
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
15 hours ago
·
เสียงจาก “พรชัย”: ผิดหวังต่อนิรโทษกรรมที่ไม่รวม ม.112 กับปัญหาสุขอนามัยในเรือนจำที่ยังไม่ถูกแก้ไข
.
.
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 ทนายความเข้าเยี่ยมพรชัย วิมลศุภวงศ์ ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ เขาถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ด้วยโทษรวม 12 ปี จากการถูกกล่าวหาว่าโพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ และถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2567 ถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 1 ปี 3 เดือนเศษแล้ว
.
.

.
หลังจากถามไถ่สารทุกข์ พรชัยเล่าอีกครั้งถึงสภาพความเป็นอยู่ด้านในแดน 5 ของเรือนจำ ว่ามีความแออัดมาก ผู้ต้องขังมีกว่า 1,700 คนแล้ว แต่ละห้องต้องนอนเบียดเสียดกัน ทำให้เกิดโรคระบาดได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นวัณโรค หรือผื่นคัน
.
พรชัยกังวลว่าตนจะติดโรคติดต่อต่าง ๆ อยู่ไม่น้อย ก่อนหน้านี้เขาเป็นผื่นคันตามขา เนื่องจากอากาศชื้นและโรคผื่นคันระบาดข้างใน แต่เขาก็ได้ซื้อยามาทานและทาจนหายเองแล้ว ที่จำเป็นต้องซื้อเพราะหากต้องการพบแพทย์เพื่อได้รับยาจะใช้เวลานานมากกว่าจะได้
.
เรื่องปัญหาการขาดแคลนน้ำยังคงไม่ดีขึ้น จากเดิมที่น้ำไม่สะอาด ไม่สามารถดื่มได้อยู่แล้ว ตอนนี้น้ำยังไม่พอใช้เลย เนื่องจากแดนที่พรชัยอยู่ชั้น 3 เจ้าหน้าที่ก็อ้างว่าแรงดันน้ำไม่เพียงพอ ทำให้น้ำขาดแคลนบ่อย ๆ แต่พรชัยก็ตั้งข้อสงสัยว่าเครื่องสูบน้ำมีปัญหาหรือไม่
.
ปัจจุบันพรชัยแก้ปัญหาด้วยการซื้อน้ำขวดในเรือนจำเพื่อนำมาใช้อุปโภค บริโภค ซึ่งก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะพอสมควร แต่เพื่อสุขอนามัยและป้องกันการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มาจากน้ำไม่สะอาดด้วย ก็ต้องยอม
.
“ทั้งน้ำ อาหาร และการรักษาที่ไม่เพียงพอ ทำให้สุขภาวะหรือสุขภาพของคนข้างในเรือนจำแย่มาก หรือการเข้าถึงการรักษาโรคหรือปฐมพยาบาลที่ล่าช้า บางกรณีก็ถูกละเลยเลย” พรชัยเล่าสถานการณ์
.
.

.
เมื่อพรชัยได้ฟังข่าวผลการอภิปรายในวาระพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฯ ของสภาผู้แทนราษฎร โดยสภาโหวตคว่ำร่างนิรโทษกรรมฉบับของประชาชน และของอดีตพรรคก้าวไกล โดยรับหลักการร่างกฎหมายเฉพาะ 3 ฉบับ คือฉบับพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตพรรคครูเพื่อประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะไม่รวมคดี ม.112
.
พรชัยถอนหายใจยาวพร้อมกล่าวว่า “มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ… การที่สมาชิกผู้แทนราษฎรพยายามเน้นการนิรโทษกรรมเฉพาะแต่ส่วนที่สังคมยอมนับได้ก่อน มันน่าสังเกตว่า คดีเกี่ยวกับ ม.112 มันไม่ใช่การใช้เสรีภาพในทางการเมืองหรือ หรือมันคือการใช้เสรีภาพทางการเมืองที่สังคมไม่ยอมรับเท่านั้นเอง”
.
พรชัยนึกย้อนไปตอนที่แพรทองธาร ชินวัตร หาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้ง เรื่องการคืนเสรีภาพให้นักโทษการเมือง ปัจจุบันจะเข้าปีที่ 3 ที่รัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาบริหารแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่คืบหน้าหรือสำเร็จเลย
.
“อย่างนั้นผมจะได้อยู่ในนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน… ผมไม่สมควรมาอยู่ที่ตรงนี้เลยจริง ๆ นะ เราไม่ใช่อาชญากร เราไม่มีกำลังจะโค่นล้มอะไรได้ เราเพียงแต่พูด แสดงออกแบบที่เราอยากให้ประชาธิปไตยเดินหน้าไปทางใดเท่านั้นเอง
.
“ผมไม่มีอิทธิพลอะไรหรอกครับ ผมก็คนไทยคนหนึ่งที่มี 1 เสียงเท่ากัน และตั้งใจอยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้นก็เท่านั้น”
.
.

.
หลังจากนั้น พรชัยกล่าวถึงประเด็นสถานการณ์ไทย-กัมพูชาที่กำลังเป็นข่าวร้อน เขามองว่าเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นรัฐไทยก็มีอำนาจตอบโต้ได้ตามมาตรฐาน และตามหลักการสากล แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เห็นว่าควรแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจากันอย่างสันติ
.
“อย่าลืมว่า ไม่ว่าจะมีการตอบโต้ทางการทหารมากน้อยเพียงใด ผู้ที่เสียหายโดยตรงคือประชาชน”
.
พรชัยเล่าให้ฟังว่าเขามีคนรู้จักประเทศใกล้เคียงไม่ว่าจะเป็นเมียนมา หรือกัมพูชา เมื่อเป็นประเทศใกล้เคียงกันก็ย่อมจะต้อมพึ่งพาอาศัยกัน เขาไม่อยากให้เกิดความเสียหายทั้งกายและจิตใจของทั้งสองฝ่าย
.
“ผมว่าการสนับสนุนสงครามไม่ใช่การรักชาตินะ เพราะถ้าเกิดสงครามจริง ๆ มันสร้างความเสียหายมหาศาลแก่ชาติไม่ใช่หรือ ทั้งเศรษฐกิจ ชีวิต ร่างกาย ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน งบประมาณ การบริหารประเทศ ไหนจะเรื่องทรัพยากร สิ่งแวดล้อมอีก ดังนั้นผมมองว่า การรักชาติไม่จำเป็นต้องสนับสนุนให้เกิดสงครามหรอกครับ”
.
ก่อนจากกัน พรชัยยังฝากถึงสื่อต่าง ๆ ที่มีบทบาทสร้างความรับรู้ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นสื่อกระแสหลักหรือไม่ก็ตาม ควรจะนำเสนอข่าวที่หลีกเลี่ยงเนื้อหาสร้างความเกลียดชังต่อพี่น้องประชาชนทั้งสองฝ่าย
.
“ความเสียหายไม่ได้เกิดกับผู้นำหรือคนเริ่มเรื่องหรอก แต่ทุกอย่างตกอยู่แก่ประชาชน เป็นความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย เศรษฐกิจยามสงคราม ฯลฯ ทุกอย่างตกอยู่กับประชาชนทั้งนั้น”
.
.

https://www.facebook.com/photo?fbid=1156593682977767&set=a.656922399611567