วันเสาร์, พฤษภาคม 18, 2567

ข่าวตราครุฑ อ่านมันก็ตรงเม้นต์

เขาว่าข่าวตราครุฑอย่างนี้ อ่านมันก็ตรงเม้นต์ เชิญหาความสำราญกันได้

ที่นี่ >>> https://www.facebook.com/MatichonOnline/posts/9cn1BGfsSq

ดีลการเมืองของทักษิณกับอำมาตย์ อาจเป็นหมันอีก “พิชิต ชื่นบานไม่น่ารอด แต่คนที่จะไม่ได้กลับบ้านในรัฐบาลเศรษฐาแน่ๆ คือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”

จะว่าพวกนี้ทิ้งทวนหรืออย่างไรก็ได้ สว. ๔๐ คนที่เข้าชื่อกันยื่นศาลรัฐธรรมนูญเขี่ยเศรษฐา ทวีสิน และพิชิต ชื่นบาน ออกจากตำแหน่งนายกฯ และรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ว่าแล้วพวกขาก็พอมีมูลอยู่ ในฐานะที่นายกฯ ดันทุรัง ตั้งทนายใกล้ชิดทักษิณ

รู้กันว่ามีความพยายามตั้งพิชิตเข้าสู่ตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลเศรษฐา ๑ ไว้เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษ แทนหูแทนตา เจ้าของพรรคเพื่อไทย ในรัฐบาลนี้ตั้งแต่แรก แต่เจอแรงต้านทั้งจากภายนอกภายใน พวก สว.เองก็ตะหงิดๆ มาแล้วเหมือนกัน

แต่รัฐบาลเศรษฐา (หรือผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล) อาจคิดว่าศักดาแก่กล้าพอ แม้มี สว.ฮึ่ม ไม่กี่คนไม่มีน้ำหนักพอ กลับปรากฏว่าเป็นกลุ่มต่อต้านทักษิณเก่า มากกว่าที่จะเป็นลิ่วล้อ ไอทู้บดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม หนึ่งใน สว.กลุ่มนี้จึงพุ่งแหลมไม่ย่อ

บอกว่าพิชิตมี “คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี...มีข้อเท็จจริงปรากฎให้เห็นว่ามีการละเมิดอำนาจศาล และมีคำสั่งศาลให้จำคุก” แล้วยังลงลึกรายละเอียดว่าทำการทุจริต ติดสินบนต่อกระบวนการยุติธรรม”

ซึ่งก็คือนำเงินสดสองล้านใส่ถุงขนมเอาไป ‘bribe’ ผู้พิพากษา “มีคำสั่งศาลให้จำคุก...และถูกนำเรื่องเข้าสู่สภาทนายความให้ลบชื่อจากการเป็นทนายความ” แล้วด้วยเช่นกัน “ทำไมนายกฯ ยังเสนอชื่อให้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีอีก”

สว.ว่า “ดังนั้นจึงเป็นกรณีที่ชัดแจ้งว่าไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์” หากจะอ้าง “ได้หารือกับกฤษฎีกาแล้ว พบว่าเป็นการหารือที่ไม่ตรงประเด็น ทั้งระยะเวลาการพ้นโทษ และการตีความระหว่างคำสั่งกับคำพิพากษา ไม่เหมือนกัน”

งานนี้ดูแล้ว “พิชิต ชื่นบานไม่น่ารอด แต่ เศรษฐา ทวีสินไม่แน่” Thanapol Eawsakul ว่า “แต่คนที่จะไม่ได้กลับบ้านในรัฐบาลเศรษฐาแน่ๆ คือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เนื่องเพราะดีลการเมืองของทักษิณกับอำมาตย์เคยเป็นหมันมาแล้วหลายครั้ง

(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/79NR15Xz7 และ https://www.infoquest.co.th/2024/399652)

กลับบ้านอังโตนี่ กิจกรรมสนทนาในสวนหลังบ้าน ๑๗ พฤษภา ช่อ พรรณิการ์ชวนคุยกับ อจ.สุดา และ ดุษฎี พนมยงค์

วันที่ ๑๗ พฤษภา ๖๗ ในสวนหลังบ้านอังโตนี่ มีการสนทนากับทายาทสองท่านของอาจารย์ ปรีดี พนมยงค์ คือ อจ.สุดา และ อจ.ดุษฎี เล่าความหลังต่างๆ เกี่ยวกับบ้านหลังนี้ การใช้ชีวิตครอบครัวอย่างแออัดอันแสนสุข เป็นเกล็ดการดำรงชีวิตเรียบง่าย เต็มไปด้วยความหมาย

ที่ว่า แออัด นั่นคือนอกจากลูกหลานของท่านปรีดีและท่านผู้หญิงพูนศุขแล้ว มีแขกเหรื่อไปเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ เป็นคนที่มีตำแหน่งสำคัญในบ้านเมือง ซึ่ง อจ.สุดาบอกว่า “แต่ก็กล้ามาพบ มาคุยด้วย ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอะไรเยอะ ขอชื่นชมผู้ที่ไม่กลัว”

สำหรับผู้ที่ไม่กลัวเหล่านั้น อจ.ดุษฎีเสริมว่า คนสำคัญนั้นได้แก่ พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ระดับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า หลายพระองค์ด้วย มีอดีตนายกรัฐมนตรี มีคุณป๋วย อึ๊งภากรณ์ ตอนนั้นยังเป็นผุ้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

“คนที่ว่าเมื่อกี้พี่สาวบอกว่าใจกล้า เพราะบางคนบอกว่าก่อนมาเนี่ย ทหารยุ่งทุกเรื่อง ทหารบอกว่าระวังนะไปเยี่ยมปรีดี อะไรอย่างนี้ ตั้งแต่สมัยอยู่เมืองจีนแล้วก็มีคนไปเยี่ยมด้วยความยากลำบาก ขนาดกวางตุ้งกับฮ่องกงอยู่ติดกัน ก็ยังต้องอ้อม ก็คือกลัวทหารเอาเรื่อง” 

วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2567

‘อิศรา’ คุ้ยเจอ รมว.ต่างประเทศคนใหม่เคยถือหุ้นบริษัทค้ากัญชา

เห็นเงียบๆ หงิมๆ รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศคนใหม่ ถูก อิศรา คุ้ยเสียจน หากมีปรับ ครม.ครั้งหน้า อาจถูกโยกไปคุมสาธารณสุข ดูแลเรื่อง กัญชาหลังจากพบว่าเคยถือหุ้นกิจการ “เพาะ วิจัย ขายผลิตภัณฑ์พืชกัญชากัญชง”

สำนักข่าวอิศราเปิดชื่อ ๕ บริษัทที่นาย มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ถือหุ้นหรือเป็นกรรมการดำเนินการอยู่ สองบริษัทในจำนวนนี้เกี่ยวข้องหรือดำเนินการด้านกสิกรรม ปลูกและแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร บริษัทหนึ่งคือ สยามเมดเทค

ซึ่งมีผู้ถือหุ้น ๓ ราย นายมาริษถือหุ้นน้อยกว่าเพื่อน เพียง ๕,๗๑๔ หุ้น ขณะผู้ร่วมหุ้นอีกสองราย คือบริษัทสยามสติ๊ก/เว็นเจอร์ (สัญชาติแคนาดา) ถือ ๑๔๐,๐๐๐ หุ้น เท่ากับบริษัท แอกกรีโซลูชั่น ประกอบการขายส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่

บริษัทสยามสติ๊กนั้นเป็นบริษัทลูกของสยามเมดเทคอยู่ด้วย ก่อนแจ้งเลิกกิจการไปเมื่อ ๒๘ เมษา ๒๕๖๖ บริษัทนี้แหละที่ประกอบการขายพืชกัญชาและกัญชง มีที่ตั้งบนถนนแกรนด์วิลล์สตรีท เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ที่เดียวกับของบริษัทสยามเว็นเจอร์

ข้อสำคัญใช้หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเดียวกันด้วย รายงานอิศราไม่วายทิ้งท้ายว่า ผู้สื่อข่าวของตนติดต่อไปหานายมาริษ ถามถึงการลงทุนบริษัท ๕ แห่ง รวมทั้งบริษัทแคนาดา นายมาริษรับโทรศัพท์พอทราบว่ามาจากนักข่าวก็บอกว่าสัญญานไม่ดี แล้ววางสายไป

(https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/128619-isranews-Marizzzzzz.html) 

ชวนชม นิทรรศการ #วิสามัญยุติธรรม ที่หอศิลปกรุงเทพฯ ชั้น ๕ พบ ‘ทนายด่าง’ รออยู่

#วิสามัญยุติธรรม เป็นอย่างไร คร่าวๆ ตามอักขระที่มาสมาสกันก็คือ ความยุติธรรมถูกฆ่าตัดตอน

ในวาระครบรอบ ๑๐ ปี ของการก่อตั้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จะมีนิทรรศการตอกย้ำให้เห็นว่า สิ่งนี้เป็นมาและเป็นอยู่อย่างไร

“ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อกระบวนการยุติธรรมได้สยบยอมต่อผู้มีอำนาจ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือความอยุติธรรมที่ตกมาถึงประชาชน” บัญชีทวิตเตอร์ @TLHR2014 จัดแสดงผลร้ายของอุบัติการณ์นี้

ผ่านสื่อชนิดต่างๆ “งานศิลปะ นิทรรศการ งานเสวนา ปาฐกถา ตลอดจนการจัด #ทัวร์สถานที่เกิดเหตุการณ์ทางการเมือง ในห้วงเวลาของการรัฐประหาร ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

เชิญชวนเข้าชมกันได้ระหว่างวันที่ ๒๑ ถึง ๒๖ พฤษภา เวลา ๑๐.๐๐ น. ถึง ๒๐.๐๐ น.ทุกวัน ที่ ชั้น ๕ หอศิลปกรุงเทพมหานคร (BACC) งานนี้ ทนายด่างกฤษฎางค์ นุตจรัส จะเป็นผู้บรรยายหลักของงาน

(https://twitter.com/TLHR2014/status/1790965811122983006) 

เตือนจำย้ำชวน ราชกฤษฎีกาออกแล้ว #เลือกสว2567 ชุด 'ตู่ตั้ง' แค่รักษาการ เล่นแร่แปรธาตุอะไรไม่ได้นะ ส่วน 'ว่าที่' ผู้สมัครใหม่เริ่มหาเสียงออนไลน์กันได้

โค้งสุดท้าย #เลือกสว2567 แจ้งข่าวจาก Ponson Liengboonlertchai

“ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่า ในทางรัฐธรรมนูญก่อให้เกิดผลอย่างน้อย 2 ประการ

1. อายุของสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบัน 250 คน ได้สิ้นสุดลงตาม ม.269(6) และจะอยู่ในฐานะ "วุฒิสภารักษาการ" เท่านั้น และ

2. อำนาจหน้าที่ใดๆ ทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผูกโยงกับอายุของวุฒิสภาชุดนี้ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญก็ย่อมมีอันหมดลงไปด้วย”

ฉะนี้ ผู้เตรียมสมัคร #สว67 แนะนำตัวโดยโพสเฟซบุ๊ก สื่อสารกับประชาชนทางออนไลน์ได้แล้ว iLaw ย้ำชวน

ทั้งนี้ หลังจาก กกต.เปิดให้ไปรับเอกสารเพื่อกรอกใบสมัคร สว.จากนายทะเบียนอำเภอต่างๆ และ สนง.เขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ๑๐ พฤษภาที่ผ่านมา ๗ วัน ปรากฏมีขอรับเอกสารเพื่อยื่นสมัครแล้ว ๒๒,๐๓๖ ราย

กรุงเทพมหานครมีผู้ขอรับใบสมัครมากที่สุด ๒,๕๘๕ คน “แต่เมื่อแยกเป็นรายอำเภอ จาก ๙๒๘ อำเภอ พบว่า อำเภอที่มีผู้มาขอใบสมัครมากสุด ๕ ลำดับแรก คือ อำเภอเมืองลพบุรี ๒๐๙ คน

อำเภอเมืองนนทบุรี ๑๙๙ คน อำเภอเมืองพัทลุง ๑๗๖ คน อำเภอเมืองขอนแก่น ๑๗๙ คน อำเภอปากเกร็ด ๑๗๒ คน โดย กทม.เขตจตุจักร มีผู้มายื่นขอมากสุดเป็นลำดับที่หนึ่ง คือ ๑๒๖ คน”

(https://www.matichon.co.th/politics/news_4579930 และ https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/66fPHFRzV) 

คณะธนาธรย้อนประวัติศาสตร์ มาถึงแล้ว จุดหมายบ้านอังโตนี่ของอดีตผู้ก่อการอภิวัฒน์สยาม ปรีดี พนมยงค์


มาถึงแล้ว จุดหมายของคณะธนาธร ย้อนประวัติศาสตร์บ้านอังโตนี่ ชานกรุงปารีส ฝรั่งเศส บ่ายวันที่ ๑๖ พฤษภา ผู้ร่วมทางจำนวนหนึ่งพบกันวันแรก วงสนทนาอาหารกลางวันแลกเปลี่ยนความเห็น

วางแผนเบื้องต้นและเตรียมงานสำหรับกิจกรรมสำคัญวันที่ ๑๘ พฤษภา เปิดประตูบ้านอดีตมันสมองผู้ก่อการอภิวัฒน์สยาม และรัฐบุรุษอาวุโสของชาติไทย ปรีดี พนมยงค์ ซึ่งมีผุ้แสดงความจำนงไปร่วมแล้วราว ๑๒๐ คน

ขอบคุณเฟชบุ๊ค Jaran Ditapichai Charnvit Kasetsiri Chamnan Chanruang และ Weng Tojirakarn สำหรับภาพบรรยากาศต่างๆ ทั้งในและนอกบ้าน

(https://www.facebook.com/jaran.ditapichai/posts/DjQBAs8L6M6, https://www.facebook.com/charnvit.ks/posts/WrqfTMQAUZW และ https://www.facebook.com/chamnan.chanruang/posts/HQ9rbiGJJhR) 

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 16, 2567

อีกแล้ว #หมอเหรียญทอง ได้ประกาศความจงรักภักดี ต่อกรณีตบเด็กวัย ๑๔ แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ รพ.มงกุฏวัฒนะ แล้วจับแก้ผ้าประจาน

ฟัง เหรียญทอง แน่นหนา ให้สัมภาษณ์กรณีตบหน้าเด็กชายวัย ๑๔ ปี แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำโรงพยาบาลมุงกุฏวัฒนะ ที่เขาเป็นผู้อำนวยการแล้ว เกิดความรู้สึกอนาถ ไม่ใช่ต่อผู้ทำผิดระเบียบนั่น แต่กับ #หมอเหรียญทอง มากกว่า

เหมือนเขาจะตั้งตารอเหตุการณ์ไม่ปกติเช่นนี้เกิดขึ้น จะได้ให้สัมภาษณ์แสดงตนเป็นคนจงรักภักดีล้นพ้น ให้ถึงพระเนตรพระกรรณเอาไว้ไม่ขาดสาย ประกาศไม่แคร์จะถูกแม่ของเด็กฟ้องข้อหาอนาจาร ที่ตั้งตนเป็นผู้ทรงอาญาสิทธิจับเด็กแก้ผ้าประจาน

“ผมช่วยคนยากจนเยอะมาก ส่วนใหญ่เขาก็ดีๆ ทั้งนั้น ๙๙% มีโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวที่รับบัตรทอง แต่ไอ้กุ๊ยนี่เมียมันท้องแล้วลูกไม่ดิ้น ผมเอามารักษาจนลูกดิ้นเป็นปกติ ก็ตอบแทน รพ.มงกุฏวัฒนะด้วยการลงมานั่งสูบบุหรี่ที่ห้องสุขา”

อันที่จริงมันเป็นคดีมโนสาเร่ จับตัวได้ไม่ให้เข้ามาในโรงพยาบาลอีก และ/หรือเอาไปปรับ ๕ พันบาทตามที่ติดประกาศไว้ ก็อาจจะทำให้หลาบจำเพียงพอแล้ว ทว่าเหรียญทองไม่เลือกทางนั้น “ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอื่นไม่กล้าหาญอย่างผม”

เป็นโอกาสที่เขาได้อวดตัวเองไปพร้อมกัน “ผมเป็นคนเด็ดขาด เด็ดขาดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมถูกปลูกฝังอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก จนเป็นนักเรียนทหารก็ถูกปลูกฝัง เกียรติประวัติชั่วชีวิตผม ไม่ได้พูดมาเพื่อขอให้ศาลลดโทษอะไรนะ”

เขายืนยันไม่มีทางขอขมา ไม่ยอมไกล่เกลี่ย “ชั่วชีวิตไม่เคยขอขมากุ๊ย ถ้าผมทำผิดกฎหมาย ผมรับโทษอาญาแผ่นดิน นั่นคือเกียรติ การรับโทษอาญาแผ่นดินคือการรับโทษตามพระปรมาภิไธยพระเจ้าอยู่หัว ผมถือเป็นเกียรติที่สุด”

ที่จริงไม่ต้องเอามาโยงกันก็ได้ เกียรติของผู้จงรักภักดีกับ “ไอ้กุ๊ยส้นตีน ที่มาสูบบุหรี่ในห้องส้วมโอพีดี” รพ.ของเขา แต่สำหรับเหรียญทอง จับได้แล้ว “เชิญไปสูบที่อื่นครับ ขอโทษหน่อมแน้ม ไม่ใช่ที่นี่ เราประกาศแล้วว่าไม่ได้” ก็ไม่ได้

“ผมจะเพิ่มปรับใหม่เป็น ๕ แสนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ก็โอเคถ้าทำได้ ไม่แน่ใจว่ากฎหมายไทยเอื้อเจ้าของสถานที่ขนาดนี้เชียวหรือ ใช่ว่าจะให้ท้ายคนสูบบุหรี่ในที่สาธารณะทั้งหลาย  แต่การแถลงข่าวกร่าง อวดอ้างเบื้องสูงอย่างนั้น น่ารำคาญกว่า

(https://twitter.com/onenews31/status/1790724747438993477) 

“อย่างน้อยที่สุด นั่นแสดงว่าบุ้งไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนกล่าวหา เรื่องนี้ควรถูกบันทึกเอาไว้”

จากข้อเขียนนี้ ที่ Athikhom Khoms Khunawut บอกว่า “น่าจะพอเล่าได้” ก็น่าจะเคลียร์ใจกับหลายคนที่เคยกังวลต่อความผูกพันของ บุ้งกับหยก ในอดีต เพื่อได้อนุโมทนากุศลแก่การไว้อาลัย เนติพร เสน่ห์สังคม กันได้บ้าง

 

“ช่วงที่หยกเคลื่อนไหวและอยู่ภายใต้การดูแลของบุ้ง ผมก็คิดเหมือนหลายคน คือเป็นห่วงหยก ไม่เห็นด้วยกับแนวทางวิธีการ และคิดว่าด้วยสถานะของเด็กและเยาวชน เราควรดึงหยกออกมาจากเงื่อนไขสถานการณ์เช่นนั้นเป็นลำดับแรก อย่างอื่นค่อยว่ากัน

ลำพังแค่คิดหรือแสดงความเห็น มันคงไม่เพียงพอ ผมตัดสินใจทักถามไปหาป้ามล Thicha Nanakorn ซึ่งตอนนั้นทั้งบุ้งและหยกยอมรับพูดคุยด้วย

ปรึกษาหารือกับป้ามลว่า กรณีนี้เราสามารถยื่นมือยื่นไม้ทำอะไรได้บ้าง เพราะหากปล่อยไปเช่นนี้ทั้งสองคนจะยิ่งถูกคนหลากหลายฝ่ายรุมทำร้าย และบอกกล่าวกับป้ามลตรงไปตรงมาว่า ไม่ค่อยไว้ใจดุลพินิจของบุ้ง

ป้ามลสมกับเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทำงานด้านนี้มายาวนาน คือเป็นคนหลักดี และมีพื้นที่ว่างในใจกว้างขวาง ต่อให้ไม่เห็นด้วยกับแนวทางวิธีการทั้งสองคน แต่ก็พยายามทำความเข้าใจที่มาของพฤติกรรม

ป้ามลบอกว่า ได้กล่าวกับหยกเสมอว่าหากต้องการเปลี่ยนผู้ปกครองเพื่อเพิ่มขีดความสามารถรับแรงกระแทก ป้ามลยินดีจะทำหน้าที่นั้น แต่การที่อยู่ๆ จะไปดึงหยกออกมาจากบุ้ง จะเป็นการสร้างโจทย์ขัดแย้งใหม่ เพราะหยกคงไม่ยอมรับ

ป้ามลพูดชัดว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีของบุ้ง แต่เข้าใจสาเหตุว่าทำไมจึงทำเช่นนั้น และให้ข้อมูลเพิ่มว่า เคยเสนอความช่วยเหลือเรื่องเงินๆ ทองๆ หลายครั้ง แต่บุ้งปฏิเสธเสมอ

อย่างน้อยที่สุด นั่นแสดงว่าบุ้งไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนกล่าวหา เรื่องนี้ควรถูกบันทึกเอาไว้

แต่สิ่งที่ควรบันทึกก่อนหน้านั้นคือ บุ้ง เนติพร เสน่ห์สังคม คือประชาชนในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่คนแรก ที่เสียชีวิตเนื่องจากการประท้วงอดอาหาร เพื่อแสดงจุดยืนความคิดทางการเมือง

ไม่ควรมีใครต้องตายเพราะความคิดทางการเมือง เรื่องนี้ต้องพูดกี่ครั้งจึงจะเข้าใจ

(https://www.facebook.com/athikhom.khunawut/posts/6AGN3U4MSXK6) 

คำถามที่จะเป็นแรงกระเพื่อมทางอารมณ์ในสังคมไทยต่อไปอีกนานจากกรณี ‘บุ้ง’ การราชทัณฑ์ที่ผู้ตายได้รับ เหมาะสมแล้วหรือ

การตายของ เนติพร เสน่ห์สังคม ยังเป็นแรงกระเพื่อมทางอารมณ์ในสังคมไทย ที่นานาชาติมองเห็น แต่บางฝักฝ่ายปฏิเสธที่จะเห็น แล้วยังบิดเบือนเพื่อประโยชน์ทางการเมือง

โพสต์ของ Nattharavut Kunishe Muangsuk ย้อนถามเชิงตอบโต้จากข้อกล่าวหาต่างๆ ของ พายุ เนื่องจำนงค์ ‘I-Bag’ พรรคเพื่อไทย ที่บอกว่า “มีกลุ่มคนที่ส่งเสริมและยุยงให้คุณบุ้งนั้นอดอาหารอย่างต่อเนื่อง” นั้นเป็นใคร อย่าพูดลอยๆ

ณัฐวุฒิยันว่าเขาเองอยู่ในแวดวงสื่อสารมวลชน และติดตามการเคลื่อนไหวทางการเมืองมานาน “ยังไม่เคยเห็นกลุ่มคนที่ส่งเสริมยุยงให้ บุ้ง อดอาหาร...ฝ่ายเกลียดชังนักกิจกรรมทางการเมือง พูดกันขึ้นมาเอง” เพื่อลดทอนการรณรงค์แก้ไข ม.๑๑๒

เหมือนดังว่าพายุโหมให้ร้ายด้อยค่านักกิจกรรม ม.๑๑๒ มาจากฝักฝ่ายที่เคยเป็นคนกันเอง แต่บัดนี้มีงานหลักต้อง แบกนาย และเชิดชูศักดาของนาย ชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งยึดมั่นถือมั่นอุดมการณ์แรงกล้า ขนาดสละได้ จึงไร้ความหมายสำหรับตระกูลแบก

ประเด็นแท้จริงจึงถูกเบี่ยงเบนไปจาก ผู้ตายไม่มีหนทางใดไว้ให้ต่อสู้แล้ว จึงเลือกหนึ่งในทางสองแพร่งระหว่างความตายกับการพ่ายแพ้ยอมสยบ อีกประเด็นที่ถูกตั้งคำถามถี่ขึ้น ณ เวลานี้ การราชทัณฑ์ที่ผู้ตายได้รับ เหมาะสมแล้วหรือ

ทั้งหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรม บุ้ง ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ต่อเมื่อหัวใจหยุดเต้นแล้ว “ทนายกฤษฎางค์ (นุตจรัส) ก็ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้เคยเรียกร้องให้มีการส่งตัวมารักษาใน รพ.ด้านนอก แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง

บางทีส่งมาแค่พอหาย ก็พาตัวกลับไปอีก บุ้งหัวใจวายตอนหกโมงเช้า กว่าจะถึง รพ.ธรรมศาสตร์ตอนเก้าโมง กรมราชทัณฑ์ต้องรับผิดชอบมั้ย” Pipob Udomittipong เปิดปุจฉาปึกใหญ่ เมื่อแถลงการณ์ รพ.ธรรมศาสตร์ระบุเช่นนั้น

“เมื่อผู้ป่วยถูกส่งตัวมาถึงได้ถูกนําเข้ารับการรักษา ณ ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ชั้น ๑...ผู้ป่วยไม่มีสัญญาณชีพ ระบบประสาทไม่มีการตอบสนอง ไม่พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจ จึงทําการ CPR เพื่อช่วยเหลือชีวิตอย่างเต็มที่” แต่ก็สายไปแล้ว

ตะวัน ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมกลุ่ม ทะลุวัง อีกคน ที่ถูกคุมขังด้วยข้อหา ม.๑๑๒ ไม่ให้ประกันมานาน และประท้วงด้วยการอดอาหาร อาการเพิ่งทรุดหนัก (อีกครั้ง) คราวนี้ รพ.ราชทัณฑ์ ส่งตัวไปยัง รพ.ธรรมศาสตร์ ทันก่อนหมดลมหายใจ

ยังมีผู้ต้องหา เหยื่อระบบราชทัณฑ์ ยังติดอยู่ในการคุมขังและควบคุมอีกหลายคน ลองสังคมทำลืมๆ กันไปสักพักดูสิ จะมีเหตุสุดวิสัยนักโทษเสียชีวิตจากการอดอาหารประท้วงอีกกี่รายเกิดขึ้น อันไม่ควรยิ่งนักเพราะถูก ห้ามประกัน

(https://www.facebook.com/photo/?fbid=10161192213826649&set=a.10150096728651649 และ https://www.facebook.com/nattharavutm/posts/fJefmgZvHjr) 

วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2567

“ขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนมาร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” อย่าปล่อยให้หงอยเหงา

การตายของ บุ้ง ทะลุวังพิสูจน์ความจริงได้อย่างหนึ่ง และลบล้าง (ด้วยน้ำมะพร้าวรดหน้า) ต่อคำปรามาสของนังแบกตัวเอ้ ที่ว่าไม่มีนักกิจกรรมคนไหนอดอาหารด้วยอุดมการณ์อย่างจริงจังถึงตาย ขณะเดียวกับทำให้การรณรงค์เพื่อนิรโทษกรรมฟังขึ้นยิ่งนัก

“ไม่ควรต้องมีผู้ต้องขังคดีการเมืองในประเทศที่มีสิทธิเสรีภาพ ในประเทศที่เป็นนิติรัฐและปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย” เป็นคำประกาศของกลุ่มทำกิจกรรม จุดเทียนส่งบุ้ง ที่หน้าศาลอาญา เมื่อค่ำวันที่ ๑๔ พฤษภาคม

“เราขอเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีทางการเมือง และนิรโทษกรรมประชาชน โดยรวมคดีมาตรา ๑๑๒ ให้ประชาชนทุกฝ่ายได้กลับคืนสู่ความปกติ” รวมถึง “ให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอีกต่อไป”

ประจวบกับก่อนหน้านี้เมื่อ ๘ พฤษภา สำนักเลขาฯ สภาผู้แทนแจ้งต่อศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนฯ ว่าร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน ที่ภาคประชาชนเสนอไว้นั้นผ่านด่านปราการแรก ไม่ถูกจัดเข้าเป็นร่าง กม.เกี่ยวกับการเงิน แล้วไปถูกดองไว้ใน ครม.

“ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนนี้ เป็นร่างกฎหมายเพื่อยุติการดำเนินคดีจากการชุมนุมและแสดงออกทางการเมือง และเป็นก้าวแรกของการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทย โดยมีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งร่วมลงชื่อจำนวน ๓๖,๗๒๓ คน”

ขณะนี้เปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนในหลายประเด็น เช่น เห็นด้วยไหมให้นิรโทษแก่ผู้ชุมนุมหรือแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่ ๑๙ กันยา ๔๙ โดยให้พ้นความผิดอย่างสิ้นเชิง และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “ลบทะเบียนประวัติอาชญากรรม”นั้นด้วย

ทั้งนี้โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการนิรโทษกรรมขึ้นดำเนินการ อีกทั้งถามว่าเห็นด้วยหรือเปล่าที่จะไม่นิรโทษ “เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงหรือการสลายการชุมนุมที่ได้กระทำไปเกินกว่าเหตุ หรือเป็นความผิดตามมาตรา ๑๑๓ แห่งประมวลกฎหมายอาญา”

อย่างไรก็ดีสภาผู้แทนฯ ได้จัดตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ๓๕ คน ศึกษาแนวทางตรา พรบ.ดังกล่าว มี ชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นประธาน และนัดประชุมกันไปแล้ว ๑๐ ครั้ง ล่าสุดมีมติ (๒ พ.ค.) ขยายเวลาศึกษาเพิ่มเติมออกไปอีก ๖๐ วัน นัดประชุมกันอีกครั้งต่อไป ๑๖ พ.ค.นี้

ระหว่างนี้เป็นจังหวะที่ดี “ขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนมาร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” นี้บนเว็บไซ้ท์ของรัฐสภา > https://www.parliament.go.th/section77/survey_detail.php... อย่าปล่อยให้หงอยเหงา

(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/LyfHiFwTNtREP)

เปิดจดหมายสุดท้าย บุ้ง เนติพร ให้เหตุผล ทำไมต้องสู้ ขอตายอย่างมีศักดิ์ศรี


ที่มา มติชนออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 14 พฤษภาคม จากกรณี น.ส.เนติพร หรือบุ้ง กลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องขังคดีทางการเมือง หัวใจหยุดเต้น กำลังปั๊มหัวใจอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ส่งตัวมาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ล่าสุดมีรายงานว่า บุ้งเสียชีวิตลงแล้ว เมื่อเวลา 11.22 น.ที่ผ่านมา

น.ส.เนติพร หรือบุ้ง เคยทำพินัยกรรม ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ระบุเจตนาจัดการทรัพย์สิน รวมถึงเขียนหนังสือบริจาคร่างกายเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ อุทิศแด่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อนำร่างไปทำประโยชน์ เผยแพร่ความรู้ถึงสภาวะที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของมนุษย์เมื่ออดอาหาร

โดยจากเพจเฟซบุ๊ก ทะลุวัง – ThaluWang ได้เผยแพร่จดหมายสุดท้ายของบุ้งที่เขียนไว้เมื่อ 14 มีนาคม 2567 ระบุว่า “สวัสดีค่ะ บุ้งนะคะ นี่ก็ล่วงเลยมาเป็นเดือนแล้วที่บุ้ง ตะวัน และแฟรงค์ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพราะเราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศที่เรารัก

ตั้งแต่เล็กจนโต การเป็นลูกสาวตุลาการของบุ้งทำให้บุ้งได้รับรู้ว่าประเทศนี้ไม่ได้มีอยู่เพื่อให้ความยุติธรรมกับประชาชนคนตัวเล็กๆ เอาเสียเลย

จนถึงตอนนี้ ทุกอย่างชัดเจน ไม่ต้องเป็นลูกผู้พิพากษาก็คงเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมนี้ล้มเหลวขนาดไหน การมีอยู่ของพวกเขาไม่เคยดำเนินไปเพื่อประชาชน แต่กลับตั้งอยู่เพื่อพวกผู้มีอำนาจ และคนไม่กี่กลุ่มในประเทศอย่างหน้าไม่อาย พวกเขาคิด พวกเขาทำกันอย่างโจ่งแจ้ง ไม่อายสายตาประชาชนแล้วจะให้เราอยู่เฉยๆ ได้ยังไง

แค่ตั้งคำถามก็ติดคุก แค่บีบแตรก็ติดคุก

ถ้ากล้าทำกันขนาดนี้โดยไม่อายสายตาชาวโลก ทำไมไม่สั่งประหารกันเลยล่ะคะ พวกคุณอยากกำจัดเราอยู่แล้ว รัฐประหารเวลาชีวิตของเราด้วยนิติสงคราม ขโมยอนาคตไปจากพวกเรา สั่งฆ่า สังหารหมู่ คน 6 ตุลา คนเสื้อแดงก็ทำมาแล้ว

ถ้าไม่ยอมปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้พวกเรา ก็เอาชีวิตพวกเราอีก 3 คนเลย พวกเรายินดีแลก เพราะถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส บุ้งไม่ขอเป็นทาส ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน ขอตายอย่างที่เราได้เลือก ตายอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

สังคมไทยมักเป็นแบบนี้เสมอ คือบอกให้คนที่สู้ เลิกสู้ เพราะประชาชนก็ไม่เชื่อมั่นในตัวเองว่าจะสามารถต่อกรกับรัฐเผด็จการได้ แทนที่จะบอกให้คนที่กล้าหาญเลิกสู้ ควรหันมาถามตัวเองดีกว่าไหมว่าทำไมไม่ลุกขึ้นสู้กับความไม่ยุติธรรม ทำไมถึงเลือกที่จะเมินเฉย

เขากล่าวหาว่าบุ้ง ตะวัน และแฟรงค์เป็นแค่ไม้ซีกงัดไม้ซุง ก็ขอให้ไม้ซีกทั้งหลายที่ยังไม่ยอมแพ้ลุกขึ้นมาสู้ให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นให้ได้ ให้รู้กันไปเลยว่า ไม้ซีกแบบพวกเราเมื่อรวมกัน ก็สามารถเผาไม้ซุงแห่งความอยุติธรรมให้วอดวายได้ เราจะชนะได้อย่างไร ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน หากยังไม่ยอมแพ้วันที่ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริงต้องมาถึงอย่างแน่นอน”


ทะลุวัง - ThaluWang
March 14

สวัสดีค่ะ บุ้งนะคะ นี่ก็ล่วงเลยมาเป็นเดือนแล้วที่บุ้ง ตะวัน และแฟรงค์ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพราะเราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศที่เรารัก
ตั้งแต่เล็กจนโต การเป็นลูกสาวตุลาการของบุ้งทำให้บุ้งได้รับรู้ว่าประเทศนี้ไม่ได้มีอยู่เพื่อให้ความยุติธรรมกับประชาชนคนตัวเล็กๆเอาเสียเลย
จนถึงตอนนี้ ทุกอย่างชัดเจน ไม่ต้องเป็นลูกผู้พิพากษาก็คงเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมนี้ล้มเหลวขนาดไหน การมีอยู่ของพวกเขาไม่เคยดำเนินไปเพื่อประชาชน แต่กลับตั้งอยู่เพื่อพวกผู้มีอำนาจ และคนไม่กี่กลุ่มในประเทศอย่างหน้าไม่อาย พวกเขาคิด พวกเขาทำกันอย่างโจ่งแจ้ง ไม่อายสายตาประชาชนแล้วจะให้เราอยู่เฉยๆได้ยังไง
แค่ตั้งคำถามก็ติดคุก แค่บีบแตรก็ติดคุก
ถ้ากล้าทำกันขนาดนี้โดยไม่อายสายตาชาวโลก ทำไมไม่สั่งประหารกันเลยล่ะคะพวกคุณอยากกำจัดเราอยู่แล้ว รัฐประหารเวลาชีวิตของเราด้วยนิติสงคราม ขโมยอนาคตไปจากพวกเรา สั่งฆ่า สังหารหมู่ คน 6 ตุลา คนเสื้อแดงก็ทำมาแล้ว
ถ้าไม่ยอมปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้พวกเราก็เอาชีวิตพวกเราอีก 3 คนเลย พวกเรายินดีแลก
เพราะถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส บุ้งไม่ขอเป็นทาส ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน ขอตายอย่างที่เราได้เลือก ตายอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
สังคมไทยมักเป็นแบบนี้เสมอ คือบอกให้คนที่สู้ เลิกสู้ เพราะประชาชนก็ไม่เชื่อมั่นในตัวเองว่าจะสามารถต่อกรกับรัฐเผด็จการได้ แทนที่จะบอกให้คนที่กล้าหาญเลิกสู้ ควรหันมาถามตัวเองดีกว่าไหมว่าทำไมไม่ลุกขึ้นสู้กับความไม่ยุติธรรม ทำไมถึงเลือกที่จะเมินเฉย
เขากล่าวหาว่าบุ้ง ตะวัน และแฟรงค์เป็นแค่ไม้ซีกงัดไม้ซุง ก็ขอให้ไม้ซีกทั้งหลายที่ยังไม่ยอมแพ้ลุกขึ้นมาสู้ให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นให้ได้ ให้รู้กันไปเลยว่า ไม่ซีกแบบพวกเราเมื่อรวมกัน ก็สามารถเผาไม้ซุงแห่งความอยุติธรรมให้วอดวายได้ เราจะชนะได้อย่างไร ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน
หากยังไม่ยอมแพ้วันที่ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริงต้องมาถึงอย่างแน่นอน
#ยกเลิก112 #ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม #คืนสิทธิการประกันตัว #อีดอกแต่บีบแตร #ขบวนเสด็จ #บุ้ง #ตะวันแฟรงค์ #ทะลุวัง #thaluwang
ที่มา มติชนออนไลน์

(https://www.matichon.co.th/politics/news_4575029)


วันนี้แก๊งค์แบกทำงานหนักมาก เป็นการทำงานที่น่าอนาถที่สุดตั้งแต่เกิดมีการแบก


@Rosie_Spokedark
·8h

วันนี้แก๊งค์แบกทำงานหนักมาก เป็นการทำงานที่น่าอนาถที่สุดตั้งแต่เกิดมีการแบก วันที่เสื้อแดงโดนยิงตายกลางเมือง สลิ่มพากันสะใจบอกว่าสมควรตาย หลายคนเลิกคบเพื่อน หลายคนช็อคกับความอำมหิตของคนรู้จัก หลายคนที่เคยอยู่ในสภาพนั้น วันนี้กลายเป็นคนอำมหิตซะเองในนามของการแบก #บุ้งทะลุวัง
.....
Atukkit Sawangsuk
1 hour ago·

สลิ่มคลั่งในปัจจุบัน
ไม่ใช่แค่คลั่งเพราะรักจนเสียสติเหมือนในอดีต
แต่คลั่งเพราะรู้แก่ใจว่ากำลังสูญเสีย
สิ่งที่เคยยึดเหนี่ยว ที่เคยรักที่เคยหวงแหนเสื่อมสลายลงไปทุกวัน
พวกตัวก็กลายเป็นเสียงข้างน้อย น้อยลงตายลงทุกวัน
มันจึงเป็นอารมณ์คลั่ง แบบคนที่มองไม่เห็นทางชนะ มองไม่เห็นความหวัง อดีตไม่มีวันหวนกลับ
คลั่ง สิ้นหวัง เกลียดชัง ระบายอารมณ์ใส่ทุกสิ่งทุกอย่าง
:
พวกแบกก็เหมือนกัน
รู้แก่ใจว่าอดีตไม่มีวันหวนกลับ
.....
@Thai_Talk
·9h

ตอนคนเสื้อแดงถูกฆ่ากลางเมืองปี 2553 มีคนสะใจเยาะเย้ยคนตายมากมายในทวิตเตอร์ วันนี้ 14 ปีให้หลัง #บุ้งทะลุวัง ตายเพราะอดอาหารประท้วงกฎหมาย มีปรากฎการณ์คล้ายกันอีกครั้ง ฉันสงสัย สังคมไทยมีสลิ่มกี่เฟสที่สามารถดีใจหัวเราะกับการที่มีคนตายเพราะ
...

@Oc_matichonTV

นี่หรือคือเมืองพุทธ 
แสนจะสุดประหลาดใจ 
หัวเราะเยาะยั่วไล่ 
สะใจความตายตรงหน้า 
คิดต่างต่างคิดได้ 
วิจารณ์ไปเถอะหนา 
แต่อย่าปิดหูตา 
คายออกมาความเป็นคน