วันเสาร์, มกราคม 11, 2568

ท่ามกลางภาวะฝุ่นละอองพิษ บรรยากาศการเมืองกลับชื่นมื่น จากผลของ ‘งานแต่ง’ สอง ส.ส.ข้ามขั้ว คำคมของ ‘ทักษิณ’ กินลึกอีกเช่นเคย

ท่ามกลางภาวะฝุ่นละอองพิษ พีเอ็ม ๒.๕ ที่ครอบคลุมกรุงเทพฯ อยู่ขณะนี้ และไม่ช้าคงขยับออกไปตามหัวเมือง โดยเฉพาะภาคเหนือ แต่บรรยากาศการเมืองกลับชื่นมื่น จากผลของ งานแต่ง สอง ส.ส.ข้ามขั้ว บ่าว-เพื่อไทย สาว-ประชาชน

ไม่ว่าสำนักไหนก็ตีข่าวนี้ทั้งนั้น เฉพาะบางแห่งจับประเด็นเรื่องฝุ่นพีเอ็ม ๒.๕ แน่น “เกินมาตรฐานทุกพื้นที่” The MATTER เล่นมาสองสามวันแระ พร้อมบอกว่าสถานการณ์ “จะคลี่คลายลง ในช่วงตั้งแต่วันที่ ๑๑ มกราคม แต่เช้าวันที่ ๙ ยังย่ำแย่

“เขตในกรุงเทพฯ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้มากที่สุด...เขตหนองแขม มากที่สุด (อยู่ที่ ๙๔.๒ มคก./ลบ.ม.) รองลงมาคือเขตบางบอน เขตธนบุรี เขตบางขุนเทียน และเขตบางนา...หลายพื้นที่ในปริมณฑล และจังหวัดอื่นๆ” ก็ไม่ต่างกัน

THE STANDARD รายงานค่าเฉลี่ยฝุ่นพิษในกรุงเทพฯ เมื่อเช้าวันที่ ๘ มกราว่าอยู่ที่ ๖๐.๙ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร “อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ” ควรใช้หน้ากากป้องกันเมื่อออกไปทำกิจกรรม หรือแม้แต่อยู่กลางแจ้ง

แน่ละเสียงกระทบกระทั่งย่อมดังขึ้น “เกิดคำถามว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาดไปถึงไหนแล้ว” เดอะแม้ทเตอร์ทวงเอากับฝ่ายนิติบัญญัติ “สถานะของร่างกฎหมายฉบับนี้กำลังอยู่ในชั้น การประชุมของคณะกรรมาธิการ” เท่านั้น “ดังนั้นตอนนี้ทุกคนต้องรอ”

ย้อนไปที่บรรยากาศชื่นมื่นระหว่างแกนนำพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ทักษิณและ พิธาได้จับมือทักทายกัน และต่างขึ้นกล่าวอวยพรในงานแต่งระหว่าง ส.ส.ลำปางเขต ๒ กับเขต ๔ ธนาธร โล่ห์สุนทร กับ รภัสสรณ์ นิยะโมสถ

พิธากล่าวว่า “ถึงแม้ว่าจะอยู่ต่างพรรคกัน เชื่อว่าจะสามารถแยกแยะได้ ระหว่างความเป็นมืออาชีพ เรื่องส่วนตัวและเรื่องครอบครัว...พรรคการเมืองก็แข่งขันกันต่อไปไม่ได้มีปัญหาอะไร” แต่ทักษิณนั้นมีคำคมมาพูดให้เป็นข่าวอีกตามเคย

อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวบนเวทีว่า นิยมแต่งเข้ามากกว่าแต่งออก” ซึ่งพิธาให้ความเห็นเมื่อถูกนักข่าวจี้ ว่า “เขาพูดถึงครอบครัวเขา โอ๊ค เอม อุ๊งอิ๊ง คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง” แต่ทักษิณ (อีกแระ) รับว่าบอกลูกสามคนอย่างนั้นจริง

กับ “พยายามบอกกับคนพรรคเพื่อไทย ขอให้แต่งเข้า ไม่ใช่แต่งออกเช่นกัน” ความหมายแท้จริงน่าจะเมื่อแต่งแล้ว ให้คู่สมรสเข้ามาอยู่ในครอบครัวมากกว่าออกไปอยู่กับครอบครัวอีกฝ่าย นัยยะก็คือเป็นการครอบอีกฝ่ายนั่นเอง

แต่สำนักข่าวเอามาเล่าเฉพาะที่ทักษิณบอกว่า “แม้ต่างพรรคกันก็แต่งงานกันได้...เมื่อไหร่ที่อุดมการณ์ไปกันได้ก็ร่วมรัฐบาลกันได้... ผมคิดว่าวันนี้บ้านเมือง ถึงเวลาต้องสามัคคีกัน ไม่อย่างนั้นมันไปยาก” ใช่สิ แต่ต้องแค่ แต่งกัน ไม่ต้องแต่งเข้าหรือแต่งออก

(https://workpointnews.com/around/news/NTBOO6Q=RyUQ98CH0FmQ, https://www.matichon.co.th/politics/news_4994633 และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/piDnmnoBK3Sh)