[ ประเทศไทยเราจะอยู่กันแบบนี้จริงๆ หรือ? ]
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่กระทรวงการคลังมีประชาชนจำนวนมากไปเรียกร้อง กราบกรานและทักท้วงว่ามาตรการเยียวยาคนละ 5 พันบาท มีการชี้ข้อบกพร่องที่ทำให้ประชาชนถูกตัดสิทธิ์ออกไป กลายเป็นที่สนใจของสังคมขึ้นมา หลายคนดูแล้วน้ำตาไหลเพราะสงสารประชาชนที่ถูกตัดสิทธิ์อย่างไม่เป็นธรรม
แต่ผมอยากชวนให้คิดไปไกลกว่านั้น...
มาตรการเยียวยาครั้งนี้ของรัฐบาล แจกประชาชนคนละ 5 พันบาท เป็นเวลา 3 เดือน จำนวน 3 ล้านคน เท่ากับใช้งบประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท
ดูเหมือนใช้งบประมาณเยอะใช่หรือไม่?
แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลรัฐประหารและรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ทำอะไรให้กลุ่มทุนใหญ่ เจ้าสัว และคนที่อยู่บนสุด 1% ในสังคมไปแล้วบ้าง?
ไม่นับว่าไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อีกเท่าไหร่?
ที่ถูกกล่าวหาเรื่องทุจริตคอรัปชันอีกเท่าไหร่?
ทั้งหมดนี้ ในขั้นตอนการตัดสินใจ การประชุมเพื่อเคาะออกมาเป็นมาตรการต่างๆ ใช้เวลาไม่นาน และบังคับใช้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขัดขวาง บางอันใช้ ม.44 เซ็นครั้งเดียวก็จบ
ส่วนมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน 5 พันบาทข้างต้นที่ผมกล่าวมานั้น รัฐบาลคิดแล้วคิดอีก ชักเข้าชักออก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จำกัดจำเขี่ยในการใช้งบประมาณ มีข้ออ้างสารพัด เงินไม่พอบ้าง ต้องคัดเลือกคนที่ได้รับผลดระทบจริงๆบ้าง ทิ้งระยะเวลามาเป็นสัปดาห์ ทั้งที่มีประชาชนกินไม่อิ่มนอนไม่หลับอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง
ทั้งหมดนี้ สะท้อนวิธีคิดของรัฐบาลตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่เอื้อนายทุน เอื้อคนรวย เอื้อคนส่วนน้อยไปเป็นล้านล้านบาทแต่ไม่สนใจประชาชนคนเล็กคนน้อย ที่ยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรกินหรือไม่
“ประชาธิปไตย” คือ “For the many, not the few”
นี่หรือคือรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย???
นี่หรือรัฐบาลในระบอบที่ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุด???
หรือแท้จริงแล้วอำนาจสูงสุดของประเทศนั้นตกเป็นของคนเพียงไม่กี่คน???
และถ้าหากรัฐบาลไม่ได้ทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ เราจะมีรัฐบาลไปทำไม?
ถึงเวลากลับมาตั้งคำถามดังๆ ว่า “ประเทศไทยเราจะอยู่กันแบบนี้จริงๆ หรือ?”
ได้เวลาทวงคืนอำนาจสูงสุดให้กลับมาเป็นของประชาชน
#คณะก้าวหน้า #เราไม่ทิ้งกัน #ทำไมไม่ได้5000 #อนาคตใหม่ #โควิด19 #covid19