การแลกเปลี่ยนระหว่างนายกฯ อนุทิน กับนักข่าว - คำตอบที่ฟังดูเหมือนไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น

.....

Suthichai Yoon
3 hours ago
·
ถึงเวลา “ผู้นำต้องนำ”
สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหาดใหญ่และหลายจังหวัดภาคใต้—สตูล พัทลุง ตรัง นครศรีธรรมราช—ยิ่งนานยิ่งเข้าขั้นวิกฤติ
น้ำไม่เพียงเพิ่มระดับอย่างต่อเนื่อง แต่ความหวาดกลัว ความอดอยาก และความสิ้นหวังของประชาชนกำลังท่วมสูงยิ่งกว่าสายน้ำที่ไหลบ่า
แต่ท่ามกลางเสียงร้องขอความช่วยเหลือของผู้ประสบภัย และเสียงตำหนิจากสังคม สิ่งที่ประชาชนเห็นจากผู้นำรัฐบาลกลับเป็นท่าทีที่ตั้งรับ ปฏิเสธ และปกป้องตัวเองมากเกินไป
วันนี้ การแลกเปลี่ยนระหว่างนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล กับนักข่าว กลายเป็นภาพสะท้อนสำคัญของความไม่เข้าใจต่อสถานการณ์จริงของผู้คนบนพื้นดิน:
นักข่าว : “ความล่าช้าเป็นเพราะอะไรคะ?”
นายกฯ : “ไม่ได้ล่าช้าครับ”
นักข่าว : “แต่เสียงสะท้อนของประชาชน..?”
นายกฯ : “ในทางปฏิบัติมันไม่ได้ล่าช้าครับ”
นักข่าว : “มันติดขัดในเรื่องอะไรคะ?”
นายกฯ : “ไม่ได้ติดขัดครับ”
คำตอบที่ฟังดูเหมือนไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น ทั้งที่ประชาชนกำลังติดอยู่บนหลังคาบ้าน ไม่มีไฟ ไม่มีน้ำสะอาด ไม่มีอาหาร และไม่มีความหวัง—เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงอย่างรุนแรง
นี่ไม่ใช่เวลาปฏิเสธ — นี่คือเวลายอมรับ และลงมือแก้
ในภาวะวิกฤติใหญ่ระดับนี้ ความล่าช้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงหมายถึงชีวิต
ความไม่ชัดเจนเพียงเล็กน้อยอาจทำให้การช่วยเหลือผิดทิศทาง
และความสับสนในการสั่งการอาจทำให้คนจำนวนมากตกอยู่ในความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง “ผู้บัญชาการ 3 คน” (รองนายกฯและรัฐมนตรีเกษตรฯ, ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและปลัดกระทรวงมหาดไทย)ให้เป็น “ผู้อำนวยการ” บ้าง “ผู้บัญชาการเหตุการณ์” บ้างเกี่ยวกับสถานการณ์ที่สับสนซับซ้อน
ในทางทฤษฎีอาจดูเหมือนกระจายงานแต่ในทางปฏิบัติกลับสร้าง “สุญญากาศของอำนาจสั่งการ” อย่างน่ากลัว
หรือนายกฯเล่นเกมถ่วงอำนาจระหว่างนักการเมือง (รองนายกฯ), กองทัพ (ผบ. สส.) และข้าราชการ (ปลัดมหาดไทย)?
ประชาชนงง
เจ้าหน้าที่งง
อาสาสมัครยิ่งงง
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตัดสินใจในขั้นตอนไหน
เจ้านายหลายคนเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าควรรอคำสั่งจากใคร
และไม่รู้ว่าใครต้องรับผิดชอบ
ในสถานการณ์น้ำกำลังไหลทะลัก—ความล่าช้าเพียง 30 นาทีสามารถทำให้หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านถูกตัดขาดได้
และวันนี้หลายพื้นที่ในหาดใหญ่ได้กลายเป็นตัวอย่างที่เจ็บปวดของการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนและการสั่งการที่ไม่เด็ดขาด
นายกฯ ต้อง “ก้าวออกมานำ” ไม่ใช่ยืนอยู่ข้างหลังระบบที่กำลังล้มเหลว
นายกรัฐมนตรีต้องยอมรับความจริงที่ว่า:
ประชาชนกำลังผิดหวัง
ระบบรับมือภาวะฉุกเฉินกำลังติดขัด
โครงสร้างสั่งการหลายหัวกำลังสร้างปัญหาเพิ่ม
และการสื่อสารของรัฐบาลกำลังทำลายความเชื่อมั่นอย่างหนัก
ยิ่งปฏิเสธ—ยิ่งสูญเสียความไว้วางใจ
ยิ่งปฏิเสธ—ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่ารัฐบาลไม่เข้าใจพวกเขา
ตั้ง “Unified Command” เดี๋ยวนี้—หนึ่งผู้นำ หนึ่งศูนย์บัญชาการ หนึ่งแผนปฏิบัติการ
ประเทศไทยเคยเผชิญวิกฤติใหญ่หลายครั้ง ทั้งสึนามิปี 2547 น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 เหตุการณ์ “หมูป่าที่ถ้ำหลวง” ปี 2561 และโรคระบาดโควิด-19 สิ่งหนึ่งที่เป็นบทเรียนสำคัญคือ “ศูนย์บัญชาการกลางหนึ่งเดียว” คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ทุกคนเดินไปในทิศทางเดียวกัน
ตอนนี้นายกรัฐมนตรีต้องประกาศให้ชัดเจนว่า:
ตั้งศูนย์บัญชาการกลางแห่งชาติ (Unified Command)
นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บัญชาการสูงสุดเพียงคนเดียว
ทุกหน่วยงานต้องรายงานตรง ไม่อ้อม ไม่วน ไม่แยกสาย
สื่อสารแบบรายชั่วโมง ให้ประชาชนรู้ว่าความคืบหน้าอยู่ตรงไหน
ส่งกำลังเสริมจากทุกภาคเพื่อช่วยภาคใต้โดยไม่ต้องรอคำร้องขอ
คนในพื้นที่ไม่ต้องการคำพูดที่สวยงาม
เขาต้องการคำสั่งที่ชัดเจน
เขาต้องการความช่วยเหลือที่มาถึงจริง
เขาต้องการผู้นำที่ยอมรับความจริงและพร้อมแก้ไขทันที
นายกรัฐมนตรี อนุทิน ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์—แต่ต้องเริ่มจาก “การยอมรับความจริง”
ไม่ใช่ปฏิเสธ
ไม่ใช่แก้ตัว
ไม่ใช่โยนความผิด
ประชาชนไม่ได้ต้องการผู้นำที่สมบูรณ์แบบ แต่ต้องการผู้นำที่กล้ายอมรับข้อผิดพลาดและลงมือแก้ไขอย่างเด็ดขาด
นี่คือเวลาที่ผู้นำต้องนำจริง ๆ
ก่อนที่น้ำจะท่วมลึกลงไปกว่านี้—และความเชื่อมั่นของประชาชนจะจมหายไปจนไม่อาจกู้กลับมาได้อีก

https://www.facebook.com/photo?fbid=10164625147306209&set=a.62156461208

.....

.....

Nattharavut Kunishe Muangsuk 

1 hour ago·
คุณยอด จากร่วมกตัญญูบอกกับไทยพีบีเอสว่า ยังมีคนติดค้างอีกนับพันชีวิต แต่จากการลงพื้นที่ นอกจากพวกอาสาสมัครด้วยกัน พวกเขาแทบไม่พบเรือของเจ้าหน้าที่รัฐตามตรอกซอกซอยต่างๆ
เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ตรงไปตรงมา สะท้อนความรู้สึกในฐานะอาสาสมัครที่ลงไปเจอความหดหู่ต่อชะตากรรมของชาวบ้าน และพยายามกระตุ้นให้รัฐทุ่มสรรพกำลังมากกว่านี้
.....

ใจเย็นๆ กันนะทุกคน รัฐบาลกำลังรีวิวโต๊ะเก้าอี้อยู่

//ดูแล้วสิ้นหวังว่ะ pic.twitter.com/dQynbnyECX

— พี่อ้อขี้บ่น (@aorwiki) November 25, 2025