วันจันทร์, พฤศจิกายน 12, 2561

ลมหายใจแดงไม่แพ้ : คอลัมน์ ใบตองแห้ง




งานส่ง "จ๋า" ผู้หญิงยิง ฮ. คนเพียบ รวม "เสื้อแดงแถวหน้า" ทั้ง กทม. ปริมณฑล มีใครไม่รู้แจกปฏิทินเป็นภัยความมั่นคงด้วย ได้ถ่ายรูปกับแท็กซี่ แต่หาตัวทนายน้อยไม่ทัน


Atukkit Sawangsuk


ooo




https://www.khaosod.co.th/hot-topics/news_1803801


ตั้งใจจะเขียนถึง "จ๋า" ผู้หญิงยิง ฮ. ก็พอดี มีเรื่องไล่เก็บปฏิทินแม้ว ปู ที่แจกจ่ายในหมู่คนเสื้อแดง
ปฏิทินคนหนีคดี เป็นภัยต่อความมั่นคง? อ้าว แล้วทีจอมพลสฤษดิ์ ทุจริตถูกยึดทรัพย์ ทหารยังกราบไหว้รูปปั้นกันอยู่เลย ถนอมก็ยังมีหอประชุมกิตติขจร ทั้งที่เป็นทรราชย์ ชาวบ้านเอาภาพแม้ว ปู มาทำปฏิทินแจกผิดตรงไหน
ผมไม่ได้ที่แม้ว ปู ผมมองที่ความกล้าท้าทาย มันไม่ใช่เสื้อแดงงมงาย ยึดติดแม้วปู แม้แน่ละ แดงกับทักษิณแยกกันไม่ได้เพราะถูกกระทำทั้งคู่ ถูกรัฐประหาร ถูกยึดอำนาจ ได้รับความอยุติธรรม หัวอกเดียวกันจนแยกไม่ออก
ปฏิทินแม้ว ปู มองอีกมุมมันคือการท้าทาย เพนกวินยังเอามาเล่น โลกออนไลน์ทำเป็นไวรัล ขณะเดียวกันมันก็แสดงว่าเสื้อแดงไม่เคยยอมสยบ จะ 5 ปีแล้วนะไอ้สัส จำกัดเสรีภาพ กดดันกันทุกอย่าง บางคนโดนทหารเยี่ยมบ้านรายสัปดาห์ ยังเอาไม่ลง แม้เฉย ไม่เคลื่อนไหว แต่ไม่เคยกลัว ไม่เคยยอม ไม่สะทกสะท้าน รอทีกูบ้าง เท่านั้นเอง
ไม่ได้คาดหวังหรอกนะว่าฐานเสื้อแดงจะยังใหญ่โตเหมือนปี 53-54 แต่มั่นใจว่า "เสื้อแดงแถวหน้า" อย่างจ๋า อย่างแดงเสรีชน แดงเชียงใหม่ ขอนแก่น และอีกหลายร้อยหลายพันคน ในทุกพื้นที่ ยังไม่ยอมจำนน "ลมหายใจไม่แพ้" ทั้งที่ไม่ใช่นักการเมือง ส่วนใหญ่แทบไม่เกี่ยวข้องกับ ส.ส.ในพื้นที่ด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่ใช่แกนนำแบบขึ้นเวที
เสื้อแดงไม่ได้มาจากคนที่ โอ๊ย ต้องมีคุณภาพ มีความเข้าใจอะไรมากหรอก คือคนธรรมดานี่เอง ที่ลุกฮือขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ ด้วยความคับข้อง เพราะเป็นเจ้าของอำนาจ เป็นเสียงข้างมากที่เลือกรัฐบาล แต่กลับถูกทหาร ถูกผู้ดี อำมาตย์ คนชั้นกลาง อ้างศีลธรรมความดี มาล้มรัฐบาล ซึ่งก็คือการแย่งยึดอำนาจไปจากมือ
ถ้ามองย้อนไปนะ ผมว่ารัฐประหาร49 ยังไม่ทำให้คนลุกฮือเท่าปี 51 ยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน แล้วศาลยุบพรรค เปลี่ยนรัฐบาล มันเหมือนพันธมิตรเอาตีนเหยียบหน้าคนเลือกพรรคพลังประชาชน แล้วสิ่งที่เรียกว่ากฎหมาย ก็เข้าข้าง เสื้อแดงจึงเกิดตั้งแต่หลัง "ม็อบมีเส้น" ปิดรัฐสภา เพราะแค้นใจกับความลำเอียงกันเห็นๆ จนเป็นที่มาของการชุมนุมปี 52-53
มองย้อนปี 53 ทีไร ผมคิดว่ามันยิ่งมีความหมายโดดเด่น เป็นจุดเปลี่ยน การตื่นตัวลุกขึ้นมาทวงอำนาจของคนชนบท คนชั้นกลางระดับล่าง จาก 14 ตุลา พฤษภา 35 ที่คือการเรียกร้องประชาธิปไตยของคนชั้นกลางในเมือง แล้วหลังจากนั้นก็เกิดสองนครา แต่ครั้งนี้มันคือเสียงข้างมากตื่นขึ้นมาแล้ว อำนาจเป็นของกู
ภาพม็อบเสื้อแดง สีแดงเลือด ดูน่ากลัว ไม่ใช่แดงเฮงๆ แบบตรุษจีน เดินไปตามถนนเมืองกรุง ที่คนชั้่นกลางระดับบนคนมั่งมีมองดูจากห้องแอร์บนตึกสูง แต่ข้างล่าง มียาม แม่บ้าน คนงาน แท็กซี่ มาต้อนรับ มันเป็นภาพประวัติศาสตร์ ว่าประเทศนี้เปลี่ยนไปแล้ว เมริงเอากลับคืนไม่ได้หรอก คนที่ตื่นขึ้นมาตระหนักว่าตัวเองมีอำนาจ คับแค้นใจเพราะถูกแย่งอำนาจ ไม่มีทางกลับไปหลับไหล ยิ่งเมื่อถูกกระทำ เมื่อไม่ได้รับความยุติธรรม เลือกตั้งชนะยังถูกรัฐประหาร ถูกกดมา 4-5 ปี มันไม่มีทางเปลี่ยนใจคนได้ด้วยประชารัฐ ไทยนิยม บัตรคนจน 11.4 ล้านใบ ที่หวังว่ากลบ 10.5 ล้านเสียงไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้บอกว่าจะชนะแล้ว หรือประชาธิปไตยใกล้ผ่องอำไพ แต่บอกได้ว่าคนไม่ยอมแพ้มีอยู่จำนวนมาก เหมือนกับในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ 6 ตุลา ตั้งแต่สิ้นสุดยุค พคท. แต่ยุคนี้ยิ่งแผ่กว้างกว่า ความรุนแรง ความไม่ยุติธรรม ยิ่งบิดเบือนกันอย่างทุเรศกว่า แบบ "ผู้หญิงยิง ฮ." นี่เป็นประวัติศาสตร์เลยนะ เคยมีที่ไหน ผู้หญิงธรรมดาๆ โดนกล่าวหาว่าเอาอาวุธสงครามประทับบ่ายิง ฮ. จนทหารบาดเจ็บ ติดคุก 1 ปี 4 เดือน ไม่ได้ประกัน จนศาลยกฟ้อง โดยเรียกร้องอะไรชดเชยไม่ได้ ซ้ำร้าย ยังโดนจำคุกอีก 1 ปีฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังทหารเมื่อปี 52 ถึงไม่ได้ทำร้ายตับแตก แบบพุทธอิสระ
อย่างที่เคยตั้งข้อสังเกตไว้ เสื้อแดงแถวหน้า ยืมคำที่ อ.กรพินธ์เขียนในประชาไท ส่วนใหญ่มาจากคนธรรมดาสามัญ หลายคนไม่ได้สนใจการเมืองมาก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่ตื่นตัวขึ้นจากสถานการณ์ แท็กซี่ แม่ค้า ร้านแอร์ คนทั่วๆ ไปนี่แหละ ที่กลายเป็นนักสู้ธุลีดิน ไม่ได้บอกว่าทำอะไรถูกหมด แต่มีความกล้า มีหัวจิตหัวใจ สู้ด้วยตัวเอง นี่คือการเมืองมวลชนที่แผ่ขยาย



Atukkit Sawangsuk

Pookpui Pingping ขอบคุณที่เขียนแทนหัวใจเรา คนเสื้อแดง