
บีบีซีไทย - BBC Thai
9 hours ago
·
โฆษกกองทัพบกของไทย ยืนยันว่าทหารได้ควบคุมตัวทหารฝั่งกัมพูชา 18 นาย จากการปะทะในพื้นที่ซำแต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
.
ในไทยมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการปะทะกันหลายจุดภายหลังช่วงเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงเช้าตรู่วันนี้ ส่วนที่กัมพูชากลับพบว่า ไม่มีรายงานใด ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว
.
อ่านที่: https://bbc.in/4ffNnMw
จับตาสถานการณ์หยุดยิงไทย-กัมพูชา หลังครบกำหนดเส้นตาย เรารู้อะไรบ้าง ?

นักเคลื่อนไหวเขียนป้ายระบุว่า "หยุดยิง" เป็นภาษาไทยและภาษาเขมร เพื่อเรียกร้องให้ยุติเหตุขัดแย้งระหว่างสองประเทศโดยเร็ว
29 กรกฎาคม 2025
บีบีซีไทย
หลังไทยและกัมพูชาตกลงกันว่าจะหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ทางกองทัพบกของไทยรายงานว่า ยังคงมีการปะทะกันตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง ด้านกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาออกมาให้ข่าวแตกต่างออกไป โดยยืนยันว่า ไม่มีเสียงปืนดังขึ้นหลังช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา
วานนี้ (28 ก.ค.) ผู้นำทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลง 3 ข้อ ได้แก่ หยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขโดยมีผลภายใน 24.00 น. ของคืนวันที่ 28 ก.ค., จัดให้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้บังคับบัญชาทางทหารในพื้นที่, และจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา (General Border Committee - GBC) ในวันที่ 4 ส.ค. โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน เป็นผู้ประสานงานและอำนวยความสะดวก ท่ามกลางการจับตาของสองมหาอำนาจในภูมิภาคอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ส่งตัวแทนเข้ามาร่วมสังเกตการณ์
ไทยระบุมีการปะทะกันหลังเลยช่วงเวลาหยุดยิง ด้านกัมพูชาปฏิเสธ
ก่อนเข้าสู่ช่วงกำหนดเวลาหยุดยิง มีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย โดยกองทัพอากาศของไทยส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ เข้าปฏิบัติภารกิจสนับสนุนกองกำลังภาคพื้น
ต่อมา ช่วงเช้าของวันนี้ (29 ก.ค.) มีรายงานจากกองทัพบกของไทยว่ายังเกิดการยิงกันจนถึงช่วงเช้ามืด โดย พ.อ.ริชณา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ามีการปะทะตามจุดต่าง ๆ ดังนี้
- ภูมะเขือ ที่ตั้งอยู่ระหว่างชายแดน จ.ศรีสะเกษของไทย และ จ.พระวิหารของกัมพูชา มีรายงานจากกองกำลังสุรนารีในพื้นที่ว่า "ถูกก่อกวนโดยกัมพูชา" และมีการยิงปะทะตอบโต้จนถึงช่วงเช้า
- พื้นที่ซำแต ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างชายแดน จ.ศรีสะเกษของไทย และ จ.อุดรมีชัยของกัมพูชา มีการยิงปะทะกันระหว่างสองฝ่ายจนถึงเวลา 05.30 น. โดยรองโฆษกกองทัพบกบอกว่า "ทหารกัมพูชาใช้ระเบิดเปิดฉากยิงตลอดทั้งคืน"
- พื้นที่ปราสาทตาควาย ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างชายแดน จ.ศรีสะเกษของไทย และ จ.อุดรมีชัยของกัมพูชา มีเสียงระเบิดในช่วงเวลา 03.00 น. และ 05.00 น.

นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (กลาง) ในฐานะประธานอาเซียน ได้เข้ามาเป็นตัวกลางเจรจาระหว่าง สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ในการประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 28 ก.ค.
ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก บอกว่าฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด แต่น่าเสียดายที่เมื่อถึงกำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธโจมตีเข้ามายังเขตแดนของไทยหลายจุด "ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน" ทางกองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว
ขณะเดียวกัน โฆษกกองทัพบกยืนยันว่าฝ่ายจำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง
"ฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล" พล.ต.วินธัย กล่าว
เขาเสริมด้วยว่ามีรายงานการปะทะกันในพื้นที่ช่องอานม้าและช่องบก ซึ่งอยู่ระหว่างชายแดน จ.อุบลราชธานีของไทย กับ จ.พระวิหารของกัมพูชา
ในเวลาเดียวกัน สำนักข่าวขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและโฆษกกลาโหมของกัมพูชา ยืนยันว่าหลังจากถึงเวลาที่กำหนดไว้สำหรับการหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข กองกำลังของทั้งกัมพูชาและไทยได้หยุดยิงตามที่ตกลงกันไว้ในการประชุมพิเศษที่จัดขึ้นในมาเลเซีย
"ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของคืนวันที่ 28 ก.ค. จนถึงเช้าวันที่ 29 ก.ค. ไม่มีเสียงปืนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ถือเป็นก้าวแรกที่ประสบความสำเร็จของข้อตกลงหยุดยิงที่รัฐบาลกัมพูชาและไทยได้บรรลุร่วมกัน" พล.ท.หญิง มาลี กล่าว
พร้อมกันนี้ เธอยังเน้นย้ำว่าภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิง กองกำลังของทั้งสองฝ่ายจะต้องอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายหรือปรับกำลัง โดยหลังจากนี้จะมีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือร่วมกัน
ในเวลา 14.05 น. สมาคมพันธมิตรนักข่าวกัมพูชา หรือ CamboJA รายงานว่า นายเนธ พักตรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา ได้ขอให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงสำนักข่าวออนไลน์ต่าง ๆ ให้งดเว้นการเผยแพร่ "ข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน" เกี่ยวกับพื้นที่พิพาทที่มีการประกาศหยุดยิงไปตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าข้อมูลที่กำลังมีการเผยแพร่อยู่ขณะนี้เป็น "เพียงข่าวลือ" และไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งทางบีบีซีไทยเข้าใจว่า หมายถึงข้อกล่าวหาของฝ่ายไทยที่ระบุว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
การรายงานข่าวในกัมพูชาเป็นอย่างไร
ด้าน น.ส.ชาน โสกุนเทีย กรรมการบริหารศูนย์สื่ออิสระกัมพูชา (CCIM) เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า กระแสข่าวในกัมพูชาวันนี้ ไม่มีรายงานการปะทะที่เกิดขึ้นภายหลังเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. ตามข้อตกลงหยุดยิงที่ผู้นำและกัมพูชาตกลงกันที่ประเทศมาเลเซีย ทั้งจากรายงานทางการเท่าที่เธอติดตามจากกระทรวงกลาโหมและกระทรวงสารสนเทศของกัมพูชา ตั้งแต่ช่วงเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา รวมถึงจากโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในกัมพูชา
"จากข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมตามที่ฉันได้บอกไป เธอยืนยันว่ากัมพูชาเคารพอยู่เสมอในสิ่งที่เราตกลงกันไว้ในที่ประชุม... เมื่อเราตกลงแล้ว เราต้องหยุด จากคำกล่าวของเธอและข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมที่แจ้งต่อสาธารณชน" โสกุนเทีย ระบุ
ส่วนกรณีที่ฝ่ายไทยยังมีรายงานการปะทะภายหลังช่วงเวลาที่ตกลงกันแล้วนั้น โสกุนเทีย ระบุว่าเธอเห็นข่าวนี้จากสำนักข่าวในไทยที่รายงานเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน แต่สำนักข่าวในกัมพูชาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการปะทะดังกล่าวเลย รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ในกัมพูชาเช่นกัน
"ในโซเชียลมีเดีย ส่วนใหญ่ที่ฉันเห็นคือคน [กัมพูชา] มักจะโพสต์ประณามกรณีที่มีทหารและผู้คนจากประเทศของเราเสียชีวิตในระหว่างความขัดแย้งนี้" เธอเปิดเผย โดยตอบกรณีที่มีรายงานการปะทะภายหลังเที่ยงคืนว่า "ฉันไม่เห็นข้อมูลใด ๆ [จากโซเชียลมีเดียกัมพูชา] เลย"
เธอยังบอกด้วยว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมามีข่าวปลอมเกิดขึ้นจำนวนมากทั้งในไทยและกัมพูชา ซึ่งภายหลังจากทั้งสองประเทศตกลงหยุดยิงกันแล้ว เธออยากให้ทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนกันว่าจะจัดการกับข่าวปลอมจากทั้งสองประเทศอย่างไร เพราะความตึงเครียดบางอย่างก็มาจากข่าวปลอมเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ดร.ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ อาจารย์สาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กของเขาว่าจำเป็นต้องมีผู้สังเกตการณ์ที่เป็นบุคคลที่สาม (third party) ที่สามารถตรวจสอบและยืนยันได้ว่าฝ่ายใดเริ่มก่อน หรือฝ่ายใดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
"มิฉะนั้น สถานการณ์จะติดหล่มการปะทะตอบโต้ไม่รู้จบ" นักวิชาการผู้นี้ บอก
ผลหารือเบื้องต้นระหว่างแม่ทัพภาคของแต่ละฝ่ายตกลงหยุดยิงรักษาบรรยากาศรอวง GBC

การประชุมระหว่าง พล.อ.โปว เฮง ผู้บัญชาการทหารกองทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชา กับ พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ท.หญิง มาลี ยังบอกกับสื่อของกัมพูชาด้วยว่าเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามข้อตกลง การเจรจาของผู้บังคับบัญชาทางทหารในพื้นที่ระหว่างกองทัพภาคที่ 1 และ 2 ของไทย และกองทัพภาคที่ 4 และ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 07.00 น. นี้ จะยังดำเนินต่อไป
ด้าน พล.ต.วินธัย แจ้งต่อสื่อไทยว่า การประชุมดังกล่าวเลื่อนจากเดิม 07.00 น. เป็น 10.00 น. เนื่องจากบริเวณชายแดนยังคงมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง โดยทางฝ่ายไทยนำโดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1
ต่อมาในเวลา 10.30 น. ทาง พล.ต.วินธัย เปิดเผยว่าพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 ได้แก่ กองกำลังบูรพา และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้ดำเนินการพบปะหารือร่วมกับฝ่ายกัมพูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งขึ้นกับกองกำลังสุรนารี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการประสานกำหนดวันและเวลาที่เหมาะสมของทั้งสองฝ่าย จึงยังไม่มีการหารือเกิดขึ้นในเวลานี้
จากนั้นมีรายงานว่าทางแม่ทัพภาคที่ 2 ได้หารือกับฝ่ายทหารของกัมพูชาแล้ว โดยสำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชารายงานว่า การประชุมระหว่าง พล.อ.โปว เฮง ผู้บัญชาการทหารกองทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชา กับ พล.ท. บุญสิน แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. และได้ข้อตกลง 3 ประการดังนี้
- ตกลงหยุดยิงตามข้อตกลงก่อนหน้านี้
- เสริมสร้างการสื่อสารระหว่างสองฝ่าย
- จัดตั้งคณะทำงานที่มีตัวแทนของแต่ละฝ่าย ๆ ละ 4 คน เพื่อร่วมหารือประเด็นต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกองทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชา และกองทัพภาคที่ 2 ของไทย
ส่วนการหารือระหว่างกองทัพภาคที่ 1 ของไทย และกองทัพภาคที่ 5 ของกัมพูชานั้น จัดขึ้นที่จุดผ่านแดนถาวรคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำโดย พล.ท.อมฤต แม่ทัพภาคที่ 1
ผลการหารือ คือ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการให้งดเคลื่อนไหวกำลังพล เพื่อหลีกเลี่ยงความหวาดระแวง ระหว่างรอผลการประชุม GBC ในวันที่ 4 ส.ค. และให้ผู้นำแต่ละระดับสามารถติดต่อกันโดยตรง เมื่อมีเหตุจำเป็น
ส่วนการประชุมหารือระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) กับกองทัพภาคที่ 3 ของกัมพูชา ซึ่งจัดประชุมผ่านระบบออนไลน์ มีผลสรุปการประชุมที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1
พล.ต.วินธัย ยังบอกด้วยว่ามีการหยุดยิงตลอดแนวเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่การประชุมทั้ง 3 พื้นที่จะเริ่มต้นขึ้น
ด้าน พล.ท.หญิง มาลี โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา บอกกับขแมร์ไทมส์ว่า ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องต้องกันในรายงานการประชุม พร้อมบอกว่าประเด็นต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาจะถูกนำไปหารือในที่ประชุม GBC
เวลาประมาณ 14.30 น. ของวันนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศของไทยแถลงว่า การหารือดังกล่าวไม่ใช่การหารือคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee – RBC) อย่างที่มีรายงานโดยกองทัพบกก่อนหน้านี้ แต่เป็นการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งในตอนนี้วงพูดคุยดังกล่าวทำให้การปะทะบริเวณแนวชายแดนยุติลง
ในช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. สำนักข่าวขแมร์ไทมส์รายงานว่ากองทัพบกของกัมพูชายังคงอยู่ในตำแหน่งรักษาแนวป้องกัน และยังคงควบคุมอาณาเขตยุทธศาสตร์บริเวณปราสาทต่าง ๆ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ท่ามกลางการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง โดยอ้างอิงแหล่งข่าวทางการที่ไม่ระบุนามซึ่งบอกว่า กองทัพยังอยู่ในแนวป้องกันปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย พื้นที่พนมตรอป (Phnom Trop) พื้นที่มอมเบย (Mom Bei) หรือสามเหลี่ยมมรกต และพื้นที่หมู่บ้านอัน เซห์ (An Seh)
ด้านสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซีย เปิดเผยว่า พล.อ.โมฮัมหมัด นีซาม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซีย กำลังนำคณะผู้แทนทางการทูตไปเยือนประเทศไทยและกัมพูชาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการหารือตามข้อตกลงของทั้งสองประเทศในการหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข
โดยในวันนี้ (29 ก.ค.) หน่วยข่าวกรองป้องกันประเทศและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ของกองทัพมาเลเซีย ออกแถลงการณ์ว่าได้รับรายงานการปะทะกันเล็กน้อยในหลายจุด ภายหลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขในระหว่างการประชุมของผู้บัญชาการกองทัพภาคของทั้งสองประเทศ เมื่อเวลา 10.00 น. ตามรายงานของสำนักข่าวเบอร์นามา
โดยสำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซียยังเปิดเผยอีกว่า ผู้แทนจากมาเลเซียมีกำหนดเดินทางไปยังกรุงพนมเปญเพื่อหารือเพิ่มเติมกับผู้แทนจากฝั่งกัมพูชาด้วย
ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา
ประชาชนชาวไทยในศูนย์อพยพแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ บางส่วนลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ในศูนย์อพยพเพื่อเเจ้งความประสงค์กลับบ้าน โดยทางเจ้าหน้าที่ทางศูนย์อพยพได้เเจ้งว่าทุกคนจะสามารถกลับบ้านได้ก็ต่อเมื่อทางการยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวปลอดภัย
จากนั้นในเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 29 ก.ค. ทาง ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขของไทย รายงานว่าล่าสุดมีพลเรือนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย รวมพลเรือนที่เสียชีวิตในขณะนี้เป็นทั้งหมด 15 ราย
ส่วนจำนวนพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนรวมกันทั้งหมด 38 ราย แบ่งเป็น บาดเจ็บสาหัส 12 ราย, บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย, และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย โดยปัจจุบันรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 14 ราย และกลับบ้านแล้ว 11 ราย
ขณะนี้มีโรงพยาบาลตามแนวชายแดนที่ปิดให้บริการไปแล้ว 13 แห่ง ขณะที่อีก 7 แห่ง ปิดให้บริการบางส่วน และมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบทั้งหมด 175 แห่ง
การดำเนินงานด้านการดูแลด้านสุขภาพจิต พบว่ามีพลเรือนที่มีอาการเครียดสูง 293 ราย และเสี่ยงฆ่าตัวตาย 41 ราย จากการคัดกรองทั้งหมด 21,007 ราย โดยทางกระทรวงสาธารณสุขส่งนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ รวมถึงทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) เข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว
ล่าสุด ในเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันที่ 29 ก.ค. ทางกองทัพบกรายงานว่า มีกำลังพลเสียชีวิตจากเหตุสู้รบเมื่อวันที่ 28 ก.ค. เพิ่มอีก 3 นาย รวมเป็น 14 นาย นับตั้งแต่ที่มีการปะทะกันเมื่อวันที่ 24 ก.ค. เป็นต้นมา
จากนั้นในเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 29 ก.ค. ทาง ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขของไทย รายงานว่าล่าสุดมีพลเรือนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย รวมพลเรือนที่เสียชีวิตในขณะนี้เป็นทั้งหมด 15 ราย
ส่วนจำนวนพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนรวมกันทั้งหมด 38 ราย แบ่งเป็น บาดเจ็บสาหัส 12 ราย, บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย, และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย โดยปัจจุบันรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 14 ราย และกลับบ้านแล้ว 11 ราย
ขณะนี้มีโรงพยาบาลตามแนวชายแดนที่ปิดให้บริการไปแล้ว 13 แห่ง ขณะที่อีก 7 แห่ง ปิดให้บริการบางส่วน และมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบทั้งหมด 175 แห่ง
การดำเนินงานด้านการดูแลด้านสุขภาพจิต พบว่ามีพลเรือนที่มีอาการเครียดสูง 293 ราย และเสี่ยงฆ่าตัวตาย 41 ราย จากการคัดกรองทั้งหมด 21,007 ราย โดยทางกระทรวงสาธารณสุขส่งนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ รวมถึงทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) เข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว
ล่าสุด ในเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันที่ 29 ก.ค. ทางกองทัพบกรายงานว่า มีกำลังพลเสียชีวิตจากเหตุสู้รบเมื่อวันที่ 28 ก.ค. เพิ่มอีก 3 นาย รวมเป็น 14 นาย นับตั้งแต่ที่มีการปะทะกันเมื่อวันที่ 24 ก.ค. เป็นต้นมา

ชาวกัมพูชากำลังรับอาหารขณะพักอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวของ จ.อุดรมีชัย
สำหรับข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบของฝ่ายกัมพูชา บีบีซีไทยได้รับข้อมูลจาก น.ส.ชาน กรรมการบริหารสื่ออิสระกัมพูชา (CCIM) ว่ามีข้อมูลตัวเลขที่อัปเดตถึงวันที่ 26 ก.ค. โดยโฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 13 คน เป็นทหาร 5 นาย และพลเรือน 8 ราย ขณะที่ผู้บาดเจ็บรวม 71 คน เป็นทหาร 21 นาย และพลเรือน 50 ราย

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่าฝ่ายไทยจะดูแลทหารกัมพูชา 18 นายที่ควบคุมตัวมา "ตามแบบปฏิบัติในทางทหารของสากล และยึดหลักมนุษยธรรมสากล"
ขณะที่ช่วงเย็นที่ผ่านมา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าฝ่ายไทยมีการควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย จากพื้นที่ ซำแต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ภายหลังเกิดการปะทะกัน โดยยืนยันว่าเป็นการ "ปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด"
โดยทหารฝ่ายกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัว ประกอบด้วย ชั้นยศ ร้อยตรี 1 นาย, จ่าสิบโท 2 นาย, สิบเอก 12 นาย, สิบโท 2 นาย, สิบตรี 1 นาย โดยในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บ 1 นาย ถูกกระสุนบริเวณสะโพกข้างขวาและแขนซ้าย ซึ่งภายหลังฝ่ายไทยได้ส่งเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลแล้ว
โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ทหารกัมพูชาทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุม ณ พื้นที่ปลอดภัยของกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งได้จัดเตรียมการดูแลขั้นพื้นฐานไว้ให้ ทั้งเสื้อผ้า อาหาร น้ำดื่ม และการรักษาพยาบาล ตามความจำเป็น โดยจะดูแลให้เป็นไปตามแบบปฏิบัติในทางทหารของสากล และยึดหลักมนุษยธรรมสากล
พล.ต.วินธัย ยังเปิดเผยอีกว่า ในจุดปะทะดังกล่าวยังพบผู้เสียชีวิตอีก 2 นาย ซึ่งฝ่ายไทยจะดำเนินการส่งคืนร่างของผู้เสียชีวิต ตามหลักปฏิบัติสากลในการปฏิบัติต่อศพในภาวะสงคราม

สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมไว้อาลัยและสดุดี พล.ท.ดวง สำเนียง ผู้บัญชาการกองพลแทรกแซงที่ 7 ซึ่งเสียชีวิตระหว่างการปะทะเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวขแมร์ไทมส์รายงานว่าวันนี้สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นำตัวแทนจากรัฐบาลกัมพูชา อาทิ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม, นายซอร์ ซกคา รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ของกัมพูชา ร่วมไว้อาลัยและสดุดี พล.ท.ดวง สำเนียง ผู้บัญชาการกองพลแทรกแซงที่ 7 ซึ่งเสียชีวิตระหว่างการปะทะเมื่อวันเสาร์ที่ 26 ก.ค. ด้วยวัย 67 ปี
ปฏิกิริยาจากฝ่ายการเมืองของไทย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยขณะเดินทางเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระบุว่า ไม่ได้แปลกใจกับความไม่สุภาพบุรุษ หลังถูกถามกรณีทหารกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยหลังจากนี้จะมีการแจ้งให้กับประเทศที่เข้ามาเป็นพยานทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายภูมิธรรม ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ยังมีการปะทะกันหลังจากช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมาว่าฝ่ายไทยยึดมั่นในข้อตกลง แต่ทหารกัมพูชาไม่มีวินัย ฝ่ายไทยจึงต้องตอบโต้ตามสถานการณ์ เช่น หากยิงปืนเล็กมาก็ยิงปืนเล็กกลับ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ยังสงบ ไม่ได้มีการยกระดับ
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีของไทย ยังระบุด้วยว่าขอให้รอดูการผลหารือในเวลา 10.00 น. ซึ่งแม่ทัพภาคของทั้งสองประเทศจะเป็นผู้หารือกัน ซึ่งหลังจากพูดคุยน่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อสักครู่ รมว.กลาโหม ของกัมพูชาได้โทรศัพท์หาตนเอง ซึ่งตนเองจะประสานให้มีการโทรกลับไปคุย
ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนจะไปเจรจา นายภูมิธรรมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าการจะหยุดยิงต้องให้กัมพูชาแสดงความจริงใจ ด้วยการปรับกำลังและอาวุธหนักออกจากพื้นที่ แต่ทางามเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่าการหยุดยิงต้องไม่มีเงื่อนไข แต่ "ไปเจรจากันอย่างไรถึงออกมาเป็นเช่นนี้"
นายภูมิธรรม ตอบกลับว่า สื่อคงเข้าใจผิด เพราะการพูดเรื่องหยุดยิงหมายถึง "ให้ยุติดำเนินการ" ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจบ โดยการหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข คือ ให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะหยุดยิงเมื่อไหร่ ส่วนการเจรจาหลังจากนั้น มีการกำหนดอยู่แล้วว่าให้เจรจาตามกลไก ซึ่งเป็นเรื่องที่กองทัพจะเจรจา โดยในรายละเอียดคงต้องพูดคุยกันผ่านกลไก RBC และ GBC เพื่อให้ได้ข้อสรุป
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรียังปฏิเสธคำถามที่ว่าฝ่ายการเมืองโยนงานให้กับทหารหน้างาน โดยยืนยันว่าทุกอย่างมีการพูดคุยกันมาตลอด โดยให้กองทัพเป็นฝ่ายตัดสินใจ และประสานกับฝ่ายการเมือง
อย่างไรก็ตามเขายืนยันว่ากระทรวงกลาโหม, 4 เหล่าทัพ, รวมถึงรัฐบาล ทำงานเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน และเป็นเอกภาพ
เขายังเปิดเผยด้วยว่าจะใช้กลไกทวิภาคีในการพูดคุยกับกัมพูชาภายหลังจากเสียงปืนสิ้นสุดลง ส่วนจะเดินหน้าเอาผิดกัมพูชาในฐานละเมิดอาชญากรรมสงครามหรือไม่ ต้องรอพูดคุยกัน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าในที่ประชุม ครม. วันนี้ได้เน้นย้ำให้กองทัพปกป้องอธิปไตยของไทยและบูรณภาพแห่งดินแดน รวมถึงให้ตรึงกำลังไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าในลำดับต่อไปจะแจ้งไปยังสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นผู้สังเกตการณ์ตั้งแต่การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวานนี้ว่าทางกัมพูชาละเมิดการหยุดยิงหลังเที่ยงคืนในรูปแบบไหนและอย่างไรบ้าง
ด้านนายภูมิธรรมกล่าวในการแถลงร่วมเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ว่าจะทำเรื่องประท้วงไปยังประธานอาเซียนด้วย

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศของไทย ระบุไทยดึงกัมพูชากลับมายังกลไกทวิภาคีได้สำเร็จ
ในการแถลงที่กระทรวงการต่างประเทศช่วงบ่ายวันนี้ นายมาริษ รมว.ต่างประเทศของไทย บอกว่า นานาชาติสนับสนุนแนวทางการแก้ไขของประเทศไทยที่ใช้กลไกทวิภาคีเป็นแนวทางหารืออย่างสันติและจริงใจ และจากการเจรจาหยุดยิงซึ่งจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวานนี้ ก็ทำให้เห็นว่าไทยประสบความสำเร็จในการดึงให้กัมพูชามาพูดคุยภายใต้กลไกทวิภาคีต่าง ๆ ที่มีอยู่ โดยมีมหาอำนาจ เช่น จีน และสหรัฐฯ รวมถึงอาเซียน ร่วมกันเป็นพยาน
เขาเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่าทางกระทรวงการต่างประเทศจะส่งหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังประธานอาเซียน รวมถึง นายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศของจีน และ นายมาร์โค รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าทางกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างไรบ้าง
พร้อมกันนี้ ตนเองได้ต่อสายให้นายภูมิธรรมพูดคุยกับนายอันวาร์แล้ว เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเผอิญว่านายปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซียอยู่กับนายอันวาร์ด้วย จึงได้รับฟังข้อเท็จจริงจากฝ่ายไทยพร้อมกัน
https://www.bbc.com/thai/articles/cvgvdygrvvko