วันอังคาร, มิถุนายน 21, 2565

เปิด 8 โพสต์ปิยบุตร ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ที่เป็นเหตุให้ถูกแจ้งความดำเนินคดีผิด ม.112


Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล
12h · 

[ เปิด 8 โพสต์ปิยบุตร ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีผิด ม.112 ]
——
ในช่วงปี 2564 สถานการณ์การเมืองเข้มข้น การแสดงออกของม็อบเยาวชนและข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์กำลังเป็นไปอย่างดุเดือดแหลมคม มีการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง มีผู้ถูกจับกุมดำเนินคดีจำนวนมากจากการแสดงออกถึงสถาบันกษัตริย์
ผมเองอยากให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ต้องเปิดพื้นที่พูดคุยกันได้อย่างปลอดภัย เอาใจเขามาใส่ใจเรา พูดคุยกันด้วยเหตุผลและวุฒิภาวะ ผมจึงประมวลข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เพื่อให้อยู่คู่กับสังคมไทยได้ในยุคปัจจุบัน แต่การกระทำของผมเช่นนี้กลับถูกกล่าวหา นำไปสู่การดำเนินคดีตามมาตรา 112
////
โดยข้อเท็จจริงทั้งหมด ตามนี้:
1. “เปิดร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 2 พระมหากษัตริย์ เดินหน้าปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ พร้อมแนบเอกสารร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช....” โพสต์เมื่อ 10 สิงหาคม 2564 https://www.facebook.com/PiyabutrO.../posts/3076450455972150
2.“ข้อเรียกร้องแห่งยุคสมัย ทำไมต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” โพสต์เมื่อ 17 สิงหาคม 2564 https://www.facebook.com/.../a.22603897.../3081844162099446/
3.“กษัตริย์กับนายกรัฐมนตรี ใครมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งกันแน่?” โพสต์เมื่อ 17 กันยายน 2564 https://www.facebook.com/.../a.22603897.../3105582616392267/
4.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ในสังคมหนึ่ง ความคิดคนแต่ละคนแตกต่างกันมากมาย มีคนรัก คนเฉยๆ คนไม่ชอบ ถึงบังคับยังไงก็ไม่เปลี่ยนความคิดเลย แต่ทำอย่างไรที่เราจะอยู่ในสังคมเดียวกันได้ เหลือทางเดียวคือเปิดให้มีเสรีภาพในการแสดงออก แล้วอดทนอดกลั้นซึ่งกันและกันต่อความเห็นที่แตกต่าง” https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1457578245369393154
5.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ประยุทธ์ตบหัวลูกน้องอ้างว่าทำด้วยความเอ็นดู ดังนั้น ประยุทธ์ก็ยอมให้ลูกพี่ตนเองตบหัวด้วยความเอ็นดูเช่นกัน ปัญหามีอยู่ว่าในสายตาของประยุทธ์ ประชาชนไม่ใช่ลูกพี่ของเขา แล้ว “ลูกพี่” ของเขาคือใคร? ต้องไปดูว่า “ใคร” ที่ตบหัวสั่งประยุทธ์ แล้วเขาไม่หือ ยิ้มรับ และยอมทำตามสั่ง” https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1443897877030334465
*6.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญต่างหากที่เป็นไปได้และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ #ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1452124952828678144
7.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรระหว่าง ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลง ที่มีกองทัพ ระบบราชการ และทุนผูกขาดค้ำจุนหรือ ระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุด และมีกษัตริย์เป็นประมุขของรัฐอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ” https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1457714324810526724
8.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ปฏิรูปไม่ใช่ล้มล้าง แต่ถ้าคนเรียกร้องปฏิรูป คือล้มล้าง หรือนำไปสู่ล้มล้างนั่นเท่ากับว่าบีบให้เลือก 1 ไม่ปฏิรูปเพื่อไม่ใช่ล้มล้าง หรือ 2 ล้มล้างให้ราบเป็นหน้ากลอง เพื่อไม่ให้ใครบอกว่าเป็นล้มล้าง คำตัดสินของคนไม่กี่คนชี้ชะตาประเทศ ประตูปฏิรูปมี อย่าปิดประตูปฏิรูป” https://twitter.com/piyabutr_fwp/status/1458148659862724610
////
เทพมนตรีแจ้งความดำเนินคดี 8 โพสต์ แต่ตำรวจเห็นว่ามีเพียง 1 ข้อความที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิด ม.112 นั่นคือข้อความตามข้อ *6. ถ้าวิญญูชนอ่านแล้วก็พินิจพิเคราะห์ได้ว่าไม่มีตรงไหนเข้าความผิดตาม ม.112 เลย แต่เมื่อตำรวจมีความเห็นเช่นนี้ ผมก็ต้องเตรียมต่อสู้คดีกันต่อไป
การแสดงความเห็นเช่นนี้ยังถูกกล่าวโทษ แล้วจะเหลือทางเลือกไหนบ้างในสังคมไทย ตกลงแล้วเราจะปิดพื้นที่ไม่ให้พูดคุยกันในที่สาธารณะไม่ได้เลยหรือไม่ทั้งที่ ม.112 ไม่ได้ห้ามพูดถึงสถาบันกษัตริย์แต่อย่างใด ตกลงสังคมไทยจะอยู่กันอย่างไร ถ้าการพูดจาแบบมีเหตุผลวิชาการกลับถูกดำเนินคดี เราจะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้ดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างไร
สุดท้าย ผมยืนยันว่าจะแสดงความเห็นโดนสุจริตใจต่อไป ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อให้ไทยมีสถาบันกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ สังคมไทยจะได้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ตามข้อความที่ผมถูกดำเนินคดี
“สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญต่างหากที่เป็นไปได้และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ #ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
.....
คลิปการแถลงข่าว




iLaw
9h

ปิยบุตรรายงานตัวคดีม. 112 ยันทวีตปฏิรูปสถาบันฯ ไม่ผิดกฎหมาย
.
20 มิถุนายน 2565 รศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้านัดหมายเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนสน.ดุสิต ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยคดีนี้มีผู้ร้องทุกข์คือ เทพมนตรี ลิมปพยอม
.
บรรยากาศตั้งแต่เวลา 8.45 น. ที่หน้าสน.ดุสิตมีประชาชน, ส.ส.พรรคก้าวไกล และทีมงานคณะก้าวหน้าจังหวัดต่างๆ ประมาณ 50 คน มาร่วมให้กำลังใจ รวมทั้งยังมีกลุ่มเคลื่อนไหวอิสระตั้งโต๊ะเชิญชวน ลงชื่อยกเลิกมาตรา 112 ขณะที่ตำรวจมีการกั้นแผงเหล็กและวางกำลังที่ด้านหน้าทางเข้าสน. ต่อมาเวลา 10.00 น. รศ.ดร.ปิยบุตร พร้อมด้วยกฤษฎางค์ นุตจรัสทนายความมาถึงสน.ดุสิต หลังทักทายผู้ที่มีรอให้กำลังใจแล้วจึงเข้าไปรายงานตัวภายในสน. พร้อมด้วยทนายความและส.ส.พรรคก้าวไกลจำนวนหนึ่ง
.
เวลา 12.50 น. หลังรายงานตัว รศ.ดร.ปิยบุตรและกฤษฎางค์ ทนายความให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กฤษฎางค์กล่าวว่า “กระบวนการวันนี้พนักงานสอบสวนเรียก รศ.ดร.ปิยบุตร มารับทราบข้อกล่าวหา จากกรณีเทพมนตรี ลิมปพยอมแจ้งความกล่าวหาไว้ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 โดยยื่นพยานหลักฐานเป็นเนื้อหาบนทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กของ รศ.ดร.ปิยบุตรหลายข้อความ”
.
จากการสอบสวนพนักงานสอบสวนเห็นว่า มีข้อความเข้าข่ายองค์ความผิดตามมาตรา 112 อยู่หนึ่งข้อความคือ ข้อความในทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2564 ที่ว่า “สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต่างหากที่เป็นไปได้ และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ”
.
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.ปิยบุตรให้การปฏิเสธและจะทำถ้อยคำโต้แย้งเป็นหนังสือส่งไปยังพนักงานสอบสวนภายใน 30 วันหลังจากนี้ โดยตำรวจไม่ได้มีการยื่นคำร้องขอฝากขังในชั้นสอบสวน
.
ทั้งนี้ กฤษฎางค์ ในฐานะทนายความที่ทำคดีมาตรา 112 มาหลายคดีมีข้อสังเกตว่า การมาพบพนักงานสอบสวนตามนัด รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่มาภายหลัง ได้ให้ความเห็นว่า น่าจะทำเป็นเงื่อนไขไว้ให้รศ.ดร.ปิยบุตรต้องมารายงานตัวทุก 7 วัน ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระ แต่เพื่อไม่ให้พนักงานสอบสวนต้องลำบากใจจึงมารายงานตัวตามนัดหมาย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติเพราะฐานะตอนนี้รศ.ดร.ปิยบุตรเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญายังไม่ได้เป็นจำเลย ไม่ได้มีหมายศาลมาขังหรือมาควบคุมตัวไว้
.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีของรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลทำให้หนักใจต่อการสู้คดีต่อไปหรือไม่ กฤษฎางค์ตอบว่า “ท่าทีของท่านไม่ได้ทำให้เราเพิ่มความหนักใจ จริงๆ ความหนักใจเรื่องนี้เรามีตั้งแต่แรกที่เราคุยกับพนักงานสอบสวน ได้ถามพนักงานสอบสวนแล้วว่า ในคดีนี้มีแรงกดดันหรือมีใบสั่งหรือไม่ ซึ่งรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ตอบว่า ไม่ต้องกังวลใจ จะให้ความเป็นธรรม ให้ทางผู้ต้องหาหาหลักฐานมาต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ยังมีเวลาในการทำสำนวนอีก 6 เดือน เพียงแค่กังวลเรื่องการรายงานตัวทุก 7 วัน”
.
ในส่วนของ รศ.ดร.ปิยบุตร ระบุยืนยันว่าข้อความที่คุณเทพมนตรีกล่าวโทษไว้ทั้ง 8 ข้อความ ได้อ่านหมดแล้วไม่มีข้อความไหนเข้าองค์ประกอบความผิดเลย และแม้ในท้ายที่สุดพนักงานสอบสวนมีความเห็นตั้งข้อกล่าวหาและสั่งฟ้องเพียง 1 ข้อความ
.
“ผมคิดว่า วิญญูชน คนมีเหตุมีผล คนที่มีอัตตวินิจฉัย มีสติสัมปชัญญะที่ดี ลองอ่านข้อความอีกครั้งก็สามารถพินิจพิเคราะห์ได้ว่าไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เลยตรงไหนก็ไม่เข้า สักข้อความหนึ่งก็ไม่เข้า แต่เมื่อพนักงานสอบสวนมีความเห็นแบบนี้ก็ต่อสู้คดีกันไป”
.
"คดีที่ผมโดนไม่ใช่ตัวผมคนเดียว แต่เป็นภาพใหญ่ของการใช้สิทธิเสรีภาพ ทุกท่านคงยอมรับตรงกันแล้วว่ายุคสมัยปัจจุบันมีความคิดและการแสดงออกของเยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเองเล็งเห็นว่า เพื่อจะทำให้สังคมอยู่กันได้อย่าสันติ เพื่อให้ความเห็นทั้งฝ่ายต้องการปฏิรูป ฝ่ายไม่ต้องการให้ปฏิรูป หรือฝ่ายที่เฉยๆ สามารถอยู่ในสังคมไทยได้อย่างเป็นปกติสุข อยู่ได้อย่างสันติ มันควรจะต้องมีการพูดคุยในพื้นที่ที่ปลอดภัย...แต่ปรากฏว่า การแสดงออกของผมที่ต้องการสร้างพื้นที่ปลอดภัยแบบนี้ ทำไปทำมากลับโดนนายเทพมนตรี ลิมปพยอมไปกล่าวโทษในความผิด ม.112...การแสดงความเห็นทางวิชาการแบบนี้ยังถูกกล่าวโทษเลยตกลงมันจะเหลือทางเลือกไหนหลงเหลือให้เดินอีกบ้าง...”
.
“ตกลงแล้วเราจะปิดพื้นที่ทุกอย่างจนไม่สามารถพูดคุยกันในที่สาธาณะได้เลยใช่หรือไม่ ข้อความที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม มักจะบอกว่า รุนแรงเกินไป อย่าพูด และในท้ายที่สุดข้อความแบบผมที่แสดงเหตุผลทางวิชาการอย่างตรงไปตรงไปมาด้วยความปรารถนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และประชาธิปไตยไทย สุดท้ายยังโดน ม.112 อีก สรุปแล้วคือมัน (บรรทัดฐาน) อยู่ตรงไหน การพูดคุยเรื่องนี้หรือท้ายที่สุดห้ามพูดคุยเรื่องนี้เลย ทั้งๆ ที่กฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ได้ห้ามพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เขาห้ามเฉพาะหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย ดังนั้น การแสดงออกของผมไม่มีตรงไหนที่เข้าข่ายเรื่องพวกนี้เลย ต่อไปสังคมไทยจะอยู่กันอย่างไร ถ้าการพูดจาแบบมีเหตุผลวิชาการก็สามารถถูกดำเนินคดี...เราจะนำเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่ในสังคมไทยต่อไปอย่างไร”
.
อีกทั้ง รศ.ดร.ปิยบุตร ยังฝากส่งเสียงไปยังบรรดานักร้องว่า ให้พิจารณาข้อกฎหมายบ้างที่ต้องเข้าองค์ประกอบความผิดของกฎหมาย มิใช่จินตนาการเอาความรู้สึกนึกคิดของตนเองมาแจ้งความ
.
“เรียกได้ว่า โตๆ กันแล้วมันควรจะต้องใช้สมอง ใช้สติสัมปชัญญะบ้างในการพิจารณาเรื่องเหล่านี้” พร้อมย้ำว่า ข้อเสนอเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ถูกพูดถึงมาเป็นเวลา 10 ปีแล้วตั้งแต่สมัยยังเป็นอาจารย์ แต่กลายเป็นว่า เมื่อเข้าสู่วงการเมืองกลับถูกดำเนินคดี
.
“ผมยืนยันว่า ความคิดเห็นของผมที่แสดงออกอย่างสุจริตใจนั้น ผมจะดำเนินการต่อไป ทั้งหมดไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัวเลย แต่ทั้งหมดเพื่อประโยชน์ของสังคมไทย มันถึงเวลายอมรับความจริงและพูดคุยกันว่า กฎเกณฑ์ในทางรัฐธรรมนูญ กฎเกณฑ์ในกฎหมายต่างๆ ต้องเปลี่ยนแปลง ต้องปฏิรูปอย่างไรเพื่อจะหาทางออกร่วมกันของสังคมไทย”