วันอาทิตย์, สิงหาคม 14, 2565

เนื้อหาปราศรัยของยิ่งชีพ #10สิงหาประชาธิปไตยต้องไปต่อ ย้อนนึกถึงประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวทางการเมือง ดูประสบการณ์ของเพื่อนของเรา ดูงบจัดสรรให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์



iLaw
August 11

ย้อนอ่านเนื้อหาปราศรัยของยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw บนเวที “10สิงหาประชาธิปไตยต้องไปต่อ” เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต 
.
.
ทุกท่านครับ อยากจะลองชวนทุกท่านย้อนนึกถึงประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวทางการเมืองสัก 20 ปีที่ผ่านมา มีเสื้อเหลือง เสื้อแดง มีกปปส. มีพวกเราสามนิ้วทุกท่าน มันมีครั้งไหนไหมครับที่ประชาชนออกมาเรียกร้องชุมนุมกันมากๆ เราเสนอข้อเรียกร้องแล้ว คนที่อยู่ในอำนาจก็ได้ยิน เห็นด้วย ยอมตาม ให้เลยใครชุมนุมให้เลย มันมีแบบนี้ไหมครับ มันไม่มี สิ่งแบบนี้มันไม่เกิดขึ้นในประเทศนี้ ที่มันจะมีบ้างที่ผ่านมาคือคนที่เรียกร้อง ชุมนุมให้อำนาจนอกระบบเข้าแทรกแซงและมาเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมือง ซึ่งมันมีบ้าง เราลองนึกย้อนไปในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย ซึ่งหลายท่านอยู่ร่วมเหตุการณ์มาตลอด ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลา ไม่ว่าจะเป็นพฤษภา 35 มันมีครั้งไหนไหมในประเทศไทยที่ประชาชนออกมาชุมนุมเรียกร้องจำนวนมากๆ เสนอข้อเรียกร้องไปแล้วมันได้มาอย่างนั้นเลย โดยไม่มีอำนาจอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง มันมีบ้างไหม มันไม่มีนะครับ บ้านเมืองมันไม่ได้ออกแบบมาแบบนั้นและมันไม่ได้เดินไปทางนั้น
.
.
เราลองดูประสบการณ์ของเพื่อนของเราบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนชาวพม่า ไม่ว่าจะเป็นชาวฮ่องกง...มันมีไหมที่คนออกมาเดินบนท้องถนนมากๆแล้วคนมีอำนาจบอกว่า โอเค คุณพูดถูก มันไม่ได้มีแบบนั้น การประท้วงที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโดยตรงโค่นล้มอำนาจได้ทันที ในประวัติศาสตร์มันจะมีต่อระบอบที่มันกำลังอ่อนแอและมันกำลังจะพังเท่านั้น พอมีการชุมนุมประท้วงขึ้นมาหน่อยมันอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้าย น้ำหนักสำคัญที่ทำให้ระบอบที่มันจะพังอยู่แล้ว มันพังลง แต่จริงๆแล้วเมื่อระบอบที่เรากำลังต่อสู้มันเซทตัวอย่างแข็งแกร่ง มันใช่เวลาหลายสิบปีที่ทำขุมกำลังของตนเองเอาไว้...คือการชุมนุมประท้วงมันไม่ได้ส่งผลโดยตรงว่า คนออกมาชูสามนิ้วแล้วระบอบมันจะพังครืนต่อหน้าต่อตาหรือคนที่มีอำนาจจะยอม มันไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า การชุมนุมประท้วงไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่ได้หมายความว่า การชุมนุมประท้วงไม่ใช่สิ่งจำเป็น ตรงกันข้ามการชุมนุมประท้วงเป็นสิ่งที่สำคัญมากเป็นเครื่องมือชิ้นใหญ่ที่สุดมีพลังมากที่สุด ที่จะบอกว่า มีคนจำนวนมากขนาดไหนที่กำลังเชื่อและกำลังเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง อยากจะเห็นสิ่งไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีประเด็นใหม่ที่ไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อนในสังคมนั้นๆถูกยกขึ้นมา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องการคนจำนวนมากมาร่วมกันยืนยันแสดงออกว่า นี่คือเส้นทางที่เราอยากจะไปในประเทศของเรา เพราะฉะนั้นการชุมนุมประท้วงจึงทำหน้าที่ในการปักธงทางความคิด ปักหลักชัยให้เห็นว่า เราจะเดินไปทางไหนและที่ผ่านมาสองปีเกิดปรากฏการณ์อะไรขึ้นมากมายที่จะยืนยันว่า ธงใหม่ของสังคมได้ถูกปักลงแล้วและคนจำนวนมากพร้อมใจกันที่ต้องการเดินไปทางนั้น...
.
.
มีใครบ้างที่ทราบว่า มีงบประมาณหลายหมื่นล้านบาทที่ถูกจัดสรรเป็นงบประมาณให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ประเด็นนี้แทบไม่เคยพูดถึงเลยก่อนปี 2563 แต่วันนี่ทุกท่านทราบเรื่องนี้แล้ว ตั้งแต่ปี 2560 2561 2562 2563 เราเห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของงบประมาณที่จัดสรรรให้สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมีนัยสำคัญ แต่มีการเคลื่อนไหวบนท้องถนนมา ปีที่แล้ว 2564 ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจ ด้วยโควิดด้วยปรากฏว่า จัดสรรงบให้สถาบันฯโดยตรงน้อยลง และปีนี้งบกำลังจะผ่านอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็ปรากฏว่า งบที่จัดสรรให้สถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรงก็ลดน้อยลงถึงสี่พันกว่าล้าน มีกฎหมายอีกหลายฉบับตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจแต่งตั้งคนออกกฎหมายขึ้นมาเองเรียกว่า สนช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาทหารแต่งตั้งนั้นออกกฎหมายที่ขยายพระราชอำนาจให้สถาบันพระมหากษัตริย์จำนวนมาก เริ่มตั้งแต่พ.ร.บ.สงฆ์ปี 2560 และ 2561 พ.ร.บ.การจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ปี 2560 และ 2561 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ ปี 2560 และ 2561 และเรื่องที่สนใจกันมากคือ พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลในปี 2562...เรื่องราวเหล่านี้เกิดมาตั้งปี 2559 แทบไม่มีใครพูดถึงแต่วันนี้มีคนจำนวนมากรู้กฎหมายเหล่านี้และนี่เป็นคุณาปการของการเคลื่อนไหวทลายเพดานของปีที่ผ่านมา
.
.
ปี 2560 พอเราเห็นรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มันแทบจะแก้ไม่ได้เลยว่า ต้องใช้รายชื่อประชาชนห้าหมื่นคนถึงจะเสนอแก้ได้ เมื่อก่อนเราเคยหน้ามืดตาบอด เราไม่รู้จริงๆว่า เราจะหารายชื่อคนมาได้จากไหน แต่จากการเคลื่อนไหวสองปีที่ผ่านมารัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกท้าทายและสภาเปิดวาระเพื่อจะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้วสามยกและมีร่างถึงสี่ฉบับที่มาจากการเข้าชื่อเสนอโดยประชาชนนับแสนคน นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นและมันก็เกิดขึ้นจนเดินทางมาถึงวันนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 ปัจจุบันก็ถูกแก้ไปแล้ว ไม่ใช้แก้ไม่ได้ ส.ว.ที่ตั้งมาเพื่อขวางการแก้ก็ยอมอ่อนให้เกิดการแก้บ้าง แม้มันจะไม่ใช่เรื่องสำคัญและเป็นประโยชน์อะไรแต่การเดินทางของเรา มันทำให้เห็นว่า สิ่งที่เราคิดว่า เป็นไปไม่ได้มันก็เป็นไปได้และเป้าหมายระยะไกลที่วันหนึ่งเราอาจจะคิดว่า เป็นไปไม่ได้คือ การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับของประชาชน ธงนี้ก็ได้ปักเอาไว้แล้วในสังคมไทยอย่างแน่นหนาและแข็งแกร่งเพราะการเคลื่อนไหวตลอดสองปีที่ผ่านมา วันนี้เราปักธงการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน
ท่ามกลางมาตรา 112 ป้าอัญชันเจ้าของสถิติจำคุกสูงสุด วันนี้อยู่ในเรือนจำด้วยคำพิพากษาถึงที่สุด ถ้าไม่แก้ไขยกเลิกมาตรานี้เอาป้าอัญชันออกมาไม่ได้ พี่สมบัติ ทองย้อย ศาลตัดสินแล้ว กำลังอุทธรณ์ แต่ไม่ได้ประกันตัว ศาลพิพากษาหกปี แซม ทะลุฟ้า แม็ก ทะลุฟ้าอยู่ในเรือนจำ...นาทีนี้ที่เรานั่งกันอยู่ตรงนี้เป็นนาทีที่มีคนถูกตั้งข้อหามาตรา 112 สูงที่สุดประวัติศาสตร์คือ 208 คน สิบปีที่แล้วพอเราพูดถึงมาตรา 112 เราพูดได้เต็มที่ว่าอยากจะแก้ไข พูดดังก็ไม่ได้ต้องหันซ้ายหันขวา อาจารย์วรเจตน์เสนอแก้ไขมาตรา 112 ยังโดนต่อยที่ท่าพระจันทร์ แต่พอมาถึงวันนี้หลังสองปีของการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่พอเราพูดถึงมาตรา 112 เราได้ยินเสียงกลับมาว่า ยกเลิก ไม่มีทางอื่นแล้ววันนี้ถ้าเราจะช่วยคนที่โดนคดี นอกจากยกเลิก 112 ปีที่แล้วเราเปิดเว็บเข้าชื่อยกเลิก 112 ได้ชื่อสองแสนกว่าภายในเวลาอันสั้น แต่เรายังต้องการไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้รายชื่อมากที่สุด...
.
.
ยิ่งชีพกล่าวว่า การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาส่งผลให้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขยายพระราชอำนาจไม่ได้ออกมาเพิ่มเติมอีกเลยและสามารถผลักดันกฎหมายอีกหลายฉบับได้ เช่น การสมรสเท่าเทียม แต่มีกฎหมายที่ยังกระท่อนกระแท่นเช่น พ.ร.บ.ต่อต้านการทรมาน เมื่อวานนี้ส.ว.ยังขอยื้อไว้และกฎหมายเลือกตั้งที่สภาล่มระหว่างการพิจารณา นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชายังอยู่ในอำนาจ แปดปีแล้วดูเหมือนว่า อยากอยู่ต่อไป ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งก็เช่นกัน ทำให้งานของประชาชนยังมีอีกมาก แม้ว่าคนหลายล้านจะได้รับรู้ถึงปัญหาและมองเห็นเป้าหมายเดียวกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่า มีคนอีกหลายล้านที่ไม่ได้คิดเช่นนั้น เราจะหยุดทำงานไม่ได้ ระบอบประชาธิปไตยไม่เต็มใบ สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือไม่ว่าอย่างไรทุกสี่ปีต้องมีการเลือกตั้ง การเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างช้าที่สุดคือไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งที่น่าจับตากว่าปี 2562 เป็นการเลือกตั้งที่คุณประยุทธ์และพรรคพวกเขาไม่พร้อมเลยที่จะไปและเขาไม่พร้อมเลยที่จะแพ้เลย แต่ดูแล้วก็ไม่มีโอกาสเลยที่เขาจะชนะ ดูแล้วไม่รู้ใครจะไปเลือกระบอบประยุทธ์ให้คงอยู่ต่อไป ฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้ามีกลไกกลเกมที่แฝงเอาไว้ในรัฐธรรมนูญจะถูกหยิบขึ้นมาใช้และทุเรศกว่าครั้งก่อนแน่นอน การเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าจะเอาประยุทธ์ออกจากตำแหน่งได้ต้องชนะแลนด์สไลด์มากกว่าครั้งที่ผ่านมาและต้องจับตาการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิดมากกว่าครั้งที่ผ่านมา เราทุกคนจะต้องทำงานหนักมากกว่าที่ผ่านมา ทุกคนจะต้องช่วยกันไปกาอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ประยุทธ์และจับตาการเลือกตั้งให้โปร่งใสที่สุด




ประชาไท Prachatai.com
14h

— เก็บตกปราศรัย #10สิงหาประชาธิปไตยต้องไปต่อ — ชวนอ่านข่าวงบสถาบัน ปี 66
.
‘ยิ่งชีพ’ ไอลอว์: 2 ปีที่ผ่านมา ปชช.ปักธงชัยลงบนสังคม ผลักดันกฎหมายฉบับประชาชน หยุดยั้งการบังคับสูญหาย-การขยายพระราชอำนาจฯ ชวนเลือกตั้งปี 66 แลนด์สไลด์ใส่ประยุทธ์
.
ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ จากไอลอว์ หรือโครงการอินเทอร์เน็ตกฎหมายเพื่อประชาชน ปราศรัยบนเวทีหลัก เผยการประท้วงในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา มีครั้งไหนบ้างที่ประชาชนออกมาร่วมเรียกร้อง และเสนอข้อเรียกร้องแล้ว ผู้มีอำนาจยอมรับฟังโดยไม่ใช้อำนาจแทรกแซงจากภายนอก ซึ่งมันไม่มี จะมีก็ต่อเมื่อการปกครองถึงจุดอ่อนแอ และเปราะบาง และการชุมนุมเป็นตัวจุดชนวนให้ผู้มีอำนาจล้มครืนลงมา
.
อย่างไรก็ตาม ยิ่งชีพ มองว่า การประท้วงยังเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดของประชาชน ที่จะบอกว่าคนกำลังคิด และอยากเปลี่ยนแปลงมากขนาดไหน ยิ่งเวลามีข้อเรียกร้องใหม่เกิดขึ้นในสังคมไทย ยิ่งต้องการคนจำนวนมากมาร่วมกันยืนยันว่านี่เป็นเส้นทางที่ประชาชนอยากจะพาประเทศไปในทิศทางใด ซึ่งนัยหนึ่งการชุมนุมคือการปักธงทางความคิดลงบนสังคมอย่างหนึ่งว่า หลักชัยที่เราต้องการเดินทางไปคือที่ไหน
.
ในมุมมองของยิ่งชีพ เขามองว่าระยะเวลา 2 ปี ประชาชนทำให้ยืนยันได้แล้วว่า ธงใหม่ของสังคมถูกปักลงไปแล้ว และคนจำนวนมากพร้อมใจเดินทางไปทิศทางนั้น
.
ยิ่งชีพ ยกตัวอย่าง เรื่องกรณีงบประมาณที่ถูกจัดสรรให้สถาบันกษัตริย์ ซึ่งก่อนหน้าปี 2563 แทบไม่มีการพูดถึงเลย แต่หลังจากการประกาศข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ ที่ มธ. รังสิต ตอนนี้หลายคนทราบเรื่องนี้มากขึ้น
.
“ประเด็นนี้แทบไม่เคยมีใครพูดถึงเลยก่อนปี 2563 แต่วันนี้ทุกท่านทราบเรื่องนี้แล้ว ตั้งแต่ปี 60 61 62 63 เราเห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของงบประมาณที่จัดสรรให้กับพระมหากษัตริย์อย่างมีนัยสำคัญ แต่มีการเคลื่อนไหวบนท้องถนนเมื่อปี 2564 ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจ เรื่องโควิดด้วย ปรากฏว่า จัดสรรงบประมาณโดยตรงน้อยลง และปีนี้ 65 งบกำลังจะผ่านในอีก 2-3 วันข้างหน้า ปรากฏว่างบที่จัดสรรให้พระมหากษัตริย์โดยตรง ก็ลดลงถึง 4,000 กว่าล้าน ใครอยากรู้เรื่องนี้เพิ่มเติมไปอ่านที่ประชาไท” ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ กล่าว
(ข่าวที่เกี่ยวข้อง: เปิดงบเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ปี 66 รายละเอียดตามเอกสาร ร่างพ.ร.บ.งบฯ พบราว 3.47 หมื่นล้าน https://prachatai.com/journal/2022/08/99977)
.
ในด้านกฎหมาย ยิ่งชีพ ระบุว่ามีกฎหมายหลายฉบับออกโดยรัฐบาลประยุทธ์ เช่น ออกกฎหมายขยายพระราชอำนาจให้สถาบันกษัตริย์จำนวนมาก เช่น พ.ร.บ.สงฆ์ ปี 2560, 2561 พ.ร.บ.การจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ปี 2560, 2561 พ.ร.บ.ระเบียบราชการบริหารในพระองค์ ปี 2560 และเรื่องที่สนใจมาก พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลในปี 2562
.
ยิ่งชีพ ระบุว่า เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อ 59 60 61 เรื่อยมา และแทบไม่เคยถูกพูดถึงเลย เพราะไม่มีใครกล้าพูด แต่ตอนนี้คนจำนวนมากทราบกฎหมายตัวนี้มากขึ้น และมากกว่านั้นมีการหยุดยั้งการขยายพระราชอำนาจของกษัตริย์ไปมากกว่านี้ได้ด้วย ซึ่งนี่คือคุณูปการของการเคลื่อนไหวทลายเพดานเมื่อ 2 ปีก่อน
.
เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ที่เป็นเรื่องยากมาก เพราะว่าต้องการรายชื่อ 5 หมื่นรายชื่อ เพื่อเข้าชื่อแก้ไข รธน. แต่นับตั้งแต่ 2563 เป็นต้นมา รัฐธรรมนูญที่ถูกท้าทาย 3 ครั้ง และมีร่างถึง 4 ฉบับที่กำลังเข้าชื่อเสนอโดยประชาชนนับแสนคน ขณะที่รัฐธรรมนูญ 60 ถูกแก้ไปแล้ว ไม่ใช่แก้ไม่ได้ ส.ว.ที่ตั้งมาเพื่อขวางทางการแก้ ก็ยอมอ่อนให้เกิดการแก้บ้างแม้มันจะไม่ใช่เรื่องสำคัญ
.
ยิ่งชีพ ระบุว่า ปัจจุบัน มีคนที่ถูกตั้งข้อหา ม.112 จำนวน 208 คน จาก 227 คดี เมื่อ 10 ปีที่แล้วพูดเรื่องมาตรา 112 เราพูดเต็มที่ได้แค่แก้ไข พูดดังไม่ได้ วรเจนต์เสนอแก้ไข 112 ถูกต่อยที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แต่หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมา พอพูดถึงการมาตรา 112 เสียงที่เราได้ยินกลับมาจากผู้ปราศรัยคือ ยกเลิก 112 นอกจากนี้ ปีที่แล้ว มีการเปิดเว็บเข้าชื่อยกเลิก 112 มีเข้าชื่อจำนวน 200,000 คนในเวลาไม่กี่สัปดาห์
.
การอุ้มหายตั้งแต่ 2559-2563 มีผู้ถูกอุ้มหายอย่างน้อย 9 คน คนสุดท้ายคือวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้อย่างน้อยประชาชนยังหยุดปรากฏการณ์การอุ้มหายไปได้บ้าง
.
สมาชิกจากไอลอว์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าหลายกฎหมายมีความคืบหน้า แต่หลายกฎหมายที่สภาผ่านมติวาระที่ 1 แต่ยังกระท่อนกระแท่นอยู่ก็ยังมี โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ป้องกันการซ้อมทรมานฯ ที่ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ขอยื้อไว้ก่อน เพราะว่ายังไม่อยากให้ออกมาเร็วเกินไป
.
สิ่งนี้สะท้อนว่าแม้ว่าจะผ่านมาแล้ว 2 ปี แต่เรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ แม้คนหลายล้านจะรับทราบถึงปัญหา และร่วมกันปักธงชัยอันใหม่ของสังคมไทยไปแล้ว แต่ยังมีคนอีกหลายล้านยังไม่เข้าใจในธงอันเดียวกัน และเขายังไม่ได้คิดว่าจำเป็นต้องแก้ไข ซึ่งเราจะหยุดแชร์ หยุดเรียนรู้ หยุดส่งต่อไม่ได้ และจะหยุดเชื่อในธงชัยอันใหม่ไม่ได้
.
สุดท้าย ยิ่งชีพ ชวนประชาชนจับตาการเลือกตั้งในปี 2566 เพราะรัฐบาลประยุทธ์ และฝั่งตรงข้ามทราบว่าจะแพ้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น เขาจะหยิบกลไกกลเกมทุกอย่างขึ้นมาใช้ เพื่อทำให้เขาได้เปรียบและชนะ แต่การที่ประชาชนจะชนะได้มีแต่ต้องแลนด์สไลด์ใส่ประยุทธ์ ทำงานหนักมากกว่าที่ผ่านมา และทุกคนในที่นี้ พร้อมจะช่วยกันเตรียมสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า ไปกาอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ประยุทธ์
.
“เราพร้อมเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง 66 ไปร่วมกันไล่ประยุทธ์ เปลี่ยนระบอบอำนาจนี้ ทุกคนเราไม่ลืมเป้าหมายของเรา ทุกคนเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเลิก 112 สองสิ่งนี้จะเป็นไปได้ เลือกตั้งครั้งหน้าต้องแลนด์สไลด์ไล่ประยุทธ์ เท่านั้นใช่ไหม และเราไม่ลืมเป้าหมายระยะสั้น ประยุทธ์ตอนนี้ครบ 8 ปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะทนอยู่ได้นานสักเท่าไร เป้าหมายระยะสั้น สั้นที่สุดๆ ทุกการชุมนุมต้องพูดเหมือนกัน ประยุทธ์ ออกไป ๆ” ยิ่งชีพ ทิ้งท้าย
.
อ่านประมวลกิจกรรม #10สิงหาประชาธิปไตยต้องไปต่อ ที่นี่ https://prachatai.com/journal/2022/08/99983