วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2562

คสช.ขอเผือกด้วยเรื่องจัดตั้งรัฐบาล อ้าง 'กระทบความสงบเรียบร้อย' คนละพรรคเรื่องเดียวกัน ศิโรตน์ คล้ามไพบูลย์ ซัด "มารยาททราม"


มีหลายคนตอบโต้ ธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ อย่างแสบสันต์ ที่จาบจ้วงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดทนายกฯ พรรคเพื่อไทย ในการแถลงว่าร่วมกับอีก ๖ พรรคฝ่ายประชาธิปไตยขัดขวางการสืบทอดอำนาจของ คสช. และเดินหน้าไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล

หนึ่งในนั้น ธนวัฒน์ วงศ์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักกิจกรรมต่อต้านเผด็จการที่เคยมีบทบาทเคียงคู่กับ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ดูจะแจงไว้ละเอียดกว่าเพื่อน “ก่อนจะด่าคุณหญิงสุดารัตน์ ช่วยหันไปมองแคนดิเดทนายกฯ พรรคของคุณด้วยครับ

นอกจากจะยังไม่ได้เป็น ส.ส.แล้ว ยังไม่ได้ลงสมัครเป็น ส.ส.อีก เจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่ได้เป็น เขาดีเบทกันก็ไม่มา” เนื่องเพราะวาทะของรองโฆษกฯ บริภาษณ์ว่าหญิงหน่อยไม่ได้รับเลือกเป็น ส.ส. (พลาดบัญชีรายชื่อ) ยังจะมาเสนอตัวเป็นนายกฯ
 
“น่าจะสำรวมมากกว่านี้” รายละเอียดที่ธนวัฒน์ย้อนให้ ธนกรหน้าหงายยังไม่พอ หากย้อนไปยังประเด็นที่พรรคพลังประชารัฐพยายามอ้างคะแนนเสียงทั้งประเทศ หรือ ป็อปปูลาร์โหวตเพื่อตั้งรัฐบาลเอง โดยที่มีเสียงวุฒิสมาชิก ๒๕๐ คน ซึ่ง คสช. ตั้งเอง รออนุมัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

ศิโรตน์ คล้ามไพบูลย์ ผู้ดำเนินรายการข่าวที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งซัดแรงว่าเป็น “ความประพฤติของพรรคที่ไร้มารยาท ก็เหมือนคนมารยาททราม ต่อให้กฎหมายลงโทษไม่ได้ คนที่เห็นก็รู้ว่าเป็นคนมารยาทต่ำ ไม่มีใครอบรม พ่อแม่ไม่สั่งสอน ไม่มีความคิด”

เขาอธิบายประเพณีการเมืองไทยที่ผ่านมา ๓๐ ปี “การวัดว่าใครได้เสียงข้างมากที่สุด” วัดกันที่จำนวนผู้แทนในสภา “ไม่ใช่บิดเบือนว่าเอาจำนวนคนลงคะแนนทั้งประเทศเป็นตัวตั้ง เพราะนั่นเป็นระบบนายกทางตรงซึ่งเราไม่ได้ใช้”

เหตุผลสำคัญที่เขาอ้างน่าฟัง “อีกอย่างเสียงส่วนนี้ก็ถูกใช้นับเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อไปแล้ว จะเอามาอ้างเพื่อตั้งรัฐบาลซ้ำอีกได้อย่างไร” ลงท้ายเขาอัดกลับแรงกว่าเก่าว่านี่ “ก็คือพรรคที่หื่นกระหายอำนาจ จนทำทุกวิถีทางโดยปราศจากยางอาย”

 
นักวิชาการอีกคนหนึ่ง รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร ให้ความเห็นต่อปมที่พรรคพลังประชารัฐพยายามช่วงชิงการตั้งรัฐบาลจากพรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุด ว่าเรื่องนี้เถียงกันจนได้ข้อสรุปมาเป็นศตวรรษแล้ว “ผมไม่รู้พวกนี้เรียนที่ไหน จะได้ไม่ให้ลูกหลานไปเรียน”

เป็นที่รู้กันว่าพลังประชารัฐตอนนี้คาดว่าจะมีเสียงในสภาอยู่ที่ ๑๑๘ บวกกับพรรค รปช.ของสุเทพ เทือกสุบรรณ แน่ๆ อีก ๕ เสียง ยังต้องการอีก ๓ เสียงเพื่อเมื่อรวมกับ สว. ๒๕๐ เสียงแล้วได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

มันไปเข้าไคล้กับที่ @DuangritBunnag ทวี้ตไว้ “ให้คอยดู สาเหตุเดียวที่ยังไม่ประกาศชื่อ สว.ตอนนี้ ก็เพราะรอ ส.ส. สอบตกฝ่าย พปชร. จะได้ไปเป็น สว. กันเพียบ ไม่ต้องเชื่อแต่ขอดักคอไว้ก่อน ถ้าเกิดขึ้นจริงจะบัดซบมาก ประเทศนี้”

หรือจะเป็นอย่างที่ อุตตม สาวยานนท์ หัวหน้า พปชร. อ้างว่า “ตัวเลขเปลี่ยนได้ทุกวัน การคำนวณยังไม่สิ้นสุด” ซึ่งน่าจะหาได้ไม่ยากในช่วงที่ กกต. ยังอุบคะแนนที่นับหมดแล้วแต่ไม่ยอมเปิดจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย ๙

แต่การตั้งรัฐบาลคนละเรื่องกันดังที่ศิโรตน์ว่าไว้ ว่าธรรมเนียมปฏิบัติต้องให้พรรคเสียงข้างมากเป็นคนฟอร์ม ซึ่งจะอ้างจำนวน สว.ก็ไม่ได้เพราะยังไม่มีการโหวตเสียงสองสภา แม้แต่รายชื่อ สว. ก็ยังไม่ได้มีการประกาศออกมา

พลังประชารัฐจึงเลี่ยงบาลีไปอ้างจำนวนคะแนนเสียงทั้งประเทศตอนนี้ ๗,๙๓๘,๙๓๗ คะแนน มากกว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ ๕ แสนคะแนนกว่าๆ
 
ข้อนั้นก็มีคนมาเถียงให้เห็นได้ว่า พลังประชารัฐส่งผู้สมัคร ส.ส. ๓๕๐ เขต เพื่อไทยส่งแค่ ๒๕๐ เขต หากนำเอาทฤษฎีจัดสรรปันส่วนในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อมาใช้ ก็ต้องคิดคะแนนเฉลี่ยของจำนวนบัตรคะแนนที่แต่ละพรรคได้

ฉะนี้ @minminjung4 คำนวณออกมาได้ว่า พลังประชารัฐได้คะแนนเฉลี่ยต่อ ๑ เขตเลือกตั้ง ๒๒,๖๘๓ คะแนน ขณะที่เพื่อไทยจะได้ ๒๙,๖๙๐ คะแนน เขาว่า “ดูเอาเถอะ ใครชนะ” ตรรกะอย่างนี้พวก คสช. ไม่ยอมฟังหรอก
 
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. เอาเชียว ออกมาแถลงเรื่องความสงบเรียบร้อยจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ให้ “เดินหน้าประเทศไปตามกรอบ” แล้วก็วกไปเข้าเรื่องที่อยากเผือก “กรณีมีพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใดๆ ที่กำลังพยายามแสวงหา จับกลุ่ม จับขั้วทางการเมือง”

แขวะเข้าไปถึงกรณี ๗ พรรคร่วมลงนามสัตยาบันกันจนได้ “ไม่ควรให้สังคมมองว่าเป็นการชี้นำให้เกิดความแตกแยก จนอาจไปมีผลกระทบต่อบรรยากาศของความสงบเรียบร้อย” เห็นมีคอมเม้นต์แบบว่าถ่มมาก็ถุยกลับหลายราย

“การที่กองทัพยึดอำนาจและแทรกแซงการเมืองต่างหาก ที่สร้างความขัดแย้งและเป็นสาเหตุของความไม่สงบ” นี่จาก @watanamuangsook