ภาพจาก Spring News
เห็นลงทะเบียน "เราไม่ทิ้งกัน" โดนปฏิเสธเพราะ "ประกอบอาชีพเกษตรกร" เยอะมาก
อันนี้ขอตั้งสมมุติฐานโดยสุจริตนะ เป็นไปได้ไหมว่า
คนมีอำนาจบางคน เอารายชื่อของพวกคนเหล่านั้นไปสวมสิทธิ์เกษตรกรในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรต่างๆ แล้วฮุบเอาเงินไปเอง โดยที่เจ้าของชื่อก็ไม่เคยรู้เรื่อง
ทีนี้พอโคงการเราไม่ทิ้งกัน Ai มันตรวจสอบกับฐานข้อมูลรัฐเลยไปเจอชื่อคนเหล่านั้นเป็นเกษตรกรทั้งที่ไม่ได้เป็น
อยากให้รัฐออกมานะว่า ชื่อคนที่โดนปฏิเสธเพราะเป็นเกษตรกรเหล่านี้ ก่อนหน้านี้เคยไปขึ้นทะเบียนรับเงินต่างๆนานาโดยที่เขาไม่ได้ทำหรือไม่? เหตุไฉนอาชีพเกษตรกรจึงไปปรากฎในฐานข้อมูลพวกเขา? ใครเป็นคนกรอกลงไปต้องรับผิดชอบ!!
ต้องมีการลากคนผิดออกมาให้ชัดเจน ไม่แถลงแค่ว่า "ระบบผิดพลาด" คนผิดลอยนวล
#เราไม่ทิ้งกัน #เราไม่ใช่เกษตรกร
..
การลงทะเบียนไม่ทิ้งกันนี่ก็ดีนะ ทำให้เราเช็คได้หมดเลย ว่าตกลงมีคนเอาชื่อเราไปทำอะไรหรือเปล่า?
บางคนโดนหาว่าเป็นเกษตรกร
ต้องตั้งคำถามว่า ใครมันเคยเอาชื่อคุณไปสวมสิทธิ์รับเงินเยียวยาจากภาครัฐในฐานะเกษตรกรหรือเปล่า?
บางคนโดนหาว่าเป็นนักศึกษา
งั้นก็ไม่รู้ว่าอาจมีใครใช้ชื่อคุณสวมสิทธิ์ไปขอรับทุนการศึกษา/ทุนช่วยเหลืออะไรหรือเปล่า?
บางคนโดนหาว่าเป็นเจ้าของกิจการ
อยู่ดีๆชื่อคุณกลายไปเป็นเจ้าของบริษัทผี ตัวตายตัวแทนให้ใครหรือเปล่า?
คำถาม คือ คนมีอำนาจระดับเอาชื่อคนมากมายไปใช้ทำนู่นทำนี่ได้คือใคร? แต่สุดท้ายก็รู้คำตอบแหละ "ระบบผิดพลาด" คนผิดลอยนวล
บางที Ai มันอาจไม่ได้รวน แต่มันขุดความจริงที่เราไม่เคยรู้ตัวขึ้นมาแค่นั้น
#เราไม่ทิ้งกัน #เราไม่ใช่เกษตรกร
Rapeesak E. Jarupoom
ooo
Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล
10 hrs ·
ประเด็นน่าสนใจค่ะ ส่วนตัวขอตั้งข้อสังเกตสั้นๆ ว่า อาจไม่ได้ถูกใครสวมสิทธิ์ก็ได้ โดยรวมน่าจะมีความเป็นไปได้สี่ข้อหลักๆ ที่ชื่อคนที่ไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกร จะไปอยู่ในทะเบียนเกษตรกร (ซึ่งก็ไม่รู้ใช้ฐานข้อมูลของใคร ของกระทรวงเกษตรหรือ ธกส.?) แล้วเลยโดนตัดสิทธิไม่ได้เงินช่วยเหลือ #เราไม่ทิ้งกัน
1. คนในครอบครัวเคยเอาชื่อไปลงทะเบียนเป็นเกษตรกรเพื่อจะได้รับสิทธิ์บางอย่างเพิ่มเติม เช่น สวัสดิการ ธกส., สปก., เงินเยียวยาภัยพิบัติ ฯลฯ (เพราะ "ครัวเรือน" ทั้งบ้านเป็นเกษตรกร ถึงแม้สมาชิกบางคนอาจไม่ใช่)
2. ก่อนหน้านี้เคยทำการเกษตร แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำแล้ว หรือไม่ก็ไม่ได้ทำเป็นอาชีพหลัก (เช่น ย้ายเข้าเมืองมารับจ้าง แล้วเป็น "ชาวนามือถือ" โทรฯ จ้างคนอื่นลงแรงทำนาให้ เป็นต้น) แต่ฐานข้อมูลรัฐไม่เคยอัพเดท และไม่ยืดหยุ่นพอที่จะเข้าใจว่าคนมีหลายอาชีพได้
3. ถูกใครก็ไม่รู้สวมสิทธิ เอาชื่อไปใช้ (รับเงิน) บางอย่างโดยไม่รู้ตัว อันนี้คนทำตั้งใจฉ้อฉลชัดเจนเหมือนที่เจ้าของโพสด้านล่างบอก
4. กระทรวงการคลังอาจจะออกแบบระบบ #เราไม่ทิ้งกัน มาชุ่ยเอง ดูจากนามสกุล+ที่อยู่ แล้วพอเจอว่าผู้สมัครมีนามสกุลเดียวกัน ที่อยู่เดียวกัน กับคนที่มีชื่อในทะเบียนเกษตรกร ก็อนุมานเอาเองว่าคนคนนี้ "เป็นเกษตรกรด้วย" ทั้งที่อาจไม่ใช่เลย (<-- ตามจริงไม่น่าจะชุ่ยขนาดนี้นะ แต่ก็ไม่แน่ใจ ใส่เป็นความเป็นไปได้ไว้ก่อน ตราบใดที่กระทรวงการคลังไม่ชี้แจง ถถถ)
ปัญหาแบบนี้และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ #เราไม่ทิ้งกัน เป็นตัวอย่างของนโยบายที่ไม่ได้คิดบนฐานของความเข้าอกเข้าใจประชาชนแม้แต่น้อย เช่น ไม่เข้าใจว่าคนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เขาไม่ได้มี "อาชีพเดียว" แต่ทำงานหลายอย่างเพื่อเอาตัวรอด แถมรัฐบาลยังทำมาตรการนี้อย่างไม่โปร่งใส ไม่ชัดเจน และไม่เข้าใจข้อมูลมหาศาลที่ตัวเองมีด้วย ไม่พยายามทำให้ง่ายที่สุด (เช่น เคยเสนอไปแล้วว่าให้ดูจากยอดบัญชีเงินฝากธนาคาร เป็น proxy หรือค่าแทนระดับความจน และใช้อันนี้เป็นเกณฑ์ในการให้ความช่วยเหลือ ไม่ต้องไปสนใจว่าเจ้าของบัญชีทำอาชีพอะไร ส่วนคนจนที่ไม่มีบัญชีธนาคารควรให้เอ็นจีโอ กลุ่มออมทรัพย์ และหน่วยงานระดับท้องถิ่นเป็นตัวกลาง เพราะย่อมรู้จักคนจนในพื้นที่ทำงานของตัวเองดี)
ประชาชนทุกคนสมควรได้รับความช่วยเหลือตรงๆ โดยที่ไม่ต้องมาเครียดกับการกรอกคุณสมบัติ จากนั้นต้องลุ้นเหมือนเล่นหวยว่าจะได้เงินหรือเปล่า ซ้ำร้ายถ้าได้เงินก็ต้องเสี่ยงกับการถูกล่าแม่มด ลำเลิกบุญคุณต่างๆ นานา ราวกับว่า 5,000 บาทนี่ลอยลงมาจากฟ้า ไม่ใช่เงินภาษีของประชาชน
หวังว่ารัฐบาลจะพยายามเข้าอกเข้าใจประชาชนมากขึ้น ไปปรับปรุงมาตรการนี้และมาตรการอื่นๆ ที่จะตามมา
...
คนมีอำนาจบางคน เอารายชื่อของพวกคนเหล่านั้นไปสวมสิทธิ์เกษตรกรในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรต่างๆ แล้วฮุบเอาเงินไปเอง โดยที่เจ้าของชื่อก็ไม่เคยรู้เรื่อง
ทีนี้พอโคงการเราไม่ทิ้งกัน Ai มันตรวจสอบกับฐานข้อมูลรัฐเลยไปเจอชื่อคนเหล่านั้นเป็นเกษตรกรทั้งที่ไม่ได้เป็น
อยากให้รัฐออกมานะว่า ชื่อคนที่โดนปฏิเสธเพราะเป็นเกษตรกรเหล่านี้ ก่อนหน้านี้เคยไปขึ้นทะเบียนรับเงินต่างๆนานาโดยที่เขาไม่ได้ทำหรือไม่? เหตุไฉนอาชีพเกษตรกรจึงไปปรากฎในฐานข้อมูลพวกเขา? ใครเป็นคนกรอกลงไปต้องรับผิดชอบ!!
ต้องมีการลากคนผิดออกมาให้ชัดเจน ไม่แถลงแค่ว่า "ระบบผิดพลาด" คนผิดลอยนวล
#เราไม่ทิ้งกัน #เราไม่ใช่เกษตรกร
..
การลงทะเบียนไม่ทิ้งกันนี่ก็ดีนะ ทำให้เราเช็คได้หมดเลย ว่าตกลงมีคนเอาชื่อเราไปทำอะไรหรือเปล่า?
บางคนโดนหาว่าเป็นเกษตรกร
ต้องตั้งคำถามว่า ใครมันเคยเอาชื่อคุณไปสวมสิทธิ์รับเงินเยียวยาจากภาครัฐในฐานะเกษตรกรหรือเปล่า?
บางคนโดนหาว่าเป็นนักศึกษา
งั้นก็ไม่รู้ว่าอาจมีใครใช้ชื่อคุณสวมสิทธิ์ไปขอรับทุนการศึกษา/ทุนช่วยเหลืออะไรหรือเปล่า?
บางคนโดนหาว่าเป็นเจ้าของกิจการ
อยู่ดีๆชื่อคุณกลายไปเป็นเจ้าของบริษัทผี ตัวตายตัวแทนให้ใครหรือเปล่า?
คำถาม คือ คนมีอำนาจระดับเอาชื่อคนมากมายไปใช้ทำนู่นทำนี่ได้คือใคร? แต่สุดท้ายก็รู้คำตอบแหละ "ระบบผิดพลาด" คนผิดลอยนวล
บางที Ai มันอาจไม่ได้รวน แต่มันขุดความจริงที่เราไม่เคยรู้ตัวขึ้นมาแค่นั้น
#เราไม่ทิ้งกัน #เราไม่ใช่เกษตรกร
Rapeesak E. Jarupoom
ooo
Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล
10 hrs ·
ประเด็นน่าสนใจค่ะ ส่วนตัวขอตั้งข้อสังเกตสั้นๆ ว่า อาจไม่ได้ถูกใครสวมสิทธิ์ก็ได้ โดยรวมน่าจะมีความเป็นไปได้สี่ข้อหลักๆ ที่ชื่อคนที่ไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกร จะไปอยู่ในทะเบียนเกษตรกร (ซึ่งก็ไม่รู้ใช้ฐานข้อมูลของใคร ของกระทรวงเกษตรหรือ ธกส.?) แล้วเลยโดนตัดสิทธิไม่ได้เงินช่วยเหลือ #เราไม่ทิ้งกัน
1. คนในครอบครัวเคยเอาชื่อไปลงทะเบียนเป็นเกษตรกรเพื่อจะได้รับสิทธิ์บางอย่างเพิ่มเติม เช่น สวัสดิการ ธกส., สปก., เงินเยียวยาภัยพิบัติ ฯลฯ (เพราะ "ครัวเรือน" ทั้งบ้านเป็นเกษตรกร ถึงแม้สมาชิกบางคนอาจไม่ใช่)
2. ก่อนหน้านี้เคยทำการเกษตร แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำแล้ว หรือไม่ก็ไม่ได้ทำเป็นอาชีพหลัก (เช่น ย้ายเข้าเมืองมารับจ้าง แล้วเป็น "ชาวนามือถือ" โทรฯ จ้างคนอื่นลงแรงทำนาให้ เป็นต้น) แต่ฐานข้อมูลรัฐไม่เคยอัพเดท และไม่ยืดหยุ่นพอที่จะเข้าใจว่าคนมีหลายอาชีพได้
3. ถูกใครก็ไม่รู้สวมสิทธิ เอาชื่อไปใช้ (รับเงิน) บางอย่างโดยไม่รู้ตัว อันนี้คนทำตั้งใจฉ้อฉลชัดเจนเหมือนที่เจ้าของโพสด้านล่างบอก
4. กระทรวงการคลังอาจจะออกแบบระบบ #เราไม่ทิ้งกัน มาชุ่ยเอง ดูจากนามสกุล+ที่อยู่ แล้วพอเจอว่าผู้สมัครมีนามสกุลเดียวกัน ที่อยู่เดียวกัน กับคนที่มีชื่อในทะเบียนเกษตรกร ก็อนุมานเอาเองว่าคนคนนี้ "เป็นเกษตรกรด้วย" ทั้งที่อาจไม่ใช่เลย (<-- ตามจริงไม่น่าจะชุ่ยขนาดนี้นะ แต่ก็ไม่แน่ใจ ใส่เป็นความเป็นไปได้ไว้ก่อน ตราบใดที่กระทรวงการคลังไม่ชี้แจง ถถถ)
ปัญหาแบบนี้และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ #เราไม่ทิ้งกัน เป็นตัวอย่างของนโยบายที่ไม่ได้คิดบนฐานของความเข้าอกเข้าใจประชาชนแม้แต่น้อย เช่น ไม่เข้าใจว่าคนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เขาไม่ได้มี "อาชีพเดียว" แต่ทำงานหลายอย่างเพื่อเอาตัวรอด แถมรัฐบาลยังทำมาตรการนี้อย่างไม่โปร่งใส ไม่ชัดเจน และไม่เข้าใจข้อมูลมหาศาลที่ตัวเองมีด้วย ไม่พยายามทำให้ง่ายที่สุด (เช่น เคยเสนอไปแล้วว่าให้ดูจากยอดบัญชีเงินฝากธนาคาร เป็น proxy หรือค่าแทนระดับความจน และใช้อันนี้เป็นเกณฑ์ในการให้ความช่วยเหลือ ไม่ต้องไปสนใจว่าเจ้าของบัญชีทำอาชีพอะไร ส่วนคนจนที่ไม่มีบัญชีธนาคารควรให้เอ็นจีโอ กลุ่มออมทรัพย์ และหน่วยงานระดับท้องถิ่นเป็นตัวกลาง เพราะย่อมรู้จักคนจนในพื้นที่ทำงานของตัวเองดี)
ประชาชนทุกคนสมควรได้รับความช่วยเหลือตรงๆ โดยที่ไม่ต้องมาเครียดกับการกรอกคุณสมบัติ จากนั้นต้องลุ้นเหมือนเล่นหวยว่าจะได้เงินหรือเปล่า ซ้ำร้ายถ้าได้เงินก็ต้องเสี่ยงกับการถูกล่าแม่มด ลำเลิกบุญคุณต่างๆ นานา ราวกับว่า 5,000 บาทนี่ลอยลงมาจากฟ้า ไม่ใช่เงินภาษีของประชาชน
หวังว่ารัฐบาลจะพยายามเข้าอกเข้าใจประชาชนมากขึ้น ไปปรับปรุงมาตรการนี้และมาตรการอื่นๆ ที่จะตามมา
...
จะปล่อยให้คนนับสิบล้านอยู่กันไปโดยไม่มีเงินไม่ได้
โครงการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท กำลังประสบปัญหายุ่งเหยิงและแก้ไม่ตกง่ายๆ ทำให้การจ่ายเงินล่าช้าและผู้ที่ตกงานหยุดงานขาดรายได้นับสิบล้านคนต้องอยู่โดยไม่มีเงินใช้มา 3 สัปดาห์และยังไม่มีใครรู้ว่าจะได้รับเงินกันเมื่อไร
การที่ตัวเลขผู้สมัครขอรับการเยียวยาในโครงการนี้มีมากเกินกว่าที่คาดไว้มากเป็นเพราะโครงการนี้ไม่ได้กำหนดให้ชัดแต่ต้นว่าจะเยียวยาเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบเฉพาะจากการที่ทางราชการสั่งปิดสถานที่ต่างๆและหยุดดำเนินกิจการ ที่สำคัญไม่มีนโยบายช่วยให้ผู้ประกอบการที่ต้องปิดกิจการให้สามารถรักษาคนงานไว้อย่างที่หลายประเทศทำกัน จึงทำให้มีคนตกงานหยุดงานมากว่าที่ควรจะเป็น หลังจากนั้นการที่กิจการหลายประเภทถูกสั่งให้ปิดก็สงผลกระทบต่อกิจการอื่นที่ไม่ได้ถูกสั่งปิด ทำให้ต้องปิดไปด้วย และเมื่อเวลาล่วงเลยไปกิจการอีกจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศในภาพรวมก็ต้องปิดลงหรือไม่ก็ต้องปลดหรือลดคนงาน ผู้เดือดร้อนจึงมากขึ้นอีกหลายเท่าและต่างก็ต้องการใช้สิทธิ์จากโครงการนี้
เริ่มแรกรัฐบาลประกาศจะเยียวยาคนเพียง 3 ล้านคน แต่มีคนสมัครเข้ามามากก็ปรับเพิ่มตัวเลขเป็น 8-9 ล้านคน ล่าสุดมีผู้สมัครมากถึง 21 ล้านคน ในจำนวนนี้มีทั้งผู้ที่เข้าหลักเกณฑ์และไม่เข้าหลักเกณฑ์ แต่เนื่องจากมีฐานข้อมูลอยู่น้อย ทั้งคนที่อยู่ในระบบภาษี คนทำงาน คนว่างงาน อาชีพอิสระ เกษตรกร คนยากจนและผู้รับสวัสดิการ ล้วนไม่มีข้อมูลที่ครอบคลุมและชัดเจน การคัดกรองจึงยุ่งยากและใช้เวลานาน
ถึงวันนี้เพิ่งมีการคัดกรองไป 7.99 ล้านคน เท่ากับยังไม่ได้คัดกรองอีก 13 ล้านคน ผ่านเกณฑ์ไปเพียง 1.68 ล้านรายเท่านั้น หากยังดำเนินการได้ช้าอย่างนี้ ถึงสิ้นเดือนก็อาจยังคัดกรองไม่เสร็จก็ได้ หมายความว่าคนหลายล้านคนที่ไม่มีรายได้จะต้องอยู่กันไปโดยไม่มีเงินใช้เป็นแรมเดือนทีเดียว
ทางออกเฉพาะหน้าที่ดีที่สุดขณะนี้ รัฐบาลคงต้องยอมจ่ายเงินให้ผู้ที่สมัครขอรับเงินไปก่อนแล้วทำการตรวจสอบคัดกรองต่อไป หากพบว่าผู้ที่รับเงินเยียวยาไปซ้ำซ้อนกับการได้รับสิทธิ์เยียวยาในโครงการอื่นก็ค่อยหักคืนภายหลัง
โดยระหว่างที่ตรวจสอบ รัฐบาลควรใช้เวลาจัดระบบเกี่ยวกับการเยียวยาและสวัสดิการทั้งระบบทั้งหลายเสียใหม่ให้เกิดความชัดเจนมีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าและวิกฤตทางเศรษฐกิจที่จะรุนแรงและอยู่กับเราไปอีกนาน
เสนอให้จ่ายไปก่อนอย่างนี้ ฟังดูอาจน่าตกใจ แต่หากลองคิดกันดูดีๆ บางประเทศเขาจ่ายเงินให้ทุกคนในประเทศไปก่อนก็มี สำหรับประเทศไทยเรานั้น ผู้เดือดร้อนมีจำนวนมากกว่า 21 ล้านคนที่สมัครมาด้วยซ้ำ ถ้ากลัวปัญหาจ่ายซ้ำซ้อน ก็แก้ไม่ยากเพราะโครงการอื่นๆส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้จ่าย ถ้าผู้ที่ควรใช้สิทธิ์จากโครงการอื่นมารับเงินจากโครงการ 5,000 บาทไป ถึงเวลาจะมารับสิทธิ์จากโครงการอื่นก็สามารถหักเงินที่รับไปคืนมาได้