สี่แยกไทยรักไทย การเมืองบ้านใหญ่ การเมืองบ้านใหม่..

Khanesnat Simmalakhot
February 2
·
การเมืองบ้านใหญ่ การเมืองบ้านใหม่..
1.
ทำการเมืองต้องใช้เงิน ทำการเมืองต้องมีเงิน แต่การที่จะทำการเมืองแล้วไม่สูญเงินโดยเปล่าประโยชน์ มากกว่าใช้เงินต้องใช้สมอง ใช้พละกำลังความสามารถให้ได้ ให้เป็น
.
เรียกได้ว่า เงินนั้นเป็นส่วนเสริมที่จะทำให้ขาของการเมืองท้องถิ่นเดินไปได้สะดวกขึ้น
.
แต่ความเป็นจริงเหนือกว่านั้น ประชาชนรับเงินหมาแล้วกาใครก็ได้ และโดยสัจธรรมของการเมือง ประชาชนย่อมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามบทเรียน ไปตามวาระเวลา
.
เป็นคนเกิดไม่นาน แต่ความจำดี จำได้ว่า นักการเมืองหลายคน กว่าจะมาเป็นบ้านใหญ่ได้ ไม่ใช่แค่แรงเงิน นับมาจากสมัยสังข์ทอง ศรีธเรศ ชิงชัย มงคลธรรม ผู้คนเหล่านี้ ล้วนแต่ทำการเมืองแบบอยู่เคียงข้างประชาชน พอประชาชนไปยืนร้องอยู่หน้าบ้าน นักการเมืองเหล่านี้ก็จะดำเนินการช่วยเหลือทุกอย่าง เมื่อก่อนชาวบ้านมีเรื่องเดือดร้อน ชิงชัย มงคลธรรม หากระทั่งทนายอาสาไปช่วยเหลือ รวมทั้งเมื่อได้เป็น รมช. แล้วทั้งครูทอง สังข์ทอง ศรีธเรศ และชิงชัย มงคลธรรม ก็ผลักดันให้เกิดสถาบันอุดมศึกษาในบ้านเกิดของตัวเอง จนเกิดเป็นมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ในปัจจุบัน
.
ปัจจุบันชิงชัย มงคลธรรม ยุติธรรมบทบาททางการเมืองไปแล้ว เหลือแต่ตำนาน ส่วนครูทอง เสียชีวิตไปเมื่อหลายปี แต่ภรรยา น้องชาย ปัจจุบันคือลูกชาย ลง ส.ส. ในนามพรรคแดงมายาวนาน และนั่นคือบารมีบ้านใหญ่ ที่ไม่ใช่พ่อค้าวานิช แต่เป็นคนปอนปอน เป็นคนจน ๆ มาจากครอบครัวชาวนา
.
หรือตัวอย่างนักการเมืองบ้านใหญ่ บ้านใกล้เรือนเคียงกาฬสินธุ์ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับสองท่านที่กล่าวมา ก็เช่น ครูสุทิน คลังแสง แห่งมหาสารตาม
.
บทบาทของการเป็นบ้านใหญ่ทางการเมือง แม้จะสืบทอดวงวารก็ไม่ได้เสียหาย หากเจตนารมณ์ทางการเมืองแตกหน่อต่อยอดกันมาด้วย
.
2.
การเมืองบ้านใหญ่ ไม่ได้มีเพียงในสนามเลือกตั้งระดับ ส.ส. เท่านั้น หากแต่การจะพยุงกันไปได้ทั้งองคาพยพ การเมืองท้องถิ่นก็ต้องมีเครือข่ายเพื่อผลักดันกันไป นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่พรรคสีแดงมีบ้านใหญ่ อบจ. เป็นของตัวเองมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย
.
เพราะการพยุงกันไปในทางของการรักษาคะแนนเสียงให้ได้นั้น ในการขับเคลื่อนด้านนโยบายจะต้องสอดรับกันไป เช่น เรื่องที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของท้องถิ่น ก็ส่งไปยังคนที่อยู่ในสภา เรื่องที่สามารถทำโดยอำนาจของท้องถิ่นได้เลย ก็ส่งให้ท้องถิ่นจัดการ เป็นการผสาน ผนึกกำลัง ในการรับใช้ประชาชน แม้จะเลี่ยงไม่ได้ว่าคนที่เอาตัวเองมาเล่นการเมืองท้องถิ่นจะต้องใช้เครือข่ายธุรกิจมาขับเคลื่อนการทำการเมือง เพราะการทำการเมืองให้เขาถึงประชาชน ต้องใช้เงิน ใช้ทรัพยากร
.
และการทำการเมืองที่เข้าใจการบริหารทรัพยากรนี้ ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยผงาดในอีสานมาตั้งแต่สมัยเป็นไทยรักไทย
.
3.
แต่หลังจากลุงโทนี่กลับมาคืนสังเวียนการเมืองในรอบนี้ ก็มีหลายอย่างที่แปลกไปจากเดิม บางพื้นที่พลิกไปจากเดิม จากหน้ามือเป็นหลังมือ(ว่าอย่างสุภาพ)
.
การเมืองบางพื้นที่เหมือนแร้งทึ้ง สถานการณ์เหมือนลุงประยุทธ์ คนเชียร์ก็เชียร์กันเข้ารกเข้าพง มุดดงหาทางออกไม่ได้
.
ที่เห็นได้ชัด.. อย่างการเมืองบ้านใหญ่กาฬสินธุ์ ที่ป้ารื่น บุญรื่น ศรีธเรศ ลามือเพราะอายุมาก ทำให้เขต 1 กาฬสินธุ์ว่างเว้น พรรคเพื่อไทยได้นักการเมืองที่หาเสียงกับพรรคสีน้ำเงินมาตลอดมาลงเขต 1 กาฬสินธุ์ แทน ทำให้ครั้งนั้น เขต 1 กาฬสินธุ์ ชนะด้วยคะแนนถล่มทลาย เพราะเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยจากทีม ส.ส.บุญรื่น ศรีธเรศ ทำไว้ +ฐานเสียงของพรรคสึน้ำเงินที่ย้ายมาลงเพื่อไทย
.
กระนั้นคะแนนเขตเมืองยังถือว่าไม่ได้ชนะพรรคส้มขาด
.
มีกองเชียร์ส่วนหนึ่งรณรงค์กาพรรค ไม่กาคน นั่นเป็นจุดแตกหักเล็ก ๆ แรก ๆ ของพรรคเพื่อไทยกับบ้านใหญ่หลังเดิมที่ทำท้องถิ่นท้องถิ่นที่กาฬสินธุ์ ทั้งเทศบาล และ อบจ.
.
กระทั่งครั้งล่าสุด ของการเลือกตั้ง อบจ. ทั่วประเทศ ที่กาฬสินธุ์ไม่ได้เลือกนายก อบจ. เพราะยังอยู่ในวาระ เนื่องจากการเลือกตั้ง อบจ. ในปี 63 เฉลิมขวัญ หล่อตระกูล ลูกสาวของอดีตนายกฯ ยงยุทธ หล่อตระกูล แพ้เลือกตั้ง อบจ. ให้กับพลังประชารัฐ แต่กลับมาพลิกชนะในการเลือกตั้งซ่อม ทำให้ยังอยู่ในวาระต่อไปอีก 6 เดือน
.
(ยงยุทธ หล่อตระกูล นั้นเป็นคนของพรรคแดงมานมนาน ปักธงกับพรรคแดงมาตลอดชีวิตการเมืองที่มีพรรคไทยรักไทยเป็นต้นมา และบ้านของยงยุทธ หล่อตระกูล ติดป้ายที่ทำการพรรค คนกาฬสินธุ์เรียกสี่แยกไทยรักไทย)
.
เฉลิมขวัญ หล่อตระกูล ส่งตัวแทนลงสมาชิกสภาจังหวัด เขต 1 วันแรกใส่เสื้อเพื่อไทย แต่ต่อมาต้องกลายเป็นผู้สมัครอิสระ และผู้สมัครที่ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายของบ้านใหญ่ บ้านใหม่ ของเพื่อไทยกาฬสินธุ์ ได้ใส่เสื้อพรรคแดงลงแข่ง
.
4.
ผลเลือกตั้ง สจ. กาฬสินธุ์ เขต 1 ผู้สมัครที่เฉลิมขวัญสนับสนุนชนะการเลือกตั้ง
.
ผู้ลงสมัครทั้งสองฝั่ง หน้าใส หน้าใหม่ทั้งคู่ จึงเป็นที่แน่นอนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้วัดกันกันที่คู่แข่งที่เป็น สจ. โดยตรง แต่เป็นการวัดความยิ่งใหญ่ทางการเมืองระหว่างบ้านใหญ่บ้านเดิม หล่อตระกูล กับพรรคเพื่อไทย
.
และนี่เป็นบทเรียนที่พรรคเพื่อไทยควรจะเรียนรู้ได้แล้วว่าตำนานต่าง ๆ ไม่ได้สร้างขึ้นโดยคนชื่อทักษิณ ชินวัตร เพียงผู้เดียว แต่มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ยาวนานได้เพราะเครือข่ายการเมืองที่ดี เพราะคนที่ทำงานเพื่อประชาชน สนองนโยบายรับใช้ความเดือดร้อนของผู้คนได้
.
กาฬสินธุ์เป็นเมืองที่เล็กมาก แต่การเมืองของเพื่อไทยยิ่งใหญ่มาก ส่วนสำคัญของความยิ่งใหญ่มาจากความมุ่งมั่นของคนที่เข้ามาทำหน้าที่นักการเมือง ที่สนองนโยบาย รวมถึงสู้อยู่เคียงบ่า เคียงไหล่ประชาชน ไม่ใช่เอาคนตีนลอยที่ไหนก็ได้มาทำการเมือง ไม่ใช่การทำเครือข่ายการเมืองในแบบที่ต่อรองผลประโยชน์กันเอง และไม่เห็นหัวประชาชน
.
หรือแม้แต่ความพ่ายแพ้ในหลาย ๆ พื้นที่ของเพื่อไทย หากจะทบทวนให้เห็นบทเรียน ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความแข็งแกร่งของพรรคส้ม เพราะพรรคส้มไม่ได้แข่งแกร่งในเชิงของทรัพยากรทั้งคนและทุน คนก็น้อย เงินก็น้อย ในขณะที่การเมืองท้องถิ่นใช้คนมากในการสร้างเครือข่าย ใช้เงินมากในการหาเสียง
.
แต่ความพ่ายแพ้ใดใดที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่ความประมาทประหม่า ความต่ำมาตรฐาน ความตีนลอยถอยห่างประชาชน
.
หากเพื่อไทยจะทบทวนได้ ต้องกลับไปที่สโลแกนพรรค "หัวใจคือประชาชน"
5
ส่วนตัวในพื้นที่กาฬสินธุ์ อยากเชียร์เฉลิมขวัญ หล่อตระกูล เป็นผู้สมัครอิสระ ในการเลือกตั้ง นายกฯ อบจ. กาฬสินธุ์ ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
.
เพราะเหตุการณ์มันได้พิสูจน์แล้วว่าท้องถิ่นนั้นเติบโตด้วยตนเอง และคนทำการเมืองท้องถิ่นต่างหากที่เป็นแบกพรรคตัวจริง ไม่ใช่ชื่อพรรคการเมืองที่แบกคนทำการเมืองท้องถิ่น
สุดท้าย.. การกลับมาของทักษิณ ชินวัตร ในรอบนี้สิ้นเปลืองมาก เปลืองทรัพยากร เสียคนดี ๆ รอบตัวไปก็เยอะ แต่ได้ประโยชน์กลับมาน้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่เสียไป
.
และอย่างว่า ถ้ายังหาจุดบกพร่องของตัวเองไม่เจอ รายล้อมไปด้วยแบกอย่างอุดม ม้วนพับอุดมการณ์พรรคที่ว่า #พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน ไปแล้ว ก็คงหวังอะไรกับเพื่อไทยไม่ได้ นอกจากการเป็นการเมืองเครือข่าย ที่เข้าไปต่อรองเอาผลประโยชน์อย่างเป็นระบบ
.
และเมื่อเลือกที่จะเอาใจออกห่างประชาชน ซึ่งเป็นหลังอิงเดียวของพรรคการเมืองและนักการเมือง ประชาชนก็ย่อมให้บทเรียนอย่างที่เห็น.

https://www.facebook.com/photo/?fbid=589313053940764&set=a.107964132075661