ นี่เพราะใคร?

ไม่ให้ออก ตอนนี้ ตอนไหนเล่า
ทำเหมือนเรา เป็นอื่น มันใช่ไหม
ต่างก็ตีน เหยียบยืนอยู่ บนชาติไทย
ใช่เพียงท่าน มีสิทธิ์ใช้ อยู่ฝ่ายเดียว

ประชาชน ขอแค่ การเลือกตั้ง
ก็จะยัง จำกัด ให้ลัดเลี้ยว
แค่เพียงเปลือก ยังไม่ให้ สักนิดเดียว
แล้วเนื้อใน จะเหลือเสี้ยว ถึงผู้ใด?

ฟังกันบ้าง จักกะยาน ผู้โอหัง
ถ้าพอยัง เหลือสติ สักพอใช้
เอ็งไม่ใช่ เทวดา แต่อย่างใด
สิทธิ์คนไทย มีใช้ เท่าเทียมกัน

และยามนี้ สิทธิ์ที่ เอ็งเคยใช้
ถูกปล้นไป พร้อมพวกเรา รู้ไหมนั่น
สิทธิ์ที่เอ็ง ใช้ร้องเรียก ทหารมัน
เอ็งลองค้าน มันสักวัน จะเข้าใจ

"จะเข้าใจ เราเรียกร้อง เพราะอะไร"

ประเทศกูป่วย...


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1456482382


ทุเรศว่ะ นี่คือกระบวนการสืบสวนของตำรวจไทย? ตำรวจมีหน้าที่หาคนทำผิด ไม่ใช่แค่ใครมาแจ้งความก็เอาผิดตามแจ้ง โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ปล่อยให้ผู้ถูกกล่าวหารับภาระต่อสู้คดีเอง คดีนี้เมื่อเห็นข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าผู้ต้องหาเป็นคนตาบอด ไม่น่าใช้เฟซบุคได้ ตำรวจก็มีหน้าที่สืบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่า เธอใช้เฟซบุคชื่อนี้จริงไหม ถ้าไม่จริง แล้วใครใช้

ตำรวจไทยมักไม่หาความจริง มักตั้งข้อหา พอคดีมีมูลให้ตั้งข้อหาได้ ก็จบแค่นั้น เมื่อขึ้นศาล ศาลก็จะบอกว่า ตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่มีเหตุโกรธเคืองส่วนตัวกับจำเลย ฯลฯ


Atukkit Sawangsuk


...

น้องเขาสายตาบกพร่องทั้งสองข้าง แต่ถูกชาวกระบี่ฟ้องหมิ่นประมาท ถูกหาว่าเขียนด่าทอให้เสียหายผ่าน message ของเฟซบุ๊ก ทั้ง ๆ ที่น้องคนนี้บ้านยากจน ตัวเองไม่เคยใช้เฟซบุ๊ก ที่แย่คือคดีแบบนี้มักฟ้องพ่วงระหว่างหมิ่นประมาทกับละเมิดพรบ.คอมฯ ความผิดแรกเป็นความผิดต่อส่วนตัว ยอมความได้ จ่ายค่าเสียหายเป็นเงินได้ แต่ความผิดหลังเป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้ คดีหมิ่นประมาทสมัยใหม่จึงมักมีโทษจำคุกด้วย พรบ.คอมฯ ออกโดยสภาชุดไหน? สภาที่มาจากรัฐประหารไง แล้วมีใครรับผิดชอบมั้ย?



Pipob Udomittipong


...

ยังมีอีก ... ไม่นานจะจับคนขาด้วนสองข้างข้อหาวิ่งราว!



ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม ดู 'ฝรั่งสอนลูก จีนสอนลูก ไทยสอนลูก'






https://www.youtube.com/watch?v=B_O1MsRkdos

ฝรั่งสอนลูก จีนสอนลูก ไทยสอนลูก

ebikr.com

Published on Feb 21, 2016

ฝรั่งสอนลูก จีนสอนลูก ไทยสอนลูก ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม


วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 26, 2559

การควบคุมตัวในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสูงขึ้นในระดับน่าตกใจ ตามข้อมูลในรายงานใหม่ขององค์กรสิทธิมนุษยชน FIDH กรุงปารีส




Source: FIDH Worldwide Movement for Human Rights
26/02/2016

(ปารีส) การควบคุมตัวในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสูงขึ้นในระดับน่าตกใจ ภายหลังการทำรัฐประหารในไทยเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 FIDH และสสส.กล่าวในรายงานที่มีการเผยแพร่ในวันนี้ ในรายงาน “36 and counting - Lèse-majesté imprisonment under Thailand’s military junta” (36 และที่ต้องนับต่อไป การคุมขังตามกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพภายใต้รัฐบาลทหารไทย) แสดงความกังวลอย่างจริงจังต่อแบบแผนการละเมิดสิทธิที่จะมีเสรีภาพ สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม และสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการแสดงออก อันเป็นผลมาจากการฟ้องร้องดำเนินคดีตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา (กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) การละเมิดทั้งหลายเหล่านี้ถือว่าขัดต่อพันธกรณีของไทยที่มีต่อกฎบัตรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่สำคัญ

ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารในไทยหรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมักนำไปสู่การตั้งข้อหาอาญามากกว่าช่วงก่อนรัฐประหารถึงเกือบสามเท่า นับแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีผู้ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลายาวนาน 36 คนตามมาตรา 112 ในช่วงที่ทหารยึดอำนาจ มี ผู้ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกตามมาตรา 112 อยู่ก่อนแล้วหกราย จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 จำนวนบุคคลที่ถูกจับกุมในคดีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 53 คน หรือเพิ่มขึ้นเกือบเก้าเท่า โดยในจำนวนนี้มีอยู่ 35 คนที่ได้รับโทษจำคุก และอีก 18 คนที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณา

จำเลยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลายคนต้องถูกควบคุมตัวเป็นเวลานานระหว่างรอการพิจารณา และมักถูกปฏิเสธอย่างเป็นระบบไม่ให้ได้รับการประกันตัว ส่งผลให้มีการละเมิดอย่างมากต่อสิทธิขั้นพื้นฐาน รวมทั้งสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะมีเสรีภาพและสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม โดยในจำนวน 66 คนที่ถูกจับกุมในข้อหาละเมิดมาตรา 112 หลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 มีเพียงสี่คน (6%) ที่ได้รับการประกันตัวระหว่างรอการพิจารณา จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 61% ของจำเลยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่างถูกควบคุมตัวมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปีระหว่างรอการพิจารณา โดย 28% ถูกควบคุมตัวมาเกือบหกเดือนแล้ว

นอกจากนั้นการให้อำนาจศาลทหารในการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหารแทนที่จะใช้ศาลพลเรือนส่งผลกระทบอย่างมากต่อสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมของบุคคลที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 นับแต่รัฐประหาร ศาลทหารได้พิจารณาและลงโทษจำเลยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 24 คน โดยมีโทษจำคุกโดยเฉลี่ยสูงกว่าโทษจำคุกในช่วงก่อนรัฐประหารที่เป็นการตัดสินของศาลพลเรือนถึงสองปีครึ่ง

นับแต่รัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เกือบ 75% ของการจับกุม การควบคุมตัว และการจำคุกกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพภายหลังรัฐประหาร มักเป็นผลมาจากการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการแสดงออก การควบคุมตัวบุคคลในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพรวมทั้งการควบคุมอย่างเข้มงวดต่อการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเสรีเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ไทย เป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อพันธกรณีของไทยที่มีต่อกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการแสดงออก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหน่วยงานสหประชาชาติและกลไกพิเศษหลายแห่งต่างได้แสดงความกังวลอย่างเปิดเผยต่อการฟ้องร้องดำเนินคดี การควบคุมตัวเป็นเวลานาน และคำสั่งจำคุกเป็นเวลาหลายปีตามมาตรา 112 พวกเขาได้เรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่าให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 112 และให้ปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวในคดี หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คณะทำงานว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการแห่งสหประชาชาติ (UN Working Group on Arbitrary Detention - UNWGAD) ได้ประกาศว่าการควบคุมตัวบุคคลในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสามคนคือ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และภรณ์ทิพย์ มั่นคง เป็นการกระทำโดยพลการ คณะทำงานว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการแห่งสหประชาชาติได้ร้องขอให้ทางการไทยปล่อยตัวบุคคลทั้งสาม และให้ชดเชยค่าเสียหายกรณีที่มีการควบคุมตัวพวกเขาโดยพลการ

รายงานนี้ยังครอบคลุมรายละเอียดกรณีบุคคลหกคน ชายสามและหญิงสาม ซึ่งถูกศาลตัดสินจำคุกตั้งแต่ 5-30 ปีในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและการละเมิดพระราชบัญญัติการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ เรื่องราวของพวกเขาสะท้อนให้เห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง อันเป็นผลมาจากการที่ทางการบังคับใช้ กฎหมายมาตรา 112 อย่างจริงจังเกินไป
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
FIDH : Mr. Arthur Manet (ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สเปน) – โทรศัพท์ +33672284294 (ปารีส)
FIDH : Ms. Audrey Couprie (ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สเปน) - โทรศัพท์ +33648059157 (ปารีส)
UCL : ดร.จตุรงค์ บุณยรัตนสุนทร ประธานสสส. (ไทย, อังกฤษ) - โทรศัพท์ +66890571755 (กรุงเทพฯ)

...

For English, follow the following link:
https://www.fidh.org/en/region/asia/thailand/thailand-lese-majeste-detentions-have-reached-alarming-levels-new