Phil Saengkrai
11 hours ago
·
ขณะนี้ ไทยยังไม่มีความชอบธรรมในการเปิดศึกสู้รบอย่างเต็มที่กับกัมพูชา อย่างที่หลายฝ่ายเชียร์กันนะครับ
หากอ้างว่าไทยจะใช้สิทธิป้องกันตนเองภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ ก็ต้องดูว่าตัวบทเขียนว่าอย่างไร
การใช้กำลังทหารเพื่อป้องกันตนเองภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ จะสามารถทำได้เมื่อเกิดการ "โจมตีด้วยอาวุธ" ('an armed attack' ในภาษาอังกฤษ หรือ 'une agression armée' ในภาษาฝรั่งเศส) ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ต้องตีความอย่างเข้มงวด ไม่ใช่การใช้กำลังปกติธรรมดา
ศาลโลกเคยตีความคำว่า "การโจมตีด้วยอาวุธ" ไว้ว่า "เป็นการใช้กำลังในรูปแบบที่ร้ายแรงที่สุด" ('the most grave forms of the use of force') ยกตัวอย่างเช่น การระเบิดเรือรบของประเทศหนึ่ง อาจเข้าข่ายว่าเป็นการโจมตีด้วยอาวุธ ทำให้ประเทศนั้นใช้กำลังทหารตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองได้
ลำพังการวางทุ่นระเบิดไม่กี่ลูกในพื้นที่ชายแดนคงจะยังไม่เข้าข่ายเป็น "เป็นการใช้กำลังในรูปแบบที่ร้ายแรงที่สุด" แม้จะมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บหลายราย ดังนั้น จากหลักฐานที่ปรากฏต่อสาธารณะในขณะนี้ ไทยจะอ้างกฎบัตรสหประชาชาติเพื่อเริ่มสู้รบกับกัมพูชาอย่างเต็มที่ ก็คงอ้างลำบาด
สิ่งที่ไทยทำได้ในขณะนี้ คือ การใช้กำลังป้องกันตนเองในระดับหน่วย (unit self-defence) หน่วยที่ถูกโจมตีจากฝ่ายกัมพูชาสามารถใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเองจากการใช้ทุ่นระเบิดได้ และต้องทำอย่างได้สัดส่วน จำกัดเป้าหมายเพื่อระงับยับยั้งการใช้ทุ่นระเบิด ใช้กำลังทหารแค่ในระดับหน่วย ไม่ใช่การสู้รบอย่างเต็มที่ในระดับชาติ
หรือหากฝ่ายกัมพูชายิงปืนมาสองสามนัด นายทหารฝ่ายไทยก็แต่ละนายก็สามารถยิงตอบโต้ป้องกันตนเองได้ (individual self-defence คล้ายๆ กฎหมายอาญาทั่วไป)
ลองดูคำอธิบายใน San Remo Hanbook ว่าด้วยกฎการปะทะเป็นตัวอย่างก็ได้
แต่ไม่ใช่การเปิดศึกกับกัมพูชาอย่างเต็มรูปแบบ อย่างที่หลายฝ่ายเชียร์กันตอนนี้ เป็นแค่การป้องกันตนเองระดับหน่วย และระดับบุคคลเท่านั้น
นอกจากนี้ การโฆษณาชวนเชื่อให้ทำสงครามที่ไม่ถูกกฎหมาย และการใช้คำพูดสร้างความเกลียดชังระหว่างชาติที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรง ยังเป็นสิ่งต้องห้ามตามกติกาว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอีกด้วย
ด้วยแสนยานุภาพทางทหาร หากรบกัน ไทยรบแน่นอน
แต่ถ้าจะให้มีความชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมาย ไทยต้องยึดอาศัยกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ค่อยๆ ไต่ระดับมาตรการไปให้ตรงกับความรุนแรงของสถานการณ์ด้วยความรอบคอบรัดกุมเท่านั้น
·
ขณะนี้ ไทยยังไม่มีความชอบธรรมในการเปิดศึกสู้รบอย่างเต็มที่กับกัมพูชา อย่างที่หลายฝ่ายเชียร์กันนะครับ
หากอ้างว่าไทยจะใช้สิทธิป้องกันตนเองภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ ก็ต้องดูว่าตัวบทเขียนว่าอย่างไร
การใช้กำลังทหารเพื่อป้องกันตนเองภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ จะสามารถทำได้เมื่อเกิดการ "โจมตีด้วยอาวุธ" ('an armed attack' ในภาษาอังกฤษ หรือ 'une agression armée' ในภาษาฝรั่งเศส) ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ต้องตีความอย่างเข้มงวด ไม่ใช่การใช้กำลังปกติธรรมดา
ศาลโลกเคยตีความคำว่า "การโจมตีด้วยอาวุธ" ไว้ว่า "เป็นการใช้กำลังในรูปแบบที่ร้ายแรงที่สุด" ('the most grave forms of the use of force') ยกตัวอย่างเช่น การระเบิดเรือรบของประเทศหนึ่ง อาจเข้าข่ายว่าเป็นการโจมตีด้วยอาวุธ ทำให้ประเทศนั้นใช้กำลังทหารตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองได้
ลำพังการวางทุ่นระเบิดไม่กี่ลูกในพื้นที่ชายแดนคงจะยังไม่เข้าข่ายเป็น "เป็นการใช้กำลังในรูปแบบที่ร้ายแรงที่สุด" แม้จะมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บหลายราย ดังนั้น จากหลักฐานที่ปรากฏต่อสาธารณะในขณะนี้ ไทยจะอ้างกฎบัตรสหประชาชาติเพื่อเริ่มสู้รบกับกัมพูชาอย่างเต็มที่ ก็คงอ้างลำบาด
สิ่งที่ไทยทำได้ในขณะนี้ คือ การใช้กำลังป้องกันตนเองในระดับหน่วย (unit self-defence) หน่วยที่ถูกโจมตีจากฝ่ายกัมพูชาสามารถใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเองจากการใช้ทุ่นระเบิดได้ และต้องทำอย่างได้สัดส่วน จำกัดเป้าหมายเพื่อระงับยับยั้งการใช้ทุ่นระเบิด ใช้กำลังทหารแค่ในระดับหน่วย ไม่ใช่การสู้รบอย่างเต็มที่ในระดับชาติ
หรือหากฝ่ายกัมพูชายิงปืนมาสองสามนัด นายทหารฝ่ายไทยก็แต่ละนายก็สามารถยิงตอบโต้ป้องกันตนเองได้ (individual self-defence คล้ายๆ กฎหมายอาญาทั่วไป)
ลองดูคำอธิบายใน San Remo Hanbook ว่าด้วยกฎการปะทะเป็นตัวอย่างก็ได้
แต่ไม่ใช่การเปิดศึกกับกัมพูชาอย่างเต็มรูปแบบ อย่างที่หลายฝ่ายเชียร์กันตอนนี้ เป็นแค่การป้องกันตนเองระดับหน่วย และระดับบุคคลเท่านั้น
นอกจากนี้ การโฆษณาชวนเชื่อให้ทำสงครามที่ไม่ถูกกฎหมาย และการใช้คำพูดสร้างความเกลียดชังระหว่างชาติที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรง ยังเป็นสิ่งต้องห้ามตามกติกาว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอีกด้วย
ด้วยแสนยานุภาพทางทหาร หากรบกัน ไทยรบแน่นอน
แต่ถ้าจะให้มีความชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมาย ไทยต้องยึดอาศัยกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ค่อยๆ ไต่ระดับมาตรการไปให้ตรงกับความรุนแรงของสถานการณ์ด้วยความรอบคอบรัดกุมเท่านั้น