วันพุธ, ตุลาคม 03, 2561
ปฏิรูปสิ่งแวดล้อม : สารพิษอาบรดแผ่นดินไทย
ปฏิรูปสิ่งแวดล้อม: สารพิษอาบรดแผ่นดินไทย แทรกซึมผ่านรกถึงทารกในครรภ์มารดา กระทบต่อพัฒนาการทางร่างกายและสมอง
หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องออกมาแนะนำวิธีการล้างสารพิษออกจากผิวเปลือกพืชผักผลไม้ แต่ไม่ตอบคำถามว่า ที่แทรกซึมเข้าไปในเนื้อพืชผักผลไม้จะล้างออกได้อย่างไร
อีกทั้งควรบอกความจริงกับผู้บริโภคว่า หน่วยงานของรัฐไม่มีศักยภาพเพียงพอในการตรวจสารพิษทุกชนิดที่สั่งเข้ามาอาบรดแผ่นดินไทย จึงขอความกรุณาบอกความจริงมากกว่าบิดเบือนให้ข้อมูลไม่ครบต่อสังคม
ดังนั้นควรหรือไม่ที่สรุปว่า พืชผักผลไม้ที่วางจำหน่ายในท้องตลาดอยู่ในระดับที่ปลอดภัย??
https://www.facebook.com/981730071860547/posts/2179103472123195/
https://www.facebook.com/344628519049864/posts/1030383177141058/
...
เราจะเอาพวกมันอีกหรือ??
กรูณากระจายข้อเท็จจริงแล้วนี้ให้คนไทยทุกคนได้ทราบกันทั่วไปถึงความเลวร้ายของหน่วยราชการและบริษัทหากินกับประเทศไทย
เปิดเผยความจริงเบื้องหลังที่มีคนของกระทรวงสาธารณสุข และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ออกมาพูดว่าพืชผักผลไม้มีสารพิษปะปนอยู่ไม่อันตรายและล้างออกได้ซึ่งไม่เป็นความจริง และนอกจากนั้นยังกล่าวอ้างว่าระดับสารพิษที่ปะปนนั้นปริมาณน้อยนิดตามค่ามาตรฐานที่ได้ตั้งขึ้น
และที่สำคัญคือผู้ที่มาจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ไม่บอกความจริงกับประชาชนว่าที่กล่าวถ้อยแถลงว่ามีสารพิษเปื้อนอยู่เพียง 10% ของตัวอย่างตรวจ ความจริงแล้วตัวเองไม่ได้ตรวจสารพาราควอท ไกลโฟเสท และความสามารถในการตรวจสารพิษฆ่าแมลงซึ่งมีอยู่สี่กลุ่มด้วยกันและในประเทศไทยให้ขึ้นทะเบียน 280 ชนิดสามารถตรวจได้เพียง 28 ชนิดและจะกล่าวได้อย่างไรว่าพืชผักผลไม้ไม่มีสารพิษเหล่านี้ และอีก 200 กว่าชนิดที่ตรวจไม่ได้ทำไมไม่บอกประชาชนให้ทราบ และตั้งกล่าวย้ำที่ล้างออกนั้นล้างออกได้เฉพาะที่ติดที่เปลือกหรือที่ผิวแต่สารพิษแต่ละชนิดมีความสามารถซึมเข้าไปในเนื้อเยี่อ และวิธีการล้างในแต่ละแบบเช่นน้ำไหลน้ำเกือด่างทับทิมโซดาไฟเป็นต้นจะได้ผลไม่เท่ากัน ในสารพิษแต่ละชนิดและนอกจากนั้นที่ว่าได้ผลนั้นไม่ได้ผลเกิน 50 หรือ 70% ด้วยซ้ำ
เมื่อสืบสาวราวเรื่องไปแล้วจะพบว่า การแถลงของคนในกระทรวงสาธารณสุขและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับกระทรวงเกษตร
นี่เป็นอีก กลยุทธ์ระยำอีกหนึ่งที่พยายามที่จะทำให้มีการใช้สารพิษต่อเนื่องไปอีก โดยทุกอย่างยังคงอยู่ในกำมือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงอุตสากรรมซึ่งทำงานร่วมกับบริษัทสารพิษมาตลอด 30 40 ปี และทำลายความน่าเชื่อถือของกระทรวงสาธารณสุขลงไปอีก
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ร่วมกับกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งอาศัยพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายโดยคนเหล่านี้ต่างก็มาจากบริษัทนำเข้าบริษัทจำหน่ายหน่วยราชการกระทรวงทบวงกรมที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนให้ใช้สารพิษเหล่านี้ฆ่าประชาชนคนไทย
จะเห็นว่าในกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ในหัวข้อปริมาณสารพิษตกค้าง:
มีเฉพาะหน่วยงานราชการ และสมาคมสารพิษ 2 สมาคมลำดับ 11-12
ส่วนลำดับ 10 คือ ซีพี
ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 คน (ลำดับ 13 เป็นกรรมการวัตถุอันตราย และ ลำดับที่ 14 เป็นอนุกรรมการเฉพาะกิจ พิจารณาพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต) เป็นกรรมการและอนุฯที่สนับสนุนให้มีการใช้สาพิษ 3 ชนิดต่อ
มติของสมัชชาสุขภาพครั้งที่ 5 ปี 2555 ประชาชนเคยเรียกร้องให้องค์กรผู้บริโภค และภาคสังคมมีส่วนร่วมในการกำหนดค่า MRL นอกจากกลุ่มสมาคมค้าสารพิษแต่ไม่ได้รับการยอมรับ
มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2555
มติ 5.5 ความปลอดภัยทางอาหาร: การแก้ไขปัญหาจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ข้อ 1.2
ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการกำหนดค่าปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit: MRL) ตามมาตรฐานสากล และส่งเสริมความรู้แก่สังคมเพื่อปกป้องสุขภาวะประชาชน
และในข้อ 2 ข้อ 2
ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ดำเนินการปรับปรุงประกาศกฎเกณฑ์การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย โดยให้องค์กรสาธารณะประโยชน์ เป็นผู้คัดเลือกตัวแทนของตนแต่ละสาขาเพื่อให้ได้ตัวแทนที่แท้จริงตามเจตนารมณ์
ความพยายามที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับคนไทยไม่สำเร็จ!!!!!!
การจัดสารพิษกำจัดศัตรูพืชและการกำหนดความปลอดภัยในผัก ผลไม้ สินค้าเกษตร จึงอยู่ในหน่วยงานของราชการและกลุ่มผลประโยชน์จากสารพิษทั้งสิ้น
https://movement.samatcha.org/index/index.php…
ที่มา FB
ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha
...