💥ทำไม "ดัชนีความมั่นคงทางอาหาร" ของไทยเราถึงต่ำนัก!? --- ทั้งๆ ที่เราเองก็เชื่อมั่นมาตลอดว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" อุดมสมบูรณ์นักแล ... แต่เราแพ้เพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซียด้วยซ้ำ!?

เดือดทะลักจุดแตก
July 6
·
ทำไม "ดัชนีความมั่นคงทางอาหาร" ของไทยเราถึงต่ำนัก!? อันดับ 64 ของโลก (จากทั้งหมด 113 ประเทศ) --- ทั้งๆ ที่เราเองก็เชื่อมั่นมาตลอดว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" อุดมสมบูรณ์นักแล ...
แต่เราแพ้เพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซียด้วยซ้ำ!?
Global Food Security Index ของ The Economist (จัดทำเนียบล่าสุด ของปี 2022) พบว่าไทยแลนด์ ได้ 60.1 คะแนน (เต็ม 100)
ห่างมากๆ จากอันดับ 1 ซึ่งคือฟินแลนด์ ที่ได้ 83.7 คะแนน
(และใครว่ายุโรปไม่มั่นคงทางอาหาร สู้เราไม่ได้หรอก ... ผลปรากฏว่า TOP10 นั้น มียุโรปถึง 8 ชาติ!)
ถ้าวัดเป็นเกรดแบบเรียนหนังสือ เราได้แค่ "เกรด 2"
ต้องลองไล่เรียงดูหมวดของคะแนน ได้แก่
Affordability --- ไม่แพงเกินไป ชาวบ้านมีปัญญาจ่าย (เมื่อเทียบกับรายได้)
Availability --- รับประกันว่ามีของ ไม่ขาดตลาด
Quality and Safety --- คุณค่าทางโภชนาการและความปลอดภัย
Sustainability and Adaptation --- ผลกระทบจากโลกร้อน และผลกระทบต่อโลกร้อน
จะเห็นว่าเขาไม่ได้ดูหยาบๆ แค่ว่า "หาซื้อง่าย" / "ขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อเซเว่นตอนเที่ยงคืนก็มี" / "ขุดหาเห็ดมากินก็ได้"
ไม่ใช่แบบนั้นเลย ...
เขามองในแง่ความเหลื่อมล้ำ --- ยังมี "คนอดอยาก" อยู่มั้ย
มีเด็กที่แคระแกร็นเท่าไหร่ มีเด็กที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเท่าไหร่
ดูความยั่งยืน --- มีวิจัย มีพัฒนามั้ย ผลผลิตทางการเกษตรมีความผันผวนเท่าไหร่ มีเทคโนโลยีอะไรมาช่วยไหม
นโยบายของรัฐบาลล่ะ สนับสนุนไหม หรือกลายเป็นทำให้คนเข้าถึงอาหารยากขึ้นไปอีก
"คอร์รัปชั่น" เยอะมั้ย นี่เขาก็ดูด้วย ...
ส่วนคุณค่าทางโภชนาการและความปลอดภัย คงไม่ต้องอธิบาย
ข้อนี้ Quality and Safety เราสอบตก --- ได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง!
ส่วนเรื่องโลกร้อน พอเป็นที่เข้าใจได้ ต้องค่อยๆ ขยับก้าวกันไป
สรุปแล้ว ถ้ามองในภาพใหญ่ๆ ของทั้งประเทศ และมองถึงอนาคตยาวๆ (ไม่ใช่แค่ "ตัวเรา" มีกิน หาได้ง่าย สบายกระเป๋า) จะเห็นว่า "น่าเป็นห่วง"
ย้ำอีกครั้ง อันดับที่ 64 (จากทั้งหมด 113) * จัดทำเนียบล่าสุด ปี 2022
.....

ประเวศ ประภานุกูลกิจ is with Prawais Prapanugoolkij and ประเวศ ประภานุกูลกิจ.

·



วิกฤตเศรษฐกิจไทยจะวนมาเยือนทุก 10 ปี เมื่อกลุ่มทุนผูกขาดพากันขึ้นราคาสินค้าทุกชนิด
นั่นคือ...การขึ้นค่าครองชีพ...ขึ้นแล้วขึ้นเลย ไม่มีลง
ขณะที่ค่าแรงคงเดิม...หรือขึ้นให้น้อยที่สุด
ผลคือ...คนไทยต้องใช้เงินซื้อของแพงขึ้น ในขณะที่ค่าแรง หรือรายได้ เท่าเดิม
และส่งผลให้กลุ่มทุนผูกขาดรวยขึ้น...คนไทยทั่วประเทศจนลง
มันเป็นการถ่างช่องว่างนี้ทุก 10 ปี
หลาย 10 ปีก่อน มีคนเรียกปรากฏการณ์ นี้ว่า ภาวะเงินฝืดและเงินเฟ้อ พร้อมกัน
สินค้าแพงขึ้น...เงินเฟ้อ
คนไม่มีเงิน...เงินฝืด
มีประเทศเดียวในโลกที่มีปรากฏการณ์นี้
เมื่อก่อน ทุกครั้ง ปรากฏการณ์นี้มักจะไม่ส่งผลรุนแรงมากนัก...ดูเหมือนคนยังดำรงชีพได้
แต่ปีนี้...ผลจากการขึ้นค่าครองชีพเมื่อปีก่อนในสมัยไอ้เหี้ยตู่...ภาวะการณ์นี้กระทบชนชั้นล่างอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
ตอนนี้ ไม่เพียงกำลังซื้อหาย คนต้องประหยัดด้วย...มันคือ 2 แรงบวกกระทืบเศรษฐกิจ
ผมกำลังรอดูว่ามันจะกระทบไปถึงกลุ่มทุนผูกขาดเมื่อไหร่...ที่โดนก่อนคือกลุ่มอสังหา...กลุ่มของเศษถุย...ถัดไปเดาว่าธรุกิจก่อสร้าง-เครือซิเมนต์ไทย
.....
ยุคนี้ไม่ไช่ทุก 10ปีแล้วค่ะ

ถี่ขึ้นหรือครับ