ปัดโธ่ แกล้งโง่ตีขลุม ประยุทธ์พูดถึงปีนี้
๒๕๖๑ “สิ่งที่ตนคาดหวัง คือ...๒.การเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่ไม่มีความขัดแย้งอีกต่อไป”
ประชาธิปไตยที่ไหน (วะ) ไม่มีความขัดแย้ง นั่นมันเผด็จการฟาสซิสต์น่ะสิ
ที่ “ประกาศไว้เลย สถานการณ์ถ้ายังมีความขัดแย้งสูง
การเลือกตั้งได้หรือเปล่า” ได้สิ ไม่งั้นจะเรียกว่าแข่งขันหรือ
แต่วันนี้ความขัดแย้งอาจไม่ใช่เหมือน “ที่ผ่านมาเคยเกิดเรื่องมาแล้วจากสองพรรคใหญ่”
ก็ได้
ไม่เชื่อไปดู ‘คำคม’ ของปริญญา เทวานฤมิตรกุล
รองอธิการบดีธรรมศาสตร์
เขาชี้ว่าการแบ่งข้างครั้งใหม่ไม่ใช่ระหว่างเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง ซ้ำไม่ใช่ระหว่างเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์เสียด้วย
“แต่คือการแบ่งข้างระหว่างฝ่ายทหาร
หรือที่เชียร์ทหาร กับฝ่ายที่ไม่เชียร์ทหาร” แม้นอธึกกิต แสวงสุข จะถามกลับแสบ “แล้วปริญญาอยู่ข้างไหน”
หึ หึ
แล้วที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหน็บแนม “วันข้างหน้าอีกพรรคหนึ่งได้อีกพรรคจะยอมรับได้หรือไม่ตนก็ไม่รู้”
อันนี้ต้องไปถามลุงกำนันดูนะ คนที่ออกมาประกาศว่าจะดันทั่นเป็นนายกฯ อีกน่ะแหละ
“มากลัวผมอยู่นั่นว่าผมจะเข้าไปเป็นนายกฯ
คนนอก แล้วไอ้คนในต้องหาให้เจอก่อน คนนอกอาจจะไม่ใช่ผมก็ได้มันมีตั้งหลายคนเขาอาจจะหาคนอื่นเข้ามาก็ได้
ทำไมต้องมากลัวผม”
ก่อนอื่นจะให้หาเจอมันต้องยอมเปิดทางให้เขาหาเสียก่อน
อย่ากีดอย่ากัน อย่าเลื่อนแล้วเลื่อนอีก คนไทยอาจจะขี้เกียจจำกันบ้าง
แต่ฝรั่งเขาจำแม่นนะ ลองดูแค็ปชั่นภาพที่ Kaewmala @Thai_Talk
เธอสะสมไว้ให้ดูสิ คุณพี่ฮุนต้าไทย เลื่อนเลือกตั้งมาแล้วสามหน
“Many Thais seem not to
expect, or much care if there will be, elections in 2018. Not surprising. Fool
me once, twice, trice, ... The tease since
the 2014 coup...”
นี่แหละคือสิ่งที่เขากลัวกัน
กลัวทั่นเบี้ยวเอาไปกินเอง วันนี้นั่งร้านพากันรื้อฐานเพราะเห็นว่าโดนทหารหลอกใช้ แล้วยังมีคำสั่ง
๕๓/๒๕๖๐ ซ่อนเล็บไว้กินตับเสียอีก ดังที่สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ ปุจฉาไว้ที่ ‘คมชัดลึก’
เรื่องกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
ที่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ สนช. ถ้า สนช. ไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร
เพราะไม่มีข้อกำหนดไว้ “ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงก็ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญกันใหม่ จึงมีการวิเคราะห์กันว่า
นี่เป็นอีกจุด ที่ ‘มือกฎหมาย’ ของ คสช.วางกับดักไว้หรือไม่
ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการวางกับดักลักษณะนี้
เพื่อเป็น ‘จุดแวะพักข้างทาง’ ของโรดแม็พไปสู่การเลือกตั้ง”
ล่าสุดมีนักเศรษฐศาสตร์ออกมาย้ำเตือนอีกครั้งแล้วว่า
ตัวเลขภาคการลงทุนอาจไม่ดีเท่าที่คาดการณ์กันไว้
หากจะต้องมีการสลายสมาชิกภาพพรรคการเมือง เพื่อลงทะเบียนกันใหม่ตามคำสั่งหัวหน้า
คสช. ที่ ๕๓/๒๕๖๐ ละก็ จะเกิดปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง
“จะทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นขาดความน่าเชื่อถือ
อาจนำมาสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งใหม่ได้
อาจเกิดความขัดแย้งรุนแรงระหว่างฝ่ายสนับสนุน คสช ให้สืบทอดอำนาจ และ
ฝ่ายยึดถือหลักการประชาธิปไตย”
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นวิเคราะห์สถานการณ์สำหรับปี
๒๕๖๑ “ทศวรรษข้างหน้าจะเป็นทศวรรษแห่งโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนของไทย
และจะวางรากฐานสำคัญในการที่ไทยจะก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วในระยะต่อไป
หากไทยประสบปัญหาในการกลับคืนสู่ประชาธิปไตย
การจัดการเลือกตั้งขาดความน่าเชื่อถือ
มีการสืบทอดอำนาจโดยไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองและความขัดแย้งรุนแรงขึ้น”
ปัญหาหลักของการคืนสู่ประชาธิปไตยไทยอยู่ที่
คสช. มักจะอ้างโร้ดแม็พที่กำกวม รวมทั้ง “สถานการณ์เป็นตัวกำหนดทุกอย่างนะอย่าลืม”
ตามคำของประยุทธ์ในวันส่งท้ายปีเก่านั่นละ