วันอังคาร, เมษายน 27, 2564

แก้วิกฤตศรัทธา นายกฯ เรียกผู้ว่าฯ มาปรับตน ๖ พัน ถ้าเป็นชาวบ้านโดน ๒ หมื่นนะเนี่ย

โอ๊ยรัฐบาลชุดนี้ มันจะจำอวดกันไปถึงไหน โควิดระลอกสาม fumbling อุ๊ย แม่งตกหกคะเมนไปใหญ่ ผู้ติดเชื้อเพิ่มทุกวันละสองพันกว่า วัคซีนที่เคยอวดว่า พระราชทาน ยังไม่มา มีแต่ made in China ประชากรไทยร้องยี้ ไม่กล้าฉีด

ทางออกแก้วิกฤตศรัทธา นั่งประชุมอยู่ดีๆ ลืมสวมหน้ากากมีรูปออกสื่อ เฮ้ยเข้าที เรียกผู้ว่า กทม.มาตรวจสอบดีกว่า มีผิดตามมาตรา ๕๑ พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.๒๕๕๘ ไหมหนอ แบบนี้สลิ่มต้องแซ่ซร้องร้องเฮแน่ๆ ว่านาโย๊กน่าร้าก

อัศวิน ขวัญเมือง โพสต์เองเลยละ “นายกรัฐมนตรีได้แจ้งมายังผม” โดยตรงเลย ก็ต้องยกกำลัง “พร้อมด้วย ผบ.ตำรวจนครบาล และพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต จึงเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล” ทำการกล่าวหานายกฯ แล้วเปรียบเทียบปรับ

ทั่นก็ยินยอมแต่โดยดี ให้ปรับเป็นเงิน ๖ พันบาท แต่ที่ไหนได้ ถ้าเป็นประชาชนธรรมดาต้องโดน ๒ หมื่นบาทนะเนี่ย independence III @redbamboo16 เขาติงตามเนื้อความในประกาศเอาผิดเด็ดขาด ใครออกนอกบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย

แม้แต่นั่งรถส่วนตัว ถ้าไปกันสองคนไม่สวมไม่ได้ ถึงโดน Atukkit Sawangsuk แซว ในเมื่อปกติก็จะสองคนผัวเมียขับรถออกไปทำงานพร้อมกัน น้าถึกบอก “เมีย...คงงง...อยู่บ้านไม่ติดโควิด” พอขับรถต้องใส่ หน้ากาก ก็เนอะ ไอ้ที่ว่า เย-กันเขาสวมถุงยางแล้วนิ

ว่าไป ทั่นนายกฯ อาจตั้งใจตบหน้าฉาดใหญ่ รมว.สาสุข อ๊ะป่าว ที่บังอาจปัดสวะใส่ แหมโพสต์โอด “ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ...บางท่าน ห่วงใยว่ามีการยึดอำนาจ แย่งอำนาจของกระทรวงสาธารณสุข ผมได้แต่ตอบไปว่า”

รอง นายกฯ กับ รมว. “เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุด และเป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว ผมมีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งท่านนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด” สื่อเส้นสาย พปชร.ได้ทีขึ้นขย่มอีกแระ เฉาะแสกหน้า

“อนุทินโยนความล้มเหลวแก้โควิดให้นายกฯ” ลงละเอียดว่า “ศบค. เป็นผู้จัดทำนโยบาย พิจารณา ออกคำสั่ง กำกับการปฏิบัติงาน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยปฏิบัติ...หาก ศบค.ไม่เห็นด้วยก็ต้องกลับมาปรับ”

งั้นตามที่เพจ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยDRG ปรารภว่า “มาวันนี้ (ศบค.) ก็เริ่มทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์วิธีการจัดการกับศพผู้เสียชีวิตจากโควิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” เพราะปัญหาเตียงคนไข้ไม่พอกับจำนวนผู้ติดเชื้อ แต่ไม่ใช่กับ ลูกท่านหลานเธอ

“ในห้วงเวลาที่ปวงประชาตกระกำลำบากทั่วทุกหย่อมหญ้า กลับมีข่าวหนาหูว่าเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีใช้โอกาสนี้เดินทางไป ดำน้ำ...เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ ๒๒ เมษายนที่ผ่านมา ส่วนกำหนดกลับนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด” นัยว่าเป็นการปิดเกาะทรงเกษมสำราญรอบใหม่


พวกเขาเป็นกังวลว่า “ประเทศชาติกำลังวิกฤติ ปวงประชากำลังทุกข์ยาก แม้จะเป็นเพียงการแสดง แต่ช่วยแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันสักนิดก็ยังดี” ในฐานะที่ “งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ประจำปี ๒๕๖๔ นั้นมีจำนวนสูงถึง ๓๗,๒๒๘ ล้านบาท”

ครั้นจะไปรีดเอาจากงบประมาณกลาโหมซึ่งอยู่ในอันดับต้นๆ ในจำนวนรายรับล้านๆ ก็เกิดมีความจำเป็นด้านความมั่นคงเสียนี่ โฆษก ทบ.เพิ่งออกมาแจงว่า “ผ่านการเห็นชอบในระดับสายการบังคับบัญชาและรัฐบาลแล้ว คงจำเป็นต้องเดินหน้า”

ส่วนที่มี ส.ส.พรรคก้าวไกล ฝ่ายค้าน “เสนอให้กองทัพยกเลิกโครงการจัดซื้ออาวุธ” ทั้งหมดไว้ก่อน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง ว่าบอกมาก็ยินดีรับฟัง ส่วน “ถ้ารับฟังแล้วกองทัพบกจะทบทวนหรือไม่” รองโฆษกฯ ทบ.อ้างว่าทั่น ผบ.กำชับแล้วนะ

“งบประมาณอะไรที่สามารถปรับมาใช้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ก็ขอให้พิจารณา...อะไรที่สามารถผ่องถ่ายไปช่วยเหลือประชาชน หรือปรับไปเพื่อดูแลสถานการณ์โควิด ทางกองทัพบกก็ดำเนินการอยู่” แต่รายละเอียดขอไม่ตีแผ่

ทหารชอบทำอะไรงุบงิบงึมงำ เสร็จแล้วได้ผลดีค่อยแถลง ไม่เช่นนั้นย่อมเป็นความลับของทางราชการต่อไป

(https://www.facebook.com/bangkokbiznews/posts/10162736636454815, https://www.thansettakij.com/content/covid_19/477431 และhttps://www.facebook.com/democracyrestoration/posts/3748720411924115)