วันพุธ, เมษายน 16, 2568

ปัญหาน่าคิด ถ้ารัฐและท้องถิ่น มีความจริงใจที่จะสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมประชาชน ตามเจตนารมณ์ของเทศกาลอย่าง "ยั่งยืน" จริงๆ ควรวางแผนเลิกทำเทศกาลเอง แล้วส่งไม้ต่อให้เอกชน หรือชุมชน ได้แล้ว


Supakorn Sirisoontorn
18 hours ago
·
ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งของการจัดงานเทศกาล/มหกรรม คือการที่หน่วยงานรัฐวางตัวเป็นเจ้าของเทศกาล ทั้งในเชิงแบรนด์เทศกาล การบริหารจัดการ และสถานที่จัดงาน
งานสงกรานต์ถนนข้าวเหนียวซึ่งเทศบาลนครเป็นเจ้าของ ปีนี้กลับกร่อยอย่างน่าใจหายเมื่อเจอพิษการเมืองท้องถิ่นและห้วงเวลาก่อนเลือกตั้ง แต่การจัดงานโดยเอกชนรอบๆ พื้นที่กลับคึกคักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จนตอนนี้เรียกได้ว่าขอนแก่นปิดเมืองเล่นสงกรานต์ก็ว่าได้ ถนนทุกเส้นที่ไม่ใช่ถนนข้าวเหนียว เนืองแน่นไปด้วยผู้คนหลายแสนคนทุกวัน สร้างหมุดหมายใหม่ "สงกรานต์เมืองขอนแก่น" ขึ้นมาแทน ในขณะที่ถนนข้าวเหนียวปลอดเหล้า หยุดกิจกรรมบันเทิงกันตั้งแต่สองทุ่ม
ที่จริงการริเริ่มปลุกปั้นงานเทศกาลขึ้นมานั้นเป็นเรื่องดี และกว่างานเหล่านี้จะติดตลาดจนเป็นที่นิยม ก็ต้องอาศัยเวลาและการทำงานอย่างหนักรวมถึงใช้งบประมาณไม่น้อยด้วย
แต่พวกเราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าองค์กรของรัฐ มีข้อจำกัดในการขับเคลื่อนเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นระเบียบต่างๆ ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ การติดอยู่กับพิธีการรุงรัง ไปจนถึงการต้องแบกมาตรฐานความดีงาม เช่นการปลอดสุรา การแต่งกายสุภาพ การอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิม ฯลฯ ยังไม่รวมเรื่องคอรัปชั่นและเงินทอน ซึ่งสิ่งเหล่านี้กลายมาเป็นอุปสรรคของงานเทศกาล และลดคุณภาพของเทศกาล จนผู้คนไม่อยากมาร่วมงานในที่สุด
สิ่งที่ควรจะเป็นที่รัฐควรทำคือมี exit plan ไว้แต่แรก โดยรัฐควรจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่หมายมั่นปั้นมือจะให้เป็นผู้สานต่อเทศกาล ซึ่งหลายครั้งก็เป็นองค์กรที่ถูกจัดตั้งเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกับเทศกาล เช่น สมาคมผู้ประกอบการในย่านจัดงาน กลุ่มอาสาชุมชน/ย่าน สมาคมนักสร้างสรรค์ เป็นต้น และเมื่องานสำเร็จแล้ว ติดตลาดแล้ว รัฐก็ค่อยๆ ลดบทบาทของตนเองลงแล้ว ให้องค์กรเหล่านี้เข้ามา Lead เทศกาลแทน โดยองค์กรของรัฐอาจทำหน้าที่เพียงสนับสนุนงบประมาณ ประชาสัมพันธ์ และอำนวยความสะดวกเท่านั้น
ตัวอย่างงานที่เมื่อไปอยู่ในมือเอกชน แล้วประสบความสำเร็จ คือ งานเคาท์ดาวน์ราชประสงค์ ที่ดำเนินการโดยสมาคมผู้ประกอบการในย่านที่ลงขันกัน สร้างสรรค์งานจนเป็นหมุดหมายสำคัญระดับโลกได้ กทม. เป็นเพียงผู้สนับสนุนและอำนวยความสะดวกเท่านั้น
ในฐานะคนที่ได้ไปท่องเที่ยว รวมไปถึงมีส่วนร่วมกับหลายๆ เทศกาล ทั้งดีไซน์วีค ปีใหม่สงกรานต์ ถึงจุดนึงเรามักได้เห็นงานเหล่านี้ไม่มีไอเดียใหม่ๆ ในการจัดงานอีกต่อไป พื้นที่กลายเป็นเหมือนตู้โชว์ ที่เอาคอนเท้นต์มาดิสเพลย์ใหม่ไปเรื่อยๆ หรือกระทั่งสร้างสถิติจำนวนนับให้มากขึ้นทุกปี จ่ายเงินให้กินเนสบุ๊คแพงๆ เพื่อให้ได้เป็นหน้าสถิติ ในที่สุดเมื่อคนเบื่อมุขนี้ เทศกาลก็จะเหลือเพียงความจืดชืด ไม่สามารถดึงดูดคนเดิมให้มาซ้ำ ส่วนคนใหม่ๆ ก็ไม่อยากจะเข้ามา
สรุป ถ้ารัฐและท้องถิ่น มีความจริงใจที่จะสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมประชาชน ตามเจตนารมณ์ของเทศกาลอย่าง "ยั่งยืน" จริงๆ ควรวางแผนเลิกทำเทศกาลเอง แล้วส่งไม้ต่อให้เอกชน หรือชุมชน ได้แล้ว

https://www.facebook.com/supakorn.sirisoontorn/posts/10228069708789907