The Reporters 7 hours ago
·
SPECIAL FEATURE: ศักดิ์ศรีของประเทศ
ภาพของนายหลิว จงอี (Mr.Liu Zhongyi) ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมทีมงานชุดใหญ่ซึ่งส่วนมากเป็นผู้บริหารหน่วยงานด้านความมั่นคง เดินลุยสำรวจริมแม่น้ำเมยและยืนเมียงมองไปยังพื้นที่ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นแหล่งอาชญากรรมขนาดใหญ่ทั้งในพื้นที่ชเวโก๊กโก่และเคเคปาร์ค โดยมีทีมตำรวจและหน่วยราชการไทยเดินตามคณะเป็นการสะท้อนข้อเท็จจริงที่น่ากังวลยิ่ง
ข้อเท็จจริงที่จีนเป็นกลายเป็นผู้นำในการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติทั้งการค้ามนุษย์และสแกมเมอร์ แม้กระทั่งบนแผ่นดินที่เป็นอำนาจอธิปไตยของไทย จีนก็ยังต้อง “เล่นบทนำ” ขณะที่คณะรัฐรัฐมนตรีของไทย ไม่แม้แต่คนเดียวที่มีภาพลงไปสำรวจค้นหาข้อเท็จจริงริมแม่น้ำเมย นับตั้งแต่ข่าวเหยื่อต่างชาติหลายพันคนถูกต้มตุ๋นนำพาข้ามจากฝั่งไทยไปยังเมืองเมียวดี จวบจนกระทั่งข่าว “ซิง ซิง” หรือนายหวัง ซิง ดารานักแสดงที่ถูกนำไปแหล่งอาชญากรรมเมืองเมียวดีกลายเป็นกระแสข่าวโด่งดังระดับโลก
ความเนือยนิ่งต่อปัญหาของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร” จึงกลายเป็นเรื่องที่ชวนให้น่าวิเคราะห์ด้วยเช่นกันว่า “เพราะอะไร? ” ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยพยายามตีปิ๊บเรื่องความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฝั่งพม่าโดยการส่งมอบข้าวของให้ประชาชนที่หนีภัยการสู้รบในรัฐกะเหรี่ยง
แต่ทำไมความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในกรณีของเหยื่อต่างชาติมากมายที่ถูกหลอกลวงอยู่ในแหล่งอาชญากรรม กลับไม่ได้รับความเหลียวแลใดๆ ทุกอย่างทำด้วยแบบ “เสียไม่ได้” หรือเต้นไปตามเพลงในบางจังหวะเท่านั้น
รัฐบาลไทยกำลังปล่อยโอกาสสำคัญในการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนด้านตะวันตกให้ผ่านไปอย่างน่าเสียดาย เช่นเดียวกับที่เคยผิดพลาดกรณีปล่อยให้กองกำลังว้า UWSA (United Wa State Army )เข้ามายึดครองพื้นที่ชายแดน 3 จังหวัดภาคเหนือคือเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน หลังจากกองทัพเมิงไตของขุนส่าวางอาวุธเมื่อปี 2539
ทำให้ทุกวันนี้ยาเสพติดแพร่ระบาดทุกหัวระแหงในบ้านเมืองและประเทศไทยกลายเป็นทางผ่านของยามรณะเหล่านี้ไปยังสังคมโลก เพราะพื้นที่อิทธิพลของว้าเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดเพื่อนำรายได้ไปซื้ออาวุธ จนกลายเป็นกองกำลังที่เข้มแข็ง แม้กระทั่งรุกล้ำชายแดนไทยในหลายจุด ทางการไทยก็ยังไม่กล้าทำอะไรจนสถานการณ์ยืดเยื้อถึงวันนี้
บริเวณชายแดนไทยในพื้นที่ริมแม่น้ำเมยเมืองเมียวดี มีกองกำลังกะเหรี่ยง 3 กลุ่มหลักๆคือ KNU(Karen National Union) กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง BGF (Karen Border Guard Force) และกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA(Democratic Karen Buddhist Army ) โดยทั้ง BGF และ DKBA ต่างก็หากินอยู่กับแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ ขณะที่ KNU ต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระจากกองทัพพม่า แต่ก็มีผู้นำบางคนของ KNU ที่หากินอยู่กับธุรกิจสีดำนี้ด้วยเช่นกัน
การช่วยเหลือเหยื่อและปราบปรามแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงของทางการไทยแต่อย่างใด เพราะผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยงเหล่านี้ต่างก็ต้องพึ่งพาประเทศไทยเป็นสำคัญ
มีคำพูดหนึ่งของนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯที่ดังทะลุห้องประชุมออกมาคือ “เล้าก์ก่ายโมเดล”
ทางการจีนได้ทลายแหล่งอาชญากรรมแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในเมืองเล้าก์ก่าย รัฐฉานเหนือ ติดชายแดนจีน ด้วยการสนับสนุนด้านอาวุธให้อีกปีกหนึ่งของกองกำลังโกก้าง ปฏิบัติการยึดอำนาจจากกลุ่มโกก้างที่ครองอำนาจและแสวงประโยชน์จากธุรกิจสีดำ จนได้รับชนะและสามารถช่วยเหลือเหยื่อคนจีนและคนต่างชาติได้จำนวนมาก รวมถึงคนไทย อีกทั้งยังจับกุมลงโทษเหล่ามาเฟียจีนที่ต้มตุ๋นหลอกลวงได้จำนวนมากเช่นกัน
ทุกวันนี้ในเขตปกครองพิเศษโกก้างที่อยู่ติดกับชายแดนจีนจึงปลอดภัยจากแก๊งค์อาชญากรรมข้ามชาติ
ดังนั้นการที่ผู้แทนจีนพูดถึง “เล้าก์ก่ายโมเดล” จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่ง เพราะเงื่อนไขต่างๆ ในพื้นที่เมืองเมียวดีมีความคล้ายคลึงกับเมืองเล้าก์ก่ายมาก และกองกำลัง KNU เองก็พร้อมร่วมมือปฎิบัติการกวาดล้างแหล่งแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้ หากรัฐบาลไทยให้การสนับสนุน
แต่ความ “กล้าหาญ” ในการทำเพื่อสังคมที่ดีของรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทยมีเหมือนกันหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือคณะผู้แทนจีนชุดนี้มาพร้อมกับข้อมูลชุดใหญ่ที่พัวพันถึงระบบส่วยที่โยงใยถึงข้าราชการไทยในหลายหน่วยงาน ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่า “ทำไมข้อมูลเขาถึงลึก?”
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จีนได้ส่งทีมงานมาฝังตัวใน อ.แม่สอด อยู่นานนับเดือน เนื่องจากได้รับรายงานถึงการต้มตุ๋นหลอกลวงชาวจีนโดยมาเฟียจีน จนกระทั่งปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ทางการจีนได้ส่งเครื่องบินมาขนคนจีนจากแหล่งอาชญากรรมฝั่งเมียวดีกลับประเทศกว่า 900 คน
ซึ่งในจำนวนนี้กลุ่มหนึ่งเป็นอาชญากรซึ่งทางการจีนสามารถรีดข้อมูลต่างๆ รวมถึงเรื่องการทุจริต-ติดสินบนของหน่วยงานราชการไทย
ขณะเดียวกันมีชาวจีนที่ถูกหลอกเช่นเดียวกับดาราหนุ่มซิง ซิง จำนวนไม่น้อยที่หนีรอดออกมาจากแหล่งอาชญากรรมเมืองเมียวดีและข้ามมาฝั่งไทยได้ เพียงแต่ไม่เป็นข่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนจะมารับตัวไปในทันที คนเหล่านี้ก็เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี
ฉะนั้นการย้าย 3 ผู้กำกับสถานีตำรวจในอำเภอชายแดนตากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย ตอนนี้เหลือเพียงหน่วยงานอื่นๆจะถูกเช็คบิลหรือไม่ อย่างไร
คำถามคือในวันนี้รัฐบาลไทยได้กวาดบ้านตัวเองแล้วหรือยัง โดยเฉพาะระบบส่วย ซึ่งเสมือนสายสัมพันธ์ที่ยึดโยงมาเฟียจีน-กองกำลังกะเหรี่ยงเทา-บิ๊กข้าราชการไทยไว้ด้วย
ประเทศไทยกำลังพลาดโอกาสดีๆในการกวาดบ้านตัวเอง และเป็นผู้นำในการกวาดจับทลายแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งมีเหยื่ออยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
การลงพื้นที่ของนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะโดยปราศจากผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลไทยเข้าร่วม จึงเป็นภาพสะท้อนที่ชัดแจ๋วถึงบทบาทนำของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาขบวนการอาชญากรข้ามชาติ
เป็นเรื่องน่าเศร้า หากเราทำได้มากสุดแค่บินไปถ่ายรูปกับสี จิ้นผิง และประกาศว่า “เราทำแล้ว” ?
โดย ภาสกร จำลองราช
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ข่าวhttps://www.facebook.com/photo/?fbid=977791214542914&set=a.534942245494482