วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 08, 2559

แชร์... พิพาทคนทำสื่อแม็กกาซีนยุคเผด็จการ เป็นเรื่องของบทบรรณาธิการ A day ฉบับ ๑๘๕ และคุณ สุเจน กรรพฤทธิ์





ดราม่าเบาๆสำหรับเสาร์-อาทิตย์
เป็นเรื่องของบทบรรณาธิการ A day ฉบับ ๑๘๕
ของคุณ ทรงกลด บางยี่ขัน บก.อะเดย์
และถูกวิพากษ์โดยคุณ สุเจน กรรพฤทธิ์ นักเขียนสารคดีประวัติศาสตร์


ศาสดา

....


"เวลาที่ผมเห็นตัวอย่างดีๆ ของต่างประเทศ แล้วเอามาเล่าต่อ

มักจะมีคนมาแสดงความเห็นในทำนองเอามาเปรียบเทียบกับเมืองไทย
แล้วด่าว่าทำไมเราคิดไม่ได้ ไม่ทำแบบเขา แล้วก็ด่าประเทศเรา


"นั่นคือสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด ความจริงเหล่านั้นคือสิ่งที่ทุกคนรู้
การเล่าความห่วยแตกของบ้านเมืองเรา ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนพูดดูดีขึ้น
การตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดีต่างหาก คือสิ่งที่เราควรทำ

"หงุดหงิดกับความแย่ของบ้านเมืองเราเท่าไร
ตั้งใจทำงานของเราให้ดีขึ้นเท่านั้นไหม ถึงบ้านเมืองเรา
จะแย่กว่าต่างชาติหลายๆ เรื่อง แต่อย่างน้อยผมจะตั้งใจ
ทำให้นิตยสารของผมไม่อับอายขายหน้านิตยสารประเทศอื่นก็แล้วกัน

"คิดแบบนี้ ทำแบบนี้ ดีกว่าไหม"

-ทรงกลด บางยี่ขัน-
จาก บท บก.อะเดย์ ฉบับ ๑๘๕







-----------------------------------

ในฐานะคนทำแม็กกาซีนด้วยกัน ในฐานะคนอ่านคนหนึ่ง
และเห็นอะเดย์มาตั้งแต่สมัยเรียน
ผมแอบเดาไว้นานแล้วว่า วันหนึ่ง ทรงกลด บางยี่ขัน
ต้อง "หลุด" ว่าเขาเองเป็นหนึ่งในผู้นิ่งเฉยกับเผด็จการ
ตราบใดที่งานของเขายังเดินหน้าไปได้

ในฐานะทำงานเขียนสารคดี ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่า อะเดย์ที่ออกรายเดือน
เป็นคู่แข่งสำคัญในแง่ของการทำเนื้อหา การนำเสนอประเด็นใหม่ๆ
ของสังคมให้ "กลืนง่าย" ทั้งที่มันเป็นหนังสือวัยรุ่น
ออกแนวแฟชั่นโลกสวยเสียด้วยซ้ำ

เคยถึงขั้นชื่นชมว่า งานสารคดีในนิตยสารที่ตัวเองทำงานอยู่นั้น
ได้รับอิทธิพลบางอย่าง จากการนำเสนอที่วูบวาบหวือหวา
จนคนรุ่นใหม่ไม่อยากอ่านอะไรบรรยาย อ่านอะไรที่มันยาวๆ อีกต่อไป

แต่เมื่อเห็น บท บก. แบบนี้ผมก็ได้แต่บอกว่า ท่าทางผมจะเจอกับ
"ของปลอม" ที่เพิ่งเผยโฉม

หนึ่ง
ถ้าทรงกลด เดินทางแล้วได้อะไรกลับมาจากต่างประเทศ
(สถานที่ส่วนใหญ่ที่เขาไปนั้น เป็นโลกเสรี) เขาย่อมเข้าใจว่า
การเล่าความห่วยแตกในบ้านเมืองเรา ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ
มันเป็นเรื่องปรกติของพลวัตทางสังคม ที่ต้องมีการถกเถียง
มีการปรับตัว ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และถ้าการพูดถึงปัญหาเป็นเรื่องน่ารังเกียจ
ผมคิดว่าทรงกลด บางยี่ขัน เหมาะกับประเทศเกาหลีเหนือ
เพราะที่นั่น ต้องการให้คนทำงานของตัวเองไป
ไม่ต้องเล่าถึงปัญหาของบ้านเมือง

(คนด่าไม่ได้อยากด่าหรอกครับ มีแต่เสียกับเสีย
ส่วนตัว ตอนนี้ผมออกมาด่าทหารผมก็เจ็บตัว เพื่อนนกหวีดเลิกคบไปตั้งเยอะ
และไม่เคยคิดหรอกว่าอยากให้ดูดี ด่าคนในเฟซนี่มีแต่ชิบหายครับ
และมันไม่โสภา แต่ผมทำเพราะเรื่องเดียวคือ "รักษาหลักการ" เท่านั้น
คุณดูถูกคนอื่นมากเลยว่าอยากดูดีด้วยเรื่องแบบนี้ มันสะท้อนความคิดบางอย่างนะครับ)

สอง
จากบท บก.นี้ ผมคิดว่าทรงกลดเป็นคนประเภทเดียวกับ "ศศิน เฉลิมลาภ"
และเอ็นจีโอสิ่งแวดล้อมหลายคน ที่สนใจแต่งานของตัวเอง
และไม่สนใจอย่างอื่น ขอให้มีทางจักรยาน ขอให้มีต้นไม้
เผด็จการจะครองเมือง คนจะโดนจับ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

สาม
ทรงกลด "ตกยุค" เพราะถ้าเขาเป็น บก.ที่ดี เขาย่อมต้องเข้าใจว่า
การทำแมกกาซีนนั้น เขาทำในสังคมที่มีความเคลื่อนไหว
ถ้าวันหนึ่งเขาวิจารณ์เผด็จการทหาร แล้วโดนจับ ผมถามคุณทรงกลดว่า
คุณจะทำงานของคุณให้ดีได้อย่างไร ในเมื่อระบอบเป็นเช่นนี้
แค่เด็กชายคนหนึ่งตั้งคำถามกับไอ้ตู่ ก็โดนหิ้วออกไปแล้ว
มิพักต้องพูดถึงว่า เราจะมีนายกเทศมนตรีที่ดีได้ไหม
เพราะมันไม่มีสิทธิเลือก

สี่
โดยประวัติศาสตร์ โดยความเคลื่อนไหวจนถึงตอนนี้
ใช่หรือไม่ ที่เครืออะเดย์ ไม่ได้มีอุดมการณ์ ไม่ได้มีแนวคิด
ที่อยากทำหนังสือมีคุณค่าอะไร ทำเป็นแต่หนังสือที่สอนให้
คนอ่านมอง "ขอทาน" เป็นความสวยงามของเมือง แต่ไม่เคยไปลอง "ขอทาน"
ดูบ้าง เอาแต่ถ่ายรูป ชิกๆ คูลๆ ไปวันๆ เด่นด้านแฟชั่นวูบวาบอย่างเดียว
ช่วงหนึ่งตอนที่อะเดย์เปลี่ยน บก.มาเป็นทรงกลด บางยี่ขัน
ผมเคยคิดว่าหนังสือแฟชั่น วัยรุ่น เล่มนี้โคตรน่าสนใจ
เพราะมันทำเรื่องยากๆ ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่าย
และมีประเด็นหนักๆ มากขึ้น

แต่ก็เพิ่งนึกได้ว่า จริงๆ ถ้าย้อนดีๆ สัญญาณแรกของความล้มเหลวของอะเดย์
คือการวงแตกของ A Day Weeklyนิตยสารข่าวที่อะเดย์พยายามทำ
คนรุ่นผมยังจำวาทะเด็ดที่ อดีต บก.อะเดย์วีคลี่ ผู้แยกทางออกไป
(ขอไม่พาดพิงนะครับ แต่หาได้แน่นอนในกูเกิ้ลว่าคือใคร)
ให้สัมภาษณ์สื่อว่าเขา "นับถือพระเจ้าคนละองค์" กับโหน่ง วงทนงค์
ผู้ก่อตั้งอะเดย์

ในช่วงวิกฤติการเมืองสิบปีมานี้ก็ยิ่งชัด อะเดย์ทำเล่มคอรัปชั่น
โดยใช้ข้อมูลถล่มรัฐบาลเลือกตั้งจากแหล่งข้อมูลที่เอียงกะเท่เร่
พอมมาถึงยุครัฐบาลทหารก็เงียบกริบ แถม บก.บริหาร
ยังไปขี่จักรยานกับท่านผู้นำอย่างสนุกสนานเสียอีก
ล่าสุดก็ออกมากล่าววาทกรรมดังกล่าว

อีกสื่อหนึ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ของเครืออะเดย์คือ A Day Bulletin
(ต้องขอโทษคนรู้จักที่นั่น แต่ถ้าไม่พูดถึงสื่อในเครือ
จะไม่สามารถวิเคราะห์ถึงจุดยืนของอะเดย์ในภาพรวมได้เลย)
ที่ทำการสัมภาษณ์บรรดาตัวละครสำคัญในช่วงวิกฤติการเมือง
แบบเอียงข้างอย่างน่าเกลียดล้ำหน้ากว่าสื่ออื่นๆ
โดยเอาผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นอาชญากร มาแต่งหน้า จัดแสง จัดไฟเสียหรู
เช่น ไก่อู พาดหัวว่า "Man of His Words" หลังคนตายไป ๙๙ ศพ
จากการปฏิบัติการของรัฐบาลขณะนั้น

การย้อนเกล็ดวาทกรรมที่ทรงกลดพูดนี้ง่ายมาก
(ซึ่งเหลือเชื่อว่า บก.อะเดย์ เขียนหนังสือได้แย่ระดับอนุบาล
แค่ตรรกะผมก็แจกเอฟให้ได้แล้ว)
ลองดูครับ ถ้าเราลองเปรียบเทียบว่า
คุณทรงกลดจ้างช่างประปาไปที่บ้าน ทำท่อน้ำเสร็จ ปรากฎว่าท่อน้ำแตก
รั่วร้อยกว่าจุดในบ้าน ซ้ำร้ายทำให้บิลค่าน้ำมาบาน
ถ้าช่างประปาบอกว่า คุณก็มีหน้าที่เป็น บก.หนังสือก็ทำไป
ผมก็มีหน้าที่เป็นช่างประปา คุณทรงกลดไม่รู้อะไรหรอกอย่ามาวิจารณ์ช่างประปา
(ทั้งที่คุณจ่ายเงินค่าเดินท่อ เหมือนประชาชนจ่ายภาษีให้รัฐ)

คุณทรงกลดรับได้ไหมครับ

คุณทรงกลด บางยี่ขัน คงมัวแต่ปั่นจักรยานเพลิน
จนชาติพังพินาศ ต้านคอรัปชั่นจนชาติพังพินาศ
รักสิ่งแวดล้อมจนชาติพังนินาศ

จนป่านนี้ยังไม่หายเมากาวอีกหรือครับ
หรือขี่จักรยานดมกลิ่นเต่าประยุทธ์นี่มันหอมนักหนา
หอมจนหลับหูหลับตาทำนิตยสาร จนไม่รู้ตัวว่า
วันนี้ ทำให้อะเดย์มาถึงจุดที่น่าอับอายขนาดไหน

ทบทวนดีๆ ครับ คุณทรงกลด บางยี่ขัน
เพราะวันนี้ คุณและคนในเครือคุณ ทำให้อะเดย์น่าอับอาย
(สำหรับคนที่เขามีหลักการ) จนได้รับการจารึก




ที่มา เพจ
Sujane Kanparit

ooo



Sujane Kanparit



ครั้งหนึ่งในคลาสปรัชญาประวัติศาสตร์
ของ อาจารย์ฉลอง สุนทรวณิชย์ เจ้าพ่อนักประวัติศาสตร์จอมขมังเวทย์ จุฬาฯ
แกแนะนำคนในคลาสให้ลองหาเพลงนี้ฟังดู

แกว่ามันเก่าแล้ว แต่แกชื่นชมมาก
ป๋าหลองบอกว่าคนแต่งเนื้อเพลงนี้ "ไม่ธรรมดา"
มันไม่ใช่แค่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของวัยรุ่น


ลองดูเนื้อท่อนนี้กันครับ

"ไม่มีใครเป็นผู้นำ ไม่มีใครเป็นผู้ตาม เพราะเราจะเคียงกันไป
ประวัติศาสตร์ที่แล้วมา จะถูกจดบันทึกใหม่ คงไม่มีอย่างนั้นอีก "

นี่มันเรื่องความเท่าเทียมชัดๆ (ผมตีความของผมเอง)

(วันก่อนผมเล่าให้ อจชว ฟัง อาจารย์ก็ท่าทางจะชอบเพลงนี้เหมือนกัน)

ฝากถึงไดโนเสาร์ที่วันนี้คิดจะแช่แข็งผมให้ยอมรับระบบปกครองนี้
จะบังคับให้ผมไม่วิพากษ์วิจารณ์
จะบังคับให้ผมเชื่อผู้ใหญ่แบบไม่คิด

ฝันไปเถอะครับ

"บอกเธอตามตรง จะบอกเธออย่างจริงใจ
โลกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว"

เข้าใจตรงกันนะครับ ประวัติศาสตร์จะถูกจดบันทึกใหม่
เวลาของไดโนเสาร์หมดแล้วครับ

ผมนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาในวันนี้
วันที่พบผมว่ามีไดโนเสาร์ในหมู่นักเขียนเพียบเลย