วันพุธ, พฤศจิกายน 26, 2568

รู้แล้วยัง ศูนย์บัญชาการภาวะวิฤต อยู่ที่ไหน? ซิงเกิลคอมมานด์ เป็นใคร?


TODAY 
6 hours ago
·
รู้แล้วยัง ศูนย์บัญชาการภาวะวิฤต อยู่ที่ไหน? ซิงเกิลคอมมานด์ เป็นใคร?
.
แค่สองคำถามแรกที่ยังชวนสับสน ทั้งที่มีผู้รอความช่วยเหลือนับแสนชีวิต จากเหตุอุทกภัยใหญ่ในพื้นที่ จ.สงขลา โดยเฉพาะพื้นที่ อ.หาดใหญ่ บอกเล่าได้มากพอแล้วว่า รัฐล้มเหลวขนาดไหนในการจัดการภาวะวิกฤตครั้งนี้
.
สอดคล้องกับความเห็นของ ผศ. ดร. สิตางศุ์ พิลัยหล้า ภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ถึงความล้มเหลวของภาครัฐ
.
“ตั้งแต่น้ำท่วมลุ่มเจ้าพระยา เห็นจุดอ่อน (รัฐบาล) ความรุนแรงมาปรากฏชัดในภาคใต้ ที่มีปัญหาทั้งเรื่องประมวลผล ข้อมูลน้ำ เชื่อมโยงถึงการแจ้งประชาชน ไปถึงการรับมือภาวะวิกฤต ถือว่าล้มเหลวและไม่น่าให้อภัย”
.
ในฐานะคนในแวดวงน้ำ อ.สิตางศุ์ เปรียบเทียบการรับมือสถานการณ์ในภาคใต้ครั้งนี้ อย่างง่ายว่าเหมือน ‘ลูกเมียน้อย’ ที่รัฐขาดการเตรียมการ ติดประมาท และสอบตกทุกข้อ ชวนดูการพูดคุยผ่านรายการ TODAY LIVE
.
[คาดการณ์ หรือ ลดความเสี่ยงไม่ได้จริงหรือไม่]
.
อ.สิตางศุ์ เริ่มต้นอธิบายว่า การรับมือภัยที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ต้องมีการประสานงาน 2 ด้าน คือ การประเมินสถานการณ์น้ำ เพื่อส่งสัญญาณให้มหาดไทยขยับตัว ประกอบกับการคาดหมายปริมาณฝน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเกินกว่าองค์ความรู้ อย่างที่กรมอุตุฯ แจ้งเตือน ‘ลานีญา’ มาตลอด
.
“รู้อยู่แล้วว่าต่อจากคัลแมกี น้ำต้องมาภาคใต้แน่นอน ปัญหาคือกลไกจัดการน้ำ พอเริ่มคลี่คลายที่อยุธยาแล้วสบายใจ ภาคใต้เหมือนลูกเมียน้อย ที่ใส่ใจน้อยลงมากๆ”
.
เท้าความว่า ปีก่อนมีการเรียกประชุมลักษณะ ‘กรรมการ’ เพื่อจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้า ตั้งแต่ราวเดือน พ.ย. ก่อนที่จะเกิดอุทกภัยในสามจังหวัดข้ามปี แต่ในปีนี้รู้ว่าต้องเฝ้าระวังฝน แต่ไม่มีการเรียกประชุม
.
อ.สิตางศุ์ ขยายความว่า การเรียกประชุมในลักษณะกรรมการ หมายถึงหน่วยงานทุกกรม ทั้งกรมชลประทาน กรมอุตุฯ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) การไฟฟ้า กรมทรัพยากรน้ำ และ ปภ. ต่างต้องมาร่วมกันวางแผน เวลาฝนมาถึงจะทำงานด้วยกันได้จริง
.
กลับมาที่สถานการณ์ อ.หาดใหญ่ ตามรู้กันว่าเส้นทางน้ำเข้าเมืองโดยปกติ ต้องผ่านทาง อ.สะเดา ทว่า ปีนี้ฝนกลับตกที่ อ.คงหงส์ ก่อนไหลเข้าท่วมตัวเมือง ถึงได้เกิดน้ำท่วมรอบแรก
.
อย่างไรก็ดี นั่นไม่ใช่เหตุผลอธิบาย ว่าทำไมจึงจะไม่รู้ว่า ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ อ.สะเดา อาจทำให้เกิดมวลน้ำระลอกสอง
.
“แปลกใจมาก เมื่อรู้ว่าฝนตกสะเดา ทำไมประเมินไม่ได้ว่ามวลน้ำก้อนนี้ มาถึงหาดใหญ่แน่นอน…แถมรู้ว่าฝนตกเท่าไหนที่คอหงส์ ต้องประเมินได้แล้วว่าน้ำท่วมขึ้นกี่เมตร แล้วต้องประกาศ”
.
อ.สิตางศุ์ มองว่า ขั้นตอนการประกาศเองก็ต้องเข้มข้น เพราะประชาชนชินกับน้ำท่วมขังในระยะสั้นๆ เพียงข้อตความเตือนภัยไม่พอ
.
“น้ำขึ้นวันเดียว 2 เมตร ถึงตอนประกาศอพยพ คือไม่มีเรือ ไม่มีรถ ไม่ทันเพราะน้ำท่วมไปแล้ว นี่คือความเสียหาย ของการประเมินสถานการณ์น้ำที่ช้าไป ไม่เพียงพอสำหรับ มหาดไทย หรือ ปภ. จะแจ้งแบบเร่งด่วน ไฟแดง”
.
ซ้ำเติมไปอีก เมื่อเกิดเหตุแล้วแทนที่จะตั้งศูนย์อพยพ คอยช่วยเหลือกระจายตัวให้ทั่ว ผ่านมาถึงตอนนี้ ยังคงต้องตอบคำถามแรกเริ่มที่ว่า ศูนย์บัญชาการภาวะวิกฤตอยู่ที่ไหน?
.
[สุญญากาศ ‘สทนช.’ คนรู้งานไม่อยู่ ผู้มีอำนาจไม่มีมือไม้]
.
ไม่เสียเวลาคิด หากต้องชี้เป้าว่าอะไรเป็นปัจจัยทำให้ อ.หาดใหญ่ วิกฤตได้ถึงขนาดนี้ อ.สิตางศุ์ ระบุว่า 70% เป็นผลจากที่ ณ ปัจจุบัน ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีเพียงรักษาการ
.
และอีก 30% คือ ขาดความแม่นยำ ในเรื่องการคาดการณ์ฝน
.
อ.สิตางศุ์ แสดงความเห็นว่า ขั้นตอนการประเมินสถานการณ์น้ำมีปัญหา หน่วยงานที่ต้องทำหน้าที่กำกับ ตาม พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำ คือ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของ รมต.สำนักนายกฯ ภราดร ปริศนานันทกุล และ โสภณ ซารัมย์ รองนายกฯ
.
ซึ่งเมื่อเกิดเหตุลักษณะนี้ ตามลำดับทั้งคู่ต้องนั่งหัวโต๊ะ ตั้งศูนย์บัญชาน้ำเฉพาะกิจ ภายใต้คำแนะนำของ เลขา สทนช.
.
“แต่ตอนนี้ เป็นช่วยสุญญากาศ เราไม่มี เลขา สทนช. เป็นการเปลี่ยนตัวในภาวะวิกฤต”
.
อ.สิตางศุ์ เล่าว่า เมื่อผู้กำกับท่านเดิมเกษียณอายุราชการ จึงโยกย้ายคนใหม่เข้ามา ทว่า งานที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ช่วงที่ผ่านมามีวิกฤตทางน้ำใหญ่ จนไม่มีช่วงเวลาให้ได้เรียนรู้ง่าย สุดท้ายวานนี้ราชกิจจาฯ ​ก็เพิ่งโปรดเกล้าฯ ให้ไปอยู่สภาพัฒน์ฯ แทน
.
“ถามว่ารองเลขาฯ ทำหน้าที่นี้ได้ไหม ทำได้ แต่ไม่มีอำนาจเต็ม แถมจะมีบารมีพอกำกับ 30 กว่าหน่วยงานได้ไหม”
.
“การจัดการน้ำภาคใต้ภาวะนี้ กระท่อนกระแท่น ไม่เต็มที่ทั้งที่ควรจะดีกว่านี้ได้ ในเมื่อไม่มีหัว หัวไม่ได้มีอำนาจเต็ม เลยเป็นอย่างที่เห็นในเรื่องการประเมินสถานการณ์น้ำ”
.
ประกอบกับที่ ความไม่แม่นยำในเรื่องการคาดการณ์ฝน ที่เจอปัญหามาตั้งแต่ครั้งพายุวิภา ต่อด้วยพายุคัลแมกี จึงยิ่งไปกันใหญ่
.
อ.สิตางศุ์ อธิบายว่า การจัดย้ำต้องการข้อมูลจากกรมอุตุฯ ที่ละเอียด มากกว่าแค่ที่ประกาศให้กับประชาชนรับรู้ “อย่างฝนตก 60% ของพื้นที่ เตือนภัยสีแดงครึ่งภาค ใช้ข้อมูลแค่นั้นไม่พอ”
.
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมอุตุฯ ​ทำหน้าที่ให้ข้อมูลได้ดี แต่ปีนี้กลับผลปัญหาอยู่มาก
.
[บทเรียนต้องถอด นี่เพิ่งฝนแรกของใต้]
.
“จริงๆ แล้วภายใต้ พ.ร.บ.น้ำ หรือ พ.ร.บ.ปภ. สูงสุด คือนายกฯ ก็ต้องมีคำถามว่า นายกฯ ผลักภาระรึเปล่า ”
.
ถึงตอนนี้ อ.สิตางศุ์ ยังคงมองว่า เรื่องเร่งด่วนของพื้นที่หาดใหญ่ยังหนีไม่พ้น ความสับสนในการสั่งการ เพราะหาก นายกฯ​ กำกับดูแลเอง การมอบหมายให้รองนายกฯ มีอำนาจเต็ม ทำแทนทุกอย่าง ก็ต้องตามมาด้วยการประกาศสาธารณภัยร้ายแรงขั้น 4 เพื่อให้เปิดช่องใช้อำนาจเต็ม
.
เมื่อรู้ผู้สั่งการที่ชัดเจน สิ่งที่ต้องตามมาคือ การสนับสนุนข้อมูลจาก สทนช. ที่ต้องทำหน้าที่ประเมินน้ำ “ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว”
.
ในช่วงระหว่างที่เรื่องเร่งด่วน ที่ต้องช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.สิตางศุ์ ย้ำว่า จะมองข้ามการวิพากษ์และถอดบทเรียนไม่ได้ เพราะพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เป็นเพียงหนึ่งในที่ที่ไฟส่องถึงเท่านั้น ยังคงมีอีกหลายจังหวัดที่รอการช่วยเหลือ ทั้งตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
.
“ยังไม่ได้จบลูกนี้ นี่เพิ่งเข้าหน้าฝนของภาคใต้ ธ.ค. ยังมีอีก การจัดการต้องเข้าที่เข้าทางได้แล้ว”
.
“ผู้บัญชาการสูงสุด ไม่เข้าใจว่าการจัดการภายใต้ภาวะวิกฤตต้องทำยังไง เหมือนจะเป็น แต่ก็ไม่ได้ สอบไม่ผ่าน” อ.สิตางศุ์ กล่าวทิ้งท้าย
.
สำนักข่าว TODAY
สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1244976880787591&set=a.661952892423329
...

ดูสัมภาษณ์เต็มๆ: 
https://www.youtube.com/watch?v=NcwZPn1Nroo

อ่านบทความได้: 
https://www.workpointtoday.com/interview-professor-sitang...
https://www.workpointtoday.com/interview-professor-sitang-about-southern-floods-783926-2