วันเสาร์, มกราคม 11, 2568

หมอแพม ได้ฟัง อ.ชัชชาติ แถลงถึงเรื่อง PM 2.5 แล้วมาเล่า และขอแสดงความคิดเห็นในฐานะหมอเด็กโรคทางเดินหายใจสักเล็กน้อย


หมอแพมชวนอ่าน
13 hours ago
·
ได้ฟัง อ.ชัชชาติ แถลงถึงเรื่อง PM 2.5
แล้วอยากจะมาเล่า
และแสดงความคิดเห็นในฐานะหมอเด็กโรคทางเดินหายใจสักเล็กน้อยค่ะ
(อยากให้คุณพ่อคุณแม่ที่ยังไม่เข้าใจว่า PM 2.5 มันร้ายแรงกับร่างกายขนาดไหน
อ่านที่หมอเคยเขียนตาม link ใน comment นะคะ)
ก่อนอื่นของ recap
ที่ อ.ชัชชาติ ในนามของผู้ว่า กทม.
แถลงสั้นๆ (มั้ยนะ)
1. ทำไมช่วงนี้มีฝุ่น และ PM 2.5 สูง
■ มีความกดอากาศสูง(นึกถึงลูกสูบ ถ้าเรากดลง อากาศจะหนาแน่นขึ้น)
ร่วมกับอัตราการไหลของอากาศต่ำ
ทำให้อากาศอยู่นิ่งๆ อ.ชัชชาติใช้คำว่า เหมือนมีฝาชี ครอบพื้นที่เอาไว้
■ มนุษย์ทำให้เกิดฝุ่นมากขึ้น จาก
- การเผาทางการเกษตร พบ hot spot ซึ่งบ่งบอกว่ามีการเผาเกิดขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อน นี่ยังไม่รวมพื้นที่ที่ไม่ได้ monitor เลยเชื่อว่า มีการเผาเกิดขึ้นมาก
- รถยนต์ที่หนาแน่น
โดยเฉพาะ รถยนต์ดีเซลล์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี จะสร้าง PM 2.5 ได้มาก
โดยรวมแล้ว เราสร้างฝุ่นกันมากขึ้น
แต่ ฝุ่นมาแล้วไปไหนไม่ได้
ผลรวมคือ มากขึ้นๆ
2. กรุงเทพได้ทำมาตรการอะไรไปบ้าง (สรุปเท่าที่ตัวเองฟังเข้าใจนะคะอาจจะไม่เป๊ะ)
■ มีเรื่องที่ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้
■ เรื่องสภาพอากาศ --> ควบคุมไม่ได้
■ เรื่องรถยนต์
-โครงการ "รถคันนี้ลดฝุ่น" รณรงค์เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง
- ขึ้นทะเบียนรถบรรทุก ให้เข้าโครงการลดมลพิษ
- เรื่องควบคุมควันจากการเผา ขอความร่วมมือไม่เผา, กระจายเครื่องอัดฟาง, มีการเฝ้าระวังการเผา
■แล้วฝุ่นที่มากแล้ว รับมืออย่างไร
- ถ้ามี PM 2.5 (ย้ำว่าใช้ค่า PM 2.5 ไม่ใช่ AQI ซึ่งเป็นค่ารวม) เกินค่ามาตรฐานติดๆกัน ขอความร่วมมือบริษัทเอกชนwork from homeและ ประกาศหยุดเรียนเป็นเรียนออนไลน์ (แต่ตอนนี้ PM ผลุบๆโผล่ ยังไม่สูงสุดต่อเนื่องกัน 3 วัน)
- แจก mask ให้กลุ่มเปราะบางไปแล้ว แสนกว่าชิ้น
- มีคลินิกสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอากาศ (อันนี้ความรู้ใหม่)
- ห้องเรียนปลอดฝุ่น ขอความร่วมมือทางโรงเรียน ติดตามสถานการณ์ และให้ ผอ.เป็นผู้ตัดสินใจว่าในพื้นที่ตัวเอง เช่น ทำกิจกรรมในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศ หรือจะเรียนออนไลน์
.............................
ในฐานะคนกรุงเทพ
อย่างน้อย พ่อเมืองของเราก็ออกมาเคลื่อนไหว พอทำให้อุ่นใจได้บ้างว่า
....ออ คนข้างบน เค้าไม่ได้ลืมว่าปัญหานี้มัน #สำคัญและเร่งด่วน
แต่เข้าใจว่า เป็นปัญหาทั้งระบบ
ผู้ว่า กทม. คงจะทำเท่าที่ท่านจะทำได้
ก็ต้องขอขอบพระคุณค่ะ
(ถึงจะเป็น FC อ.ชัชชาติแต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดนะคะ)
**นี่รอฟังรัฐบาลแถลง หรือตอบสนองต่อปัญหาอย่างใจจดใจจ่อ**
.
ต่อไปนี้จะเป็น "ความคิดเห็น"
จากคนหน้างานคนหนึ่ง
- ทุกครั้งที่ฝุ่นมา
คนไข้แผนกเด็กจะหนาแน่น
ไอไม่หาย น้ำมูกไม่หาย ผื่นที่เคยดีขึ้นก็เห่อขึ้นมา เด็กภูมิแพ้จมูก+เด็กหอบหืด
ก็กำเริบ ไวรัสกับฝุ่น ผนวกกำลังกันได้อย่างดียิ่ง ทั้งติดเชื้อ ทั้งฝุ่น นัวไปหมด
- กลุ่มเปราะบาง
เป็นคำพูดที่ดูดี แต่กว้างเหลือใจ
ผู้สูงอายุที่บ้านหมอ เค้าคิดว่าตัวเองแข็งแรง ไม่คิดว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยซ้ำ
บ้านเรามีสื่อที่สร้างกระแส ได้มากกว่า การประกาศอย่างเป็นทางการ
ให้ระบุไปเลยได้มั้ยคะ ว่าใครเปราะบาง แล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไร
- เด็ก (ถ้ากว้างไป เอาเป็นเด็กอายุก่อน 6 ขวบก็ได้ค่ะ เพราะมีการศึกษามากมายถึงผลกระทบของฝุ่นจิ๋วต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโต เราต้องรักษา "อนาคตของชาติ" อย่างเต็มที่มั้ยคะ
- ผู้สูงอายุ
- ทุกกลุ่มอายุที่มีโรคประจำตัว
- หญิงตั้งครรภ์ *** เรามักนึกถึงกลุ่มท้องโตแล้ว แต่หญิงท้องอ่อน อายุครรภ์น้อยๆ
เด็กในครรภ์กำลังสร้างอวัยวะนะคะ ส่วนครรภ์แก่ ถ้าเส้นเลือดอักเสบ ก็เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดนะคะ สรุป ก็เสี่ยงทุกอายุครรภ์นั่นแหละ นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งครรภ์อ่อนๆ ต้องคิดถึงจุดนี้ด้วยนะคะ
สำหรับหมอ
แค่เป็นเด็ก ก็เปราะบางแล้ว
โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี
ที่สมองกำลังเจริญเติบโต
สารพิษที่ลอยมากับอากาศ
โดยเฉพาะ PM 2.5
ไม่ได้ทำร้ายเราในระยะสั้นเท่านั้น
แต่แทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือด
แล้วกระตุ้นกลไกการอักเสบในร่างกาย ซึ่ง"สารก่อการอักเสบในร่างกาย" นี่แหละ
ที่จะบันดาล การเจ็บป่วยที่รุนแรงในอนาคต
เด็กๆต้องใช้ชีวิตท่ามกลางฝุ่นนานกว่าเรานะคะ
เราสูดสารพิษ
เราไม่เจ็บไม่ปวด
คล้ายๆ คนไข้ความดัน เบาหวาน
ที่เค้าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองป่วย
เพราะมันไม่เจ็บปวด ไม่แสดงอาการ
จะรู้อีกที เส้นเลือดก็เสียหาย
จนเกิดอาการต่างๆ
PM 2.5 ก็เช่นกัน ความร้ายแรงของมัน คือทำให้เกิดการอักเสบ เส้นเลือดก็อักเสบทั่วร่างกาย
แล้วเราลองนึกถึงเด็กน้อย
ที่กำลังเจริญเติบโต เลือดต้องไปเลี้ยงสมองเพื่อให้เกิดการพัฒนา
แต่สะสมสารพิษที่ก่อ
ให้เกิดการอักเสบแบบนี้ ปีละกี่ครั้ง?
ผู้นำของเรา มักจะพูดคำว่า
รณรงค์ หรือ ขอความร่วมมือ
ถ้าเรา "ร่วมมือ" หรือ
การรณรงค์ได้ผลจริง
คนไทยคงไม่รู้สึกว่า
อ๋อ ฤดูฝุ่น ก็เป็นแบบนี้แหละ
เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
ปีแรกๆที่สื่อออกมา
ก็กระตือรือร้น กลัวกันทั้งประเทศ
แม้แต่แม่ค้าร้านส้มตำปิ้งไก่
ยังถูกมองแรงแต่ตอนนี้
หมอยังเห็นบางโรงเรียนจัดกิจกรรมกลางแจ้งในเด็กเล็ก แม้ AQI จะสีแดง หรือม่วงในบางวันด้วยซ้ำ
ความเคยชินมันน่ากลัวนะคะ
ถ้ามันเร่งด่วนขนาดนี้ ทำไมเราไม่
"เร่งออกกฏหมายที่บังคับ"ในเร็วกว่านี้
(รู้ว่า "ดำเนินการอยู่" นะคะ แต่หมอว่าช้าเกินไปมาก นี่เราอยู่กับปัญหานี้มากี่ปีแล้ว)
รถยนต์ กับ การเผาพื้นที่การเกษตร
เหมือนรู้คำตอบในข้อสอบ แต่เอามาปฏิบัติในชีวิตจริงไม่ได้เลย
ที่ไม่เห็นด้วยกับอ.ชัชชาติ คือเรื่องที่ อ.บอกว่า ประชาชนอย่าสับสน
มาตรการป้องกัน/work from home/หยุดเรียนต่างๆ เราอิงกับระดับ PM 2.5 เท่านั้นอย่าไปดูค่ารวม AQI ที่สูงเป็นร้อยสองร้อย
ในความเห็นของหมอ คือ Air quality index (AQI) มีหลายตัวเอามาคำนวน
แต่ทุกก๊าซที่อยู่ใน AQI ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งหมดเลยนะคะ
ก็เลยคิดว่า มาตรการ หรือ ความตื่นตัว ในการแก้ปัญหาก็น่าจะเอา AQI มาพิจารณาด้วยนะคะ
.
หวังว่า โพสต์นี้จะเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ เล็กมากไปถึงผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องในการผลักดันนโยบายให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ถ้าจะให้เห็นภาพมากขึ้น
ลองมองไปที่ลูกหลานที่บ้านท่านก็ได้ค่ะ
จินตนาการว่าตอนนี้
มีสารพิษปนเปื้อนเข้าไปในร่างกายของเค้าและเส้นเลือดเล็กๆทั่วร่างของเค้า อักเสบ เป็นน้อยๆแต่เรื้อรัง
เซลล์บางเซลล์ ถูกกระตุ้นด้วยกระบวนการอักเสบ
ทำให้ DNA เสียหาย
เป็นน้อยๆ แต่เรื้อรัง
รอให้มากค่อยแสดงอาการ
เลือดที่ไปเลี้ยงสมองที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีสารที่ไม่พึงประสงค์ปนเปื้อนอยู่ด้วยทำให้สมองบาดเจ็บ ไม่พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพเท่าที่เค้าควรมี
.
เห็นภาพมากขึ้นมั้ยคะ
.
ในเพจนี้ เขียนโพสต์เรื่องนี้บ่อยมาก
อาจจะเพราะเป็นหมอทางเดินหายใจเลยอินมาก
.
หมอสงสารเด็กๆที่สุดค่ะ
.
หน้าร้อน ฝุ่นน้อย เล่นกลางแจ้งไม่ได้ เพราะแดดประเทศไทยร้อนเกินไป
เสี่ยง heat stroke
หน้าหนาว อากาศไม่ร้อน แต่เล่นกลางแจ้งไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะฝุ่น
หน้าฝน ฝนตก เล่นกลางแจ้งไม่ได้ หรือป่วย
สู้ต่อไปนะเด็กๆ
.
หมอแพม

https://www.facebook.com/drpambookclub/posts/612933554464875