วันพุธ, เมษายน 16, 2568

ขีดเส้น 19 เม.ย. ถ้า รมว.พลังงาน ไม่ชะลอลงนามสัญญารับซื้อไฟฟ้า คนไทยต้องจ่าย #ค่าไฟแพง อีก 25 ปี


พรรคประชาชน - People's Party 
8 hours ago
·
[ ขีดเส้น 19 เม.ย. ถ้า รมว.พลังงาน ไม่ชะลอลงนามสัญญารับซื้อไฟฟ้า คนไทยต้องจ่าย #ค่าไฟแพง อีก 25 ปี ]
.
ปลายปีที่แล้วจำได้หรือไม่? ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และ ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ ถึงปัญหาความไม่โปร่งใสและไม่คุ้มค่า โดยถามในสภาฯ 2 ครั้ง เรียกร้องให้นายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ใช้อำนาจยกเลิกโครงการ แต่นายกฯ ไม่เคยมาตอบ ในที่สุดเสียงคัดค้านของประชาชนทั่วประเทศทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เคาะมติ กพช. ให้ชะลอการรับซื้อออกไปก่อน
.
แต่นี่ไม่ใช่โครงการเดียวที่มีปัญหา! ก่อนหน้ารอบ 3,600 เมกะวัตต์ ยังมีรอบ 5,200 เมกะวัตต์ เป็นการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเหมือนกัน ซึ่ง สส.ศุภโชติ ได้ตั้งคำถามหลายครั้งถึงปัญหาที่มีเหมือนการรับซื้อรอบสอง (3,600 เมกะวัตต์) ไม่ว่าจะเป็น
ไม่เปิดให้มีการประมูล ผลการคัดเลือกออกมามีเอกชนกลุ่มทุนไม่กี่รายที่ได้สัมปทานไปเกือบทั้งหมด
กำหนดราคารับซื้อ แพงกว่าที่ควรเป็น
ไม่ได้กำหนดวิธีการให้คะแนนเอกชน
ศาลปกครองยังพูดถึงโครงการนี้ ว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นส่อให้เกิดการทุจริต
.
มีการคำนวณไว้ว่าหากปล่อยให้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้านี้ จะทำให้ประชาชนคนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงกว่าที่ควรเป็นกว่า 1 แสนล้านบาทตลอดระยะเวลา 25 ปี
.
ดังนั้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 10 เม.ย. ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน จึงตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อนายกรัฐมนตรีว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งนายกฯ มอบหมายให้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน มาเป็นผู้ตอบกระทู้แทน
.
[ รัฐบาลซุ่มเงียบให้เอกชนเซ็นสัญญา 19 เม.ย. ]
.
ศุภโชติกล่าวว่า แทนที่รัฐบาลจะสั่งให้มีการชะลอการลงนามซื้อขายไฟฟ้าเฟสแรก 5,200 เมกะวัตต์ เหมือนกรณีเฟสสอง 3,600 เมกะวัตต์ รัฐมนตรีกลับทำตรงกันข้ามให้เอกชนเข้ามาลงนามสัญญาแบบเงียบๆ โดยที่รู้ว่ารัฐบาลมีสิทธิที่จะยกเลิกได้เฉพาะโครงการที่ยังไม่ได้ลงนามสัญญาเท่านั้น
.
ดังนั้น คำถามแรก
- ทำไมรัฐมนตรีถึงไม่สั่งชะลอการลงนามสัญญา เหมือนที่ทำกับโครงการเฟสสอง ทั้งที่เป็นโครงการที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน
- รัฐมนตรีจะสั่งให้ชะลอหรือยกเลิกการลงนามสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในเฟสแรก ในส่วนของโครงการที่เหลือที่ยังไม่ได้ลงนามได้หรือยัง เพราะจากกำหนดการรัฐบาลจะให้เอกชนเข้ามาลงนามทั้งหมดภายในวันที่ 19 เมษายน 2568 นี้
- โครงการที่ได้ลงนามซื้อขายไฟฟ้าไปแล้ว รัฐบาลจะเอาอย่างไร จะกลับไปแก้ไขได้หรือไม่
.
ด้านพีระพันธุ์ระบุว่า ทั้ง 2 โครงการตนและนายกฯ ไม่เคยเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้น แต่ก็ปฏิเสธที่จะไม่ทำอะไรไม่ได้ ตนไม่เอาด้วยกับอะไรที่ไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ตนและคณะกรรมการที่นายกฯ ตั้งขึ้นมาพบในขณะนี้ คือความสับสนเรื่องกฎหมายและอำนาจหน้าที่ กกพ. มีการกำหนดระเบียบเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างไฟฟ้าเป็นการเฉพาะเป็นของตัวเอง มีอำนาจออกกฎเกณฑ์กติกาเป็นครั้งๆ โดยไม่อิงกับระเบียบกลางได้ ซึ่งตนก็ไม่เคยเจอและขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่าถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้คณะกรรมการก็กำลังดูกฎหมายอื่นที่เป็นกฎหมายกลางประกอบด้วย เช่น กฎหมายป้องกันการสมยอมในการเสนอราคา หากมีลักษณะเช่นนั้นก็ทำไม่ได้ ถ้าพบสิ่งที่ผิดปกติก็จะเป็นเหตุให้รัฐบาลดำเนินการยกเลิกหรือดำเนินการอย่างอื่นให้ถูกต้องต่อไป
.
ในส่วนของ 5,200 เมกะวัตต์ ทั้งหมดมี 175 โครงการ แบ่งเป็นของ กฟผ. 94 โครงการ ลงนามสัญญาไปแล้ว 84 โครงการ เหลือประมาณ 19 ราย ซึ่งตนก็มีความกังวล แต่จากการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พบว่ามีความแตกต่างจากโครงการที่ตนสั่งชะลอไปแล้ว 3,600 เมกะวัตต์ เพราะกรณี 5,200 เมกะวัตต์มีการลงนามสัญญาไปแล้วในส่วนของ กฟผ. 84 โครงการ จะทำให้เกิดปัญหาถ้าไปสั่งชะลอแบบเดียวกัน แต่หากตรวจพบขึ้นมาเมื่อไหร่ว่ามีความผิดปกติ ก็จะมีการหาช่องทางดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
.
ทั้งนี้ ในส่วนที่เหลือตนได้แจ้งไปทาง กฟผ. แล้วว่าสัญญาต่างๆ ที่จะต้องลงนามต่อไปนี้ หากตรวจพบว่าโครงการใดไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมาย ต้องมีเงื่อนไขในสัญญาให้ กฟผ. มีสิทธิยกเลิกได้ ดังนั้น ในส่วนของ 5,200 เมกะวัตต์ หากมีการตรวจพบก็จะมีการช่องทางตามกฎหมายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
.
[ ขั้นต่ำควรชะลอลงนามสัญญา ]
.
ศุภโชติถามต่อว่า การระบุว่าโครงการรับซื้อ 5,200 เมกะวัตต์ไม่เหมือนรอบ 3,600 เมกะวัตต์นั้น ตนไม่เห็นด้วยเสียทีเดียว ปัญหามีลักษณะเดียวกันคือการกำหนดนโยบายในส่วนเดียวกัน อัตราการรับซื้อก็เป็นอัตราเดียวกัน หากยกเลิกโครงการหนึ่งได้แต่ยกเลิกอีกโครงการหนึ่งไม่ได้ ตนเห็นว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนเกินไป ทั้งๆที่ระเบียบของการรับซื้อไฟฟ้าแต่ละรอบก็ระบัไว้ชัดเจนว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานสามารถออกมติระงับหรือยกเลิกการรับซื้อไฟฟ้าได้ หากยังไม่มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
.
ทั้งนี้ ตนไม่ได้เห็นว่าต้องมีการยกเลิกทั้งหมดทีเดียว กลุ่มที่ยังไม่ได้ลงนามสัญญาควรจะใช้มาตรฐานเดียวกับกลุ่ม 3,600 เมกะวัตต์ด้วยซ้ำ ส่วนกลุ่มที่มีการลงนามไปแล้วใช้อีกวิธีการหนึ่งได้ แต่อย่างน้อยต้องมีการออกมติมาให้ชะลอก่อน รัฐมนตรีในฐานะรองประธาน กพช. ก็เป็นเลขานุการ สามารถชงวาระเข้าที่ประชุม กพช. ได้เลย แต่จนถึงวันนี้รัฐมนตรียังไม่ทำ
.
ตนจึงมีคำถามเกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ ซึ่งได้มีการสั่งชะลอและมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาแล้ว ถ้าดูกระบวนการตามกฎหมาย การรับซื้อไฟฟ้าในรอบใดก็ตามอาจไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมายเลย ทำตามกฎหมายทุกอย่าง แต่ที่จะผิดคือการที่รัฐมนตรียอมให้มีการเอื้อกำไรให้กลุ่มทุนพลังงานมากเกินไป ประชาชนแบกรับต้นทุนไฟฟ้าตรงนี้ไปแล้ว 1 แสนล้านบาทจากโครงการ 5,200 เมกะวัตต์ และกำลังจะต้องแบกรับอีก 1 แสนล้านบาทจากโครงการ 3,600 เมกะวัตต์
.
จึงกังวลว่าคณะกรรมการที่รัฐมนตรีตั้งขึ้นมา เมื่อไปตรวจสอบแล้วสุดท้ายอาจไม่มีความผิดตามกฎหมายเลย ยิ่งเมื่อไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเฟสแรก จะปล่อยให้เรื่องนี้เงียบแล้วค่อยมีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือ คำถามคือรัฐมนตรีจะเอาอย่างไร จะยกเลิกการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์หรือไม่
.
ในส่วนของพีระพันธุ์ ระบุว่าที่ยืนยันว่าแตกต่างกันเพราะในส่วนของ 5,200 เมกะวัตต์มีการลงนามสัญญาไปแล้ว 84 โครงการ แต่ในส่วน 3,600 เมกะวัตต์ยังไม่มีการลงนามแม้แต่สัญญาเดียว
.
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองกำลังตรวจสอบว่าเงื่อนไขราคาทำไมไม่เปลี่ยนแปลง และตนยังได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าทำไมไม่กำหนดเงื่อนไขใหม่ แต่สิ่งที่ได้รับคำชี้แจงคือเป็นการขยายจากโครงการเดิมจึงต้องใช้ราคาเดิม ซึ่งตนไม่เห็นด้วย และคณะกรรมการที่กำลังพิจารณาอยู่ก็ไม่เห็นด้วย อีกทั้งตนกำลังตรวจสอบต่อไปว่ามีลักษณะเป็นการผิดกฎหมายฮั้วประมูลด้วยหรือไม่ ไม่ได้มีแค่เรื่องราคาที่เป็นที่โต้เถียงกัน ที่ กกพ. ยืนยันว่าถูกต้อง
.
.
สรุปตอนนี้…
รับซื้อรอบแรก 5,200 เมกะวัตต์ รัฐบาลลงนามไปแล้วบางโครงการ ส่วนที่เหลือได้นัดเอกชนมาลงนามทั้งหมด วันที่ 19 เม.ย. ที่จะถึง
รับซื้อรอบสอง 3,600 เมกะวัตต์ รัฐบาลสั่งชะลอเมื่อปลายปี 2567 ให้เหตุผลว่า “เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง” แต่ไม่ได้บอกกรอบเวลาว่าจะชะลอถึงเมื่อไร ศุภโชติเคยเสนอแล้วว่า นายกฯ รมว.พลังงาน และ กพช. ควรออกมติยกเลิกการรับซื้อครั้งนี้ แล้วเพิ่มโควตา Direct PPA หรือการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ใช้ไฟฟ้าหรือโรงงานที่ผลิตสินค้ากับผู้ผลิตไฟฟ้าสะอาดแทน
.
ประชาชนต้องจับตาใกล้ชิด นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จะแสดงภาวะผู้นำจัดการเรื่องนี้อย่างไร หรือจะปล่อยจอยลอยตัว เพิกเฉยให้นโยบายที่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนสูบเงินจากคนไทยผ่านบิลค่าไฟต่อไปอีกนับสิบปี

https://www.facebook.com/photo/?fbid=122148261014480817&set=a.122093096804480817